ทำไม KBTG Kampus ถึงจับมือ 3 มหาวิทยาลัยชั้นนำของไทย เปิดตัวหลักสูตรระดับปริญญาโท

ทำไม KBTG Kampus ถึงจับมือ 3 มหาวิทยาลัยชั้นนำของไทย เปิดตัวหลักสูตรระดับปริญญาโท

12 พ.ย. 2024
ใครที่ติดตามข่าวของ KBTG มาตลอด คงรู้ดีว่า นอกจาก KBTG จะเป็นหน่วยงานหนึ่งของธนาคารกสิกรไทย ที่รับหน้าที่วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการพัฒนาแอปพลิเคชันและซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ที่คนไทยใช้ เช่น K PLUS, MAKE by KBank และอีก 500 กว่าแอป ที่หลายคนน่าจะรู้จัก
อีกหนึ่งบทบาทที่ KBTG ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก คือ การยกระดับการศึกษาด้านเทคโนโลยีในประเทศไทย ด้วยการพัฒนา Tech Talent รุ่นใหม่ 
โดยเน้นการศึกษาและงานวิจัยเชิงลึกจากโจทย์จริงในภาคอุตสาหกรรม เพื่อสร้างความเข้มแข็งและก้าวทันความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีในปัจจุบันที่แปรผันไปอย่างรวดเร็ว 
โดยล่าสุด KBTG ได้ร่วมกับ 3 มหาวิทยาลัยชั้นนำของไทย ได้แก่ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง, มหาวิทยาลัยมหิดล และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ออกแบบหลักสูตรระดับปริญญาโท 
อะไรคือเบื้องหลังแนวคิดที่ทำให้ KBTG ผนึก 3 สถาบันการศึกษาชั้นนำ เพื่อพัฒนาบุคลากรด้าน IT 
ผู้ที่จะตอบคำถามนี้ได้ดีที่สุด คือ คุณกระทิง-เรืองโรจน์ พูนผล ประธานกลุ่มบริษัท กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป
คุณกระทิง ฉายภาพให้เห็นถึงแรงบันดาลใจที่ทำให้ KBTG มุ่งมั่นกับการสร้างคนว่า 
“KBTG เป็น Tech Company ที่มีแพสชันเรื่องเทคโนโลยี
ดังนั้น เมื่อเห็นถึงวิวัฒนาการของเทคโนโลยีในแต่ละยุค ที่เข้ามาสร้างการเปลี่ยนแปลงกับโลกจากหน้ามือเป็นหลังมือ จนจำโลกใบเดิมแทบไม่ได้
KBTG จึงมองว่า การปรากฏตัวของเทคโนโลยี AI คืออีกหนึ่ง Wave สำคัญ
ซึ่งขณะนี้ เรากำลังอยู่หักศอกแรกของการเปลี่ยนแปลง ที่ถูกเร่งด้วย AI 
และในอนาคตอันใกล้ AI จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของคนเรา ไม่ต่างจากกระแสไฟฟ้า หรือสมาร์ตโฟน
ที่น่าสนใจคือ ตอนนี้เทคโนโลยี AI ยังเหมือนอยู่บนไหล่ของยักษ์ ที่สามารถพาตัวเองไปเชื่อมโยงกับเทคโนโลยีอื่น ๆ มากมาย จนทำให้ 1 ปีที่ผ่านมา เกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายบนโลกใบนี้ 
และเชื่อว่าอีก 10 ปีข้างหน้า จะเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาล 
ทุกวันนี้มีเครื่องมือ AI ออกมาใหม่ ๆ ทุกวัน แต่สุดท้าย AI อาจจะเข้ามาเปลี่ยนวิถีการทำงาน แต่ไม่ได้มาแทนที่มนุษย์ ถ้ามนุษย์สามารถใช้ประโยชน์จาก AI ในการทำงาน จะทำให้มนุษย์ไม่มีวันตกงาน
เพราะฉะนั้น เราต้องมีแรงงาน (Workforce) ที่ก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกการทำงาน
ซึ่งการจะมีแรงงานคุณภาพได้ ต้องย้อนกลับมาที่ระบบการศึกษา 
ซึ่งปัจจุบัน AI ส่งผลกระทบต่อโลกการศึกษาเยอะกว่าที่เราคิด 
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น นอกจากจะเข้ามาช่วย มนุษย์ไม่ควรพึ่งพา AI มากเกินไป และไม่ได้ใช้ AI เพื่อมาคิดแทนเรา 
แต่มนุษย์ยังต้องมีหน้าที่ในการคิด และอยู่ในลูปของกระบวนการต่าง ๆ ที่มี AI เสมอ”
ปัจจุบันบทบาทของ AI ในโลกการศึกษา ไม่เพียงเป็นหนึ่งในเครื่องมือของนักเรียนที่ใช้ในการสรุปข้อมูลต่าง ๆ
AI ยังเป็นผู้ช่วยอาจารย์ในการสอน ทำให้อาจารย์มีเวลาไปทำงานอื่น หรือทำให้ Personalized Learning เป็นจริงได้ และทำให้คนเข้าถึงการศึกษาได้อย่างเท่าเทียม
“หัวใจสำคัญที่จะทำให้มนุษย์อยู่รอดในยุค AI คือ ต้องมี Growth Mindset 
ยุคนี้ ลำพังเป็นน้ำครึ่งแก้วอาจไม่พอ ต้องเป็นน้ำแค่หนึ่งในสาม และพร้อมเทน้ำ 
ละทิ้งความรู้เก่า ๆ ไปบ้าง”
