KBTG เปิดตัว “KASIKORN X” มุ่งเน้นผลิตด้าน DeFi และ “Coral” NFT Marketplace
21 ต.ค. 2021
รู้หรือไม่ว่า KBTG หรือ บริษัท กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป ได้เปิดตัวบริษัท KASIKORN X หรือ KX เพื่อมุ่งเน้นผลิตสตาร์ตอัปด้าน Decentralized Finance and Beyond
ซึ่งจะเป็นระบบการเงินแบบกระจายอำนาจ ผ่านบล็อกเชน ที่ทุกฝ่ายสามารถตรวจสอบได้ ทำธุรกรรมต่าง ๆ โดยไม่ต้องอาศัยตัวกลางอย่าง ธนาคาร หรือ สถาบันการเงิน อีกต่อไป
ทั้งหมดนี้ มาจากจุดเริ่มต้นที่ KX เห็นโอกาสในการสร้างธุรกิจใหม่
ในด้านบริการทางการเงิน (Financial Service) และบริการอื่น ๆ (Non-Financial Service)
ที่มีโอกาสได้รับการยอมรับและเป็นที่นิยมในอนาคตอันใกล้นี้
ในด้านบริการทางการเงิน (Financial Service) และบริการอื่น ๆ (Non-Financial Service)
ที่มีโอกาสได้รับการยอมรับและเป็นที่นิยมในอนาคตอันใกล้นี้
โดยมี Mission หรือพันธกิจ คือการ “Building Trust in the Trustless World” หรือสร้างความเชื่อมั่นในโลกที่ปราศจากความน่าเชื่อถือ
ภายใต้การนำของคุณธนะเมศฐ์ อาริยวัฒน์ Head of Venture Builder, KASIKORN X Co.,Ltd.
ภายใต้การนำของคุณธนะเมศฐ์ อาริยวัฒน์ Head of Venture Builder, KASIKORN X Co.,Ltd.
ซึ่งที่ผ่านมา KX ได้จัดตั้งบริษัทใหม่เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล คือ Kubix ที่ดำเนินธุรกิจ ICO Portal
และครั้งนี้ก็ได้เปิดตัวธุรกิจที่สองแล้ว คือ Coral แพลตฟอร์ม NFT Marketplace
และครั้งนี้ก็ได้เปิดตัวธุรกิจที่สองแล้ว คือ Coral แพลตฟอร์ม NFT Marketplace
ทั้งนี้ ก็เพื่อสนับสนุนศิลปินไทย และเอเชีย ให้สามารถขายผลงานศิลปะ NFT ไปทั่วโลก
รวมถึงก่อให้เกิดการสร้างอาชีพ และเศรษฐกิจในรูปแบบใหม่
รวมถึงก่อให้เกิดการสร้างอาชีพ และเศรษฐกิจในรูปแบบใหม่
ด้วยเหตุนี้ Coral จึงถูกออกแบบมาในคอนเซปต์ “Super Simple NFT Marketplace”
โดยมีหลักการสำคัญก็คือ คนที่ไม่เคยซื้อ NFT มาก่อน ก็สามารถซื้อ NFT ได้อย่างง่ายดาย
ในขณะที่ฝั่งศิลปินและแบรนด์ต่าง ๆ ก็สามารถวางผลงานได้ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายล่วงหน้า
ในขณะที่ฝั่งศิลปินและแบรนด์ต่าง ๆ ก็สามารถวางผลงานได้ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายล่วงหน้า
แล้ว Coral มีจุดเด่นอย่างไร ?
หากมองในมุมของศิลปินและแบรนด์ที่เข้าร่วมแล้ว
จะได้รับประโยชน์ 3 ส่วนหลัก ๆ นั่นคือ
จะได้รับประโยชน์ 3 ส่วนหลัก ๆ นั่นคือ
1. ใช้งานง่าย จากการที่แพลตฟอร์มถูกออกแบบ ให้คล้ายกับการใช้งานบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ
ศิลปินและแบรนด์ที่เข้าร่วม จึงไม่ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ใหม่
ศิลปินและแบรนด์ที่เข้าร่วม จึงไม่ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ใหม่
2. ไม่มีค่าใช้จ่ายล่วงหน้า เพราะระบบของ Coral เป็น Lazy Minting ที่การ Mint หรือผลิต NFT จะเกิดขึ้น เมื่อมีการซื้อขายเสร็จเรียบร้อยแล้ว
จุดนี้เอง จึงสร้างความแตกต่างจาก NFT Marketplace รายอื่น ๆ ที่ศิลปินต้องทำการ Mint NFT ก่อน ถึงจะสามารถวางผลงานลงแพลตฟอร์มได้
ผลที่ตามมาก็คือ จะก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายล่วงหน้าทันที โดยที่ศิลปินก็ไม่รู้ว่าผลงานนั้นสามารถขายได้หรือไม่
ดังนั้นการใช้ Coral จะช่วยกำจัดความเสี่ยงตรงนี้ออกไป
ดังนั้นการใช้ Coral จะช่วยกำจัดความเสี่ยงตรงนี้ออกไป
3. มีช่องทางที่ให้ศิลปินและผู้ซื้อสามารถมีปฏิสัมพันธ์กันได้ทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์
ซึ่งช่วยให้ผลงานของเหล่าศิลปินมีโอกาสสร้างมูลค่ามากยิ่งขึ้น
ซึ่งช่วยให้ผลงานของเหล่าศิลปินมีโอกาสสร้างมูลค่ามากยิ่งขึ้น
โดยขณะนี้ช่องทางออฟไลน์ Coral ได้ร่วมมือกับสยามพิวรรธน์ ผู้พัฒนาธุรกิจค้าปลีกและอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำระดับโลก
ในการจัด NFT Innovation Digital Wall ให้ผู้คนสามารถชมงานศิลปะ NFT ได้อย่างใกล้ชิด
ซึ่งจะเริ่มจัดที่สยามพารากอนและไอคอนสยาม
ในการจัด NFT Innovation Digital Wall ให้ผู้คนสามารถชมงานศิลปะ NFT ได้อย่างใกล้ชิด
ซึ่งจะเริ่มจัดที่สยามพารากอนและไอคอนสยาม
ทีนี้ ลองมาดูในมุมของผู้ซื้อหรือสะสมกันบ้าง..
