อธิบาย “Rule of Three” กฎเหล็กเลข 3 ในมุมการตลาด พร้อมไอเดียการใช้จริง
11 ส.ค. 2024
ในมุมการตลาด การสื่อสารเป็นกิจกรรมอย่างหนึ่งที่สำคัญมาก
เพราะช่วยสร้างการรับรู้ต่อแบรนด์ สร้างความรู้ ความเข้าใจ และเชื่อมโยงลูกค้าเข้ากับแบรนด์ได้
เพราะช่วยสร้างการรับรู้ต่อแบรนด์ สร้างความรู้ ความเข้าใจ และเชื่อมโยงลูกค้าเข้ากับแบรนด์ได้
หลายครั้งที่แบรนด์มีสิ่งที่ต้องการนำเสนอเป็นจำนวนมาก จึงเลือกเล่าทุกอย่างในเวลาที่จำกัด
ถึงแม้การนำเสนอแบบนี้ จะทำให้เราได้เล่าทุกอย่าง
แต่การสื่อสารด้วยจำนวนชุดข้อมูลที่มากเกินไป ก็อาจทำให้ลูกค้าจดจำอะไรไม่ได้เลยก็ได้
แต่การสื่อสารด้วยจำนวนชุดข้อมูลที่มากเกินไป ก็อาจทำให้ลูกค้าจดจำอะไรไม่ได้เลยก็ได้
ซึ่ง The Rule of Three เป็นแนวคิดหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสารของแบรนด์ และนำไปประยุกต์ใช้ได้
แล้ว The Rule of Three คืออะไร ?
และเกี่ยวข้องอย่างไรกับการตลาดและการสื่อสารของแบรนด์ ?
และเกี่ยวข้องอย่างไรกับการตลาดและการสื่อสารของแบรนด์ ?
The Rule of Three คือ หลักการทรงพลังที่เปรียบเสมือนหัวใจของศิลปะแห่งการสื่อสารที่มีมานานหลายศตวรรษ
ย้อนกลับไปในสมัยกรุงโรม The Rule of Three รู้จักกันในวลีภาษาละตินว่า “Omne Trium Perfectum”
ซึ่งวลีดังกล่าวมีความหมายว่า “ทุกสิ่งที่มีองค์ประกอบ 3 ส่วน คือความสมบูรณ์แบบ”
ซึ่งวลีดังกล่าวมีความหมายว่า “ทุกสิ่งที่มีองค์ประกอบ 3 ส่วน คือความสมบูรณ์แบบ”
ซึ่งกฎดังกล่าวได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย และถูกนำไปใช้ในโครงสร้างการพูดและการเขียน
รวมถึงใช้ในวาทศิลป์เพื่อการโน้มน้าว ชักจูง ในภาษาละตินอีกด้วย
รวมถึงใช้ในวาทศิลป์เพื่อการโน้มน้าว ชักจูง ในภาษาละตินอีกด้วย
ต่อมา The Rule of Three ก็ได้รับการศึกษาและวิจัยทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาเพิ่มเติม
โดย Alan Baddeley ได้ทำการทดลองเกี่ยวกับความทรงจำและการประมวลผลข้อมูลของมนุษย์
และได้ข้อสรุปออกมาว่า
และได้ข้อสรุปออกมาว่า
ถ้าเราได้รับชุดข้อมูลอะไรบางอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ชุดข้อมูลนั้นจะเข้าไปอยู่ในหน่วยความจำระยะสั้น
และเราจะจดจำสิ่งต่าง ๆ ได้เพียง 3-4 อย่าง ในช่วงระยะเวลาประมาณ 20 วินาทีเท่านั้น แล้วก็หายไป
และเราจะจดจำสิ่งต่าง ๆ ได้เพียง 3-4 อย่าง ในช่วงระยะเวลาประมาณ 20 วินาทีเท่านั้น แล้วก็หายไป
ยกเว้นแต่ว่าจะท่องจำชุดข้อมูลนั้นซ้ำ ๆ อยู่เรื่อย ๆ ชุดข้อมูลนั้นก็จะย้ายจากหน่วยความจำระยะสั้น
ไปที่หน่วยความจำระยะยาวแทน
ไปที่หน่วยความจำระยะยาวแทน
แล้ว The Rule of Three มีหลักการอย่างไร ?