นี่จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมเมื่อปีที่แล้ว KBTG ถึงเปลี่ยนกลยุทธ์จาก​ AI First Transform มาเป็น Human First เพราะต้องการให้ AI เป็นเครื่องมือเพื่อมนุษย์
นอกจากจะขับเคลื่อนองค์กรให้พนักงานทั้งหมด​มี AI Literacy ยังมุ่งสร้าง 250 AI Builders ในปี 2573
ขณะเดียวกันยังสานต่อภารกิจผลักดันด้านการศึกษา  
โดยเมื่อปี 2565 KBTG ได้เปิดตัวโครงการ KBTG Kampus เพื่อแก้ปัญหาทางการศึกษาด้านเทคโนโลยีในประเทศไทย
คุณกระทิงแชร์อินไซต์ที่น่าสนใจว่า ปัจจุบัน 80% ของบริษัทในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ขาดแคลนบุคลากรทางไอที โดยเฉพาะตำแหน่งงานด้าน Cybersecurity ที่ขาดแคลนถึง 2.5 ล้านตำแหน่ง
ขณะที่สายงาน Data Scientist และ Engineer ก็ยังคงขาดแคลน เพราะเติบโตไม่ทันการขยายตัวของการนำ GenAI มาใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ 
เพื่อไม่ให้ประเทศไทยตกขบวนการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนี้ KBTG จึงมุ่งมั่น ที่จะเชื่อมต่อระหว่างภาคอุตสาหกรรมและภาคการศึกษา และเสริมสร้าง Ecosystem ของการเรียนทางด้านเทคโนโลยี (Tech Education) ให้ครบวงจรยิ่งขึ้น
สำหรับโครงการ KBTG Kampus จะประกอบไปด้วย 3 โปรแกรมหลัก คือ
- KBTG Kampus ClassNest ร่วมมือกับพันธมิตรในการออกแบบพัฒนาหลักสูตร Bootcamp สร้างบุคลากรเทคโนโลยีรุ่นใหม่ 
โดยคัดเลือกผู้สอนที่มีความเชี่ยวชาญเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศมาช่วยอัปสกิลคนไอทีทุกเพศทุกวัย เพื่อบ่มเพาะทักษะที่เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานในปัจจุบัน 
- KBTG Kampus Apprentice เปิดให้นิสิตนักศึกษาระดับชั้นปีที่ 3-4 ได้เข้ามาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ทำงานและพัฒนาทักษะผ่านการปฏิบัติงานจริงที่ KBTG กับผู้เชี่ยวชาญและทีมงานในช่วงระหว่างปีการศึกษา
ซึ่ง KBTG ร่วมมือกับคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง นำร่องโปรแกรม Apprentice และขยายผลไปยังคณะอื่น ๆ และมหาวิทยาลัยอื่น ๆ ทดแทนการเรียนในห้องเรียน ด้วยการสัมผัสโลกการทำงานจริงเป็นเวลาร่วม 2,000 ชั่วโมง 
จนถึงปัจจุบันมี Apprentice เข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 50 คน ในหลากหลายสาขาการทำงานใน KBTG         
- KBTG Kampus Co-Research ต่อยอดความร่วมมือสู่การทำงานวิจัยร่วมกัน ระหว่าง KBTG และพันธมิตรมหาวิทยาลัยชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนในการพัฒนางานวิจัยด้านเทคโนโลยี เพื่อเปิดโอกาสในการสร้างสรรค์นวัตกรรมและธุรกิจ S-Curve ใหม่ ๆ 
พร้อมยกระดับขีดความสามารถและขับเคลื่อนการทำวิจัยทางด้าน Deep Tech จากรั้วมหาวิทยาลัยออกสู่โลกภายนอก พัฒนาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์และบริการที่สร้างอิมแพ็กต่อผู้ใช้งานจริงในระดับภูมิภาค
ล่าสุด KBTG Kampus ได้ต่อยอด KBTG Apprentice ในระดับปริญญาโทร่วมกับ 3 มหาวิทยาลัยเป็นหลักสูตรนำร่อง ได้แก่
- หลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาปัญญาประดิษฐ์เพื่อการวิเคราะห์เชิงธุรกิจ 
หรือสาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
- หลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาความมั่นคงไซเบอร์และการประกันสารสนเทศ (หลักสูตรนานาชาติ) มหาวิทยาลัยมหิดล
- หลักสูตรศิลปศาสตรและวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ทั้งนี้ในการออกแบบหลักสูตร จะเป็นการทำงานร่วมกัน เพื่อคัดสรรโจทย์จากงานวิจัยจริงมาพัฒนาหลักสูตร เพื่อให้สามารถประยุกต์ใช้ได้จริงในโลกอุตสาหกรรมปัจจุบันและอนาคต 
รวมถึงมุ่งเน้นสาขาวิชาที่มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ตั้งแต่การพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์ข้อมูลสำหรับการวิเคราะห์และพยากรณ์ข้อมูล ด้านปัญญาประดิษฐ์และนวัตกรรม ไปจนถึงด้านความปลอดภัย