ซึ่งจะได้รับประโยชน์ 3 ส่วนหลัก ๆ นั่นคือ
ซึ่งจะได้รับประโยชน์ 3 ส่วนหลัก ๆ นั่นคือ
1. สามารถชำระเงินด้วยวิธีที่ใช้กันปกติ เช่น บัตรเดบิต บัตรเครดิต และโมไบล์แบงกิง
และชำระด้วยเงิน Fiat หรือสกุลเงินทั่วไปอย่างบาทและดอลลาร์สหรัฐ โดยไม่ต้องเปลี่ยนเป็นคริปโท
และชำระด้วยเงิน Fiat หรือสกุลเงินทั่วไปอย่างบาทและดอลลาร์สหรัฐ โดยไม่ต้องเปลี่ยนเป็นคริปโท
2. การันตี NFT เป็นของแท้อย่างแน่นอน
เพราะระบบมีการตรวจสอบผู้ลงผลงานก่อนเสมอ
เพราะระบบมีการตรวจสอบผู้ลงผลงานก่อนเสมอ
จึงไม่ต้องกังวลว่า จะมีใครนำงานของศิลปินคนอื่นมาแอบวางขายแทน
ที่มักเกิดขึ้นกับ NFT Marketplace รายอื่น ๆ
ที่มักเกิดขึ้นกับ NFT Marketplace รายอื่น ๆ
3. NFT ที่ได้รับ มีมาตรฐานระดับโลก
เพราะอยู่บน Ethereum เครือข่ายบล็อกเชนที่มีคนยอมรับและใช้มากที่สุดในปัจจุบัน
เพราะอยู่บน Ethereum เครือข่ายบล็อกเชนที่มีคนยอมรับและใช้มากที่สุดในปัจจุบัน
ทั้งนี้ Coral ได้ปรึกษาทั้งทาง ก.ล.ต. และธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
จึงส่งผลให้แพลตฟอร์มจะเปิดให้บริการภายในเดือนธันวาคมนี้
จึงส่งผลให้แพลตฟอร์มจะเปิดให้บริการภายในเดือนธันวาคมนี้
อย่างไรก็ตาม ช่วงแรกของ Coral เปิดให้ผู้ซื้อสามารถซื้อ NFT จากศิลปินและแบรนด์ต่าง ๆ ได้เท่านั้น ไม่สามารถซื้อ NFT ต่อจากผู้สะสมรายอื่น
แต่ไม่นานเกินรอ Coral ก็จะเปิดให้บริการซื้อขายกันเองระหว่างผู้ซื้อด้วยกันตามมา
ซึ่งเป็นช่วงที่ 2 ของแพลตฟอร์ม นั่นเอง
ซึ่งเป็นช่วงที่ 2 ของแพลตฟอร์ม นั่นเอง
โดยจะมีฟังก์ชันตามมาอีกมากมาย นอกเหนือจากการซื้อขายกันเอง
เช่น ศิลปินและแบรนด์สามารถกำหนด Royalty Fee
หรือการหักส่วนแบ่งจากการขายต่อ ๆ ไปของผู้สะสม ได้ตามใจตัวเอง
เช่น ศิลปินและแบรนด์สามารถกำหนด Royalty Fee
หรือการหักส่วนแบ่งจากการขายต่อ ๆ ไปของผู้สะสม ได้ตามใจตัวเอง
ล่าสุดในขณะนี้ มีศิลปินไทยที่อยู่บนแพลตฟอร์ม Coral แล้วทั้งหมด 9 ราย
ได้แก่ ไป Lactobacillus, Tikkywow, ทรงศีล ทิวสมบุญ, เอกชัย มิลินทะภาส, ปัณฑิตา มีบุญสบาย, Benzilla, Pomme Chan, IllustraTU และ Jiggy Bug
ได้แก่ ไป Lactobacillus, Tikkywow, ทรงศีล ทิวสมบุญ, เอกชัย มิลินทะภาส, ปัณฑิตา มีบุญสบาย, Benzilla, Pomme Chan, IllustraTU และ Jiggy Bug
อย่างไรก็ตาม Coral ยังคงเปิดรับศิลปินและพาร์ตเนอร์เพื่อเข้าร่วมแพลตฟอร์มอย่างต่อเนื่อง
บอกได้เลยว่า ครั้งนี้จะเป็นโอกาสสำคัญของพาร์ตเนอร์ที่เข้าร่วมจะได้เรียนรู้นวัตกรรม เทคโนโลยี และโมเดลธุรกิจในรูปแบบใหม่ ไปด้วยกัน และสามารถนำไปต่อยอดธุรกิจของตนต่อไปได้ นั่นเอง..
ผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://coralworld.co