The Rule of Three มีหลักการง่าย ๆ คือ การแบ่งข้อความหรือชุดข้อมูลที่ต้องการสื่อสารออกเป็น 3 ส่วน
โดยข้อมูลที่แบ่งออกเป็น 3 ส่วนนี้ จะทำให้ข้อความยาว ๆ ที่ดูไม่น่าอ่าน มีความน่าสนใจ น่าจดจำ และน่าเชื่อถือมากขึ้นได้
เช่น เบอร์โทรศัพท์ มักมีการแบ่งชุดตัวเลขออกเป็น 3 ชุด แต่ละชุดมี 3-4 ตัวเลข
ทั้งนี้ก็เพื่อความง่ายในการจดจำชุดตัวเลขในเบอร์โทรศัพท์
ทั้งนี้ก็เพื่อความง่ายในการจดจำชุดตัวเลขในเบอร์โทรศัพท์
ด้วยความเรียบง่ายและทรงพลัง หลักการนี้จึงถูกนำไปใช้ในการสื่อสารหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น
การเขียน การเล่าเรื่องราว การพูดสุนทรพจน์ การพูดในที่สาธารณะ งานภาพถ่าย หรืองานศิลปะ
การเขียน การเล่าเรื่องราว การพูดสุนทรพจน์ การพูดในที่สาธารณะ งานภาพถ่าย หรืองานศิลปะ
ตัวอย่างเช่น สุนทรพจน์เกตตีสเบิร์กของอดีตประธานาธิบดี Abraham Lincoln ในปี 1863 ที่ว่า
“..รัฐบาลของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน..”
“..รัฐบาลของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน..”
ซึ่งในเวลาต่อมา คำพูดดังกล่าวก็กลายเป็นสุนทรพจน์ที่งดงาม ลึกซึ้ง เป็นที่รู้จักและจดจำของคนทั้งโลก
และในปัจจุบันหลักการนี้ก็ถูกนำไปประยุกต์ใช้ในการสื่อสารเพื่อประโยชน์ทางการตลาด
ในการสร้างความประทับใจ และช่วยให้ลูกค้าจดจำข้อมูลที่แบรนด์ต้องการสื่อสารออกไปได้มากขึ้น เช่น
ในการสร้างความประทับใจ และช่วยให้ลูกค้าจดจำข้อมูลที่แบรนด์ต้องการสื่อสารออกไปได้มากขึ้น เช่น
1. การโฆษณาและการประชาสัมพันธ์
ส่วนใหญ่มักเกี่ยวข้องกับการคิดสโลแกนและแท็กไลน์ของแบรนด์ต่าง ๆ
ซึ่งมักจะเป็นวลีสั้น ๆ มีประมาณ 3-4 คำ เพื่อให้ง่ายต่อการจดจำ ตัวอย่างเช่น
ซึ่งมักจะเป็นวลีสั้น ๆ มีประมาณ 3-4 คำ เพื่อให้ง่ายต่อการจดจำ ตัวอย่างเช่น
- Nike มีสโลแกนดังที่หลายคนจดจำได้ก็คือ “Just Do It”
- McDonald’s มีสโลแกนคือ “I’m Lovin’ It”
- McDonald’s มีสโลแกนคือ “I’m Lovin’ It”
2. การนำเสนอข้อมูลฟีเชอร์ต่าง ๆ ของสินค้า
การนำเสนอข้อมูลผลิตภัณฑ์ควรเลือกนำเสนอจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด 3 อันดับแรกเท่านั้น
เพราะถ้านำเสนอเพียง 1-2 อย่าง จะน้อยเกินไป แต่ถ้ามากกว่า 3 อย่าง ลูกค้าจะเริ่มจดจำสิ่งที่นำเสนอไม่ได้
เพราะถ้านำเสนอเพียง 1-2 อย่าง จะน้อยเกินไป แต่ถ้ามากกว่า 3 อย่าง ลูกค้าจะเริ่มจดจำสิ่งที่นำเสนอไม่ได้
เช่น ถ้าเราเข้าไปในเว็บไซต์ Apple แล้วเลื่อนไปดูโฆษณา iPhone เราจะพบข้อความที่ว่า
“Our most powerful cameras yet. Ultrafast chips. And USB-C.”