งานนี้นอกจากคุณกระทิงจะเผยถึงความมุ่งมั่นของ KBTG แล้ว ภายในงานยังมีการเสวนาในหัวข้อ Thailand's Future of Higher Education ร่วมด้วยอธิการบดีจากทั้ง 3 สถาบัน
โดยทั้งสามมีมุมมองที่สอดคล้องในเรื่องการปรับตัวของมหาวิทยาลัยเพื่อให้ก้าวทันกับบริบทโลกที่เปลี่ยนแปลงไป 
ในมุมของรองศาสตราจารย์ ดร.คมสัน มาลีสี อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มองว่า ในยุคที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงเร็วมาก การร่วมมือกัน เพื่อรับมือกับเทคโนโลยี AI เป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะปัจจุบัน การปิดกั้นการใช้ AI อาจจะไม่ใช่คำตอบ แต่ต้องหาเครื่องมือมาส่งเสริมให้ใช้ AI อย่างมีประสิทธิภาพ
ด้านศาสตราจารย์ นายแพทย์ปิยะมิตร ศรีธรา อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงที่อยู่รอบตัว ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการมาของเทคโนโลยี AI แต่ยังมีความเสี่ยงจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ
ดังนั้นโจทย์ของมหาวิทยาลัยในวันนี้ คือ การทำให้บุคลากรในมหาวิทยาลัยเข้าถึง AI
เพราะสุดท้ายแล้วสิ่งที่จะดิสรัปต์เรา​ไม่ใช่ AI แต่เป็นคนที่สามารถใช้ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขณะที่ศาสตราจารย์ ดร.ศุภสวัสดิ์ ชัชวาลย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มองว่า โลกยุคปัจจุบันต้องการความรู้มหาศาล หัวใจสำคัญของมหาวิทยาลัย คือ จะวางตัวอยู่จุดไหนในโลก
แต่ไม่ว่าเทคโนโลยีจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงโลกอย่างไร​ ความรู้พื้นฐานยังคงเป็นสิ่งสำคัญ 
“เราไม่สามารถหลบกระแสการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีได้
ดังนั้นมนุษย์ต้องรู้เท่าทัน AI และนำ AI มาใช้เป็นเครื่องมือ เพื่อเปิดพรมแดนความรู้
แต่สิ่งที่ทิ้งไม่ได้ คือ ความรู้พื้นฐาน เพราะถ้าต่อให้ AI ก้าวหน้า แต่ถ้าคนขาดความรู้พื้นฐานก็ใช้ AI ไม่ถูก ตรรกะจะทำให้ AI ก้าวหน้าและใช้ประโยชน์ได้จริง ดังนั้น มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จึงเลือกที่จะขยายความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้ระบบการเรียนการสอน”
ขณะที่คุณกระทิง ทิ้งท้ายอย่างน่าสนใจในงานเสวนาว่า KBTG รู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นหนึ่งในเครื่องจักรที่ช่วยสนับสนุนการศึกษาไทย
แม้ KBTG จะเป็นหนึ่งในบริษัทย่อยของธนาคาร แต่เราให้ความสำคัญกับการสนับสนุนการสร้างการศึกษาที่นำไปสู่อนาคต และใช้งานได้จริง โดยมีทั้ง 3 มหาวิทยาลัยชั้นนำมาร่วมบุกเบิก ในการเอาเทคโนโลยีไปตอบโจทย์หลายเรื่อง ทั้ง Healthcare, Cyber Security รวมถึงการเป็นผู้ช่วยของอาจารย์
“ในโลกอนาคต มนุษย์จะรู้แค่ศาสตร์เดียวไม่ได้ แต่ต้องรู้ลึกหลาย ๆ เรื่อง และสามารถใช้ความรู้แบบข้ามศาสตร์ เราดีใจที่ได้เป็นตัวกลาง ดึงพันธมิตรระดับโลก และทำงานกับมหาวิทยาลัยหลาย ๆ แห่ง
มาร่วมนำพาการศึกษา สร้างอนาคตให้กับประเทศ ที่ไม่ใช่แค่ Education in AI แต่เป็น AI in Education
เรายังมีอีกหลายอย่างที่อยากทำ ตอนนี้คือ ZERO TO ONE เราไม่หยุดก้าวต่อไป
ปีหน้าเรามีแผนจะทำใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการกำหนดอนาคตประเทศไทยในอีก 10 ปีข้างหน้า โดยที่เราไม่จำเป็นต้องเป็นพระเอก แต่เราอยากเป็นพระรอง ที่สร้างพระเอก”
อ้างอิง:
- งานแถลงข่าว KBTG Kampus: Future of Higher Education in the Age of AI and Tech Revolution วันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 
#KBTG #KBTGKampus #BeyondEducation #AI #MAD #CyberSecurity
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.