“Our most powerful cameras yet. Ultrafast chips. And USB-C.”
จะเห็นว่า Apple เลือกฟีเชอร์ที่คิดว่าเด่น ๆ เพียง 3 อย่าง ออกมานำเสนอเท่านั้น
ซึ่งก็คือ กล้อง, ชิปประมวลผล และพอร์ต USB-C แม้ว่า iPhone จะมีจุดเด่นมากกว่า 3 อย่างก็ตาม
ซึ่งก็คือ กล้อง, ชิปประมวลผล และพอร์ต USB-C แม้ว่า iPhone จะมีจุดเด่นมากกว่า 3 อย่างก็ตาม
3. การเล่าเรื่องราว (Storytelling) ของแบรนด์
การเล่าเรื่องราวของแบรนด์เป็นกลยุทธ์การตลาดอย่างหนึ่งที่ช่วยให้แบรนด์กลายเป็นที่รู้จักและจดจำได้
โดยการเล่าเรื่องราวก็มีวิธีเล่าหลากหลายวิธี
ซึ่งเฟรมเวิร์กหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ “Hero’s Journey”
ซึ่งเฟรมเวิร์กหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ “Hero’s Journey”
“Hero’s Journey” คือ เฟรมเวิร์กโครงสร้างเรื่องราวสำเร็จรูป 12 ขั้นตอนเกี่ยวกับการผจญภัยของฮีโร
แต่จริง ๆ แล้ว เฟรมเวิร์กนี้สามารถย่อให้เหลือได้ใน 3 ขั้นตอนง่าย ๆ ที่แบรนด์ระดับโลกต่างก็นำไปใช้ คือ
แต่จริง ๆ แล้ว เฟรมเวิร์กนี้สามารถย่อให้เหลือได้ใน 3 ขั้นตอนง่าย ๆ ที่แบรนด์ระดับโลกต่างก็นำไปใช้ คือ
- การตั้งค่า (Setup) : เป็นการเริ่มต้นเซตติงเรื่องราวในชีวิตประจำวันธรรมดา ๆ ของตัวเอก
- การเผชิญหน้า (Confrontation) : ตัวเอกต้องเผชิญหน้ากับศัตรู ปัญหาหรืออุปสรรคบางอย่าง
- การแก้ปัญหา (Resolution) : ตัวเอกเอาชนะอุปสรรค และได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ
- การเผชิญหน้า (Confrontation) : ตัวเอกต้องเผชิญหน้ากับศัตรู ปัญหาหรืออุปสรรคบางอย่าง
- การแก้ปัญหา (Resolution) : ตัวเอกเอาชนะอุปสรรค และได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ
ด้วย 3 ขั้นตอนง่าย ๆ เท่านี้ ก็ทำให้เรื่องราวที่แบรนด์เล่าออกไปทรงพลัง
และเป็นที่จดจำของคนที่พบเห็นได้ง่าย ๆ
และเป็นที่จดจำของคนที่พบเห็นได้ง่าย ๆ
ทั้งหมดนี้ก็คือ The Rule of Three กฎของเลข 3 ในมุมการตลาด
ที่มีอิทธิพล และส่งผลต่อการสื่อสารของแบรนด์อย่างไม่น่าเชื่อ
ที่มีอิทธิพล และส่งผลต่อการสื่อสารของแบรนด์อย่างไม่น่าเชื่อ
ใครที่ต้องการสื่อสารข้อความไปถึงลูกค้า ก็สามารถนำแนวคิดนี้ไปประยุกต์ใช้ได้ง่าย ๆ
เพื่อสร้างการรับรู้ต่อแบรนด์ และทำให้ลูกค้าจดจำสินค้าหรือแบรนด์ได้นาน ๆ..
เพื่อสร้างการรับรู้ต่อแบรนด์ และทำให้ลูกค้าจดจำสินค้าหรือแบรนด์ได้นาน ๆ..
#TheRuleOfThree
#กลยุทธ์การตลาด
#การสื่อสารของแบรนด์
____________________
#กลยุทธ์การตลาด
#การสื่อสารของแบรนด์
____________________