กรณีศึกษา Mo-Mo-Paradise ร้านชาบูที่เมนูน้อย แต่ประสบความสำเร็จ
7 ก.ย. 2020
ในประเทศไทย ตลาดร้านอาหารประเภทสุกี้-ชาบู มีมูลค่าโดยรวมประมาณ 19,000 ล้านบาท
ซึ่งในตลาดนี้มีผู้เล่นจำนวนมาก ทั้งรายใหญ่ รายเล็ก
ซึ่งในตลาดนี้มีผู้เล่นจำนวนมาก ทั้งรายใหญ่ รายเล็ก
แต่ถ้าเจาะในรายละเอียด โดยเฉพาะร้านสุกี้-ชาบูแบบพรีเมียม
หนึ่งในร้านที่ผู้บริโภคต่างชื่นชอบ และติดใจมากที่สุด ก็คงไม่พ้น Mo-Mo-Paradise..
หนึ่งในร้านที่ผู้บริโภคต่างชื่นชอบ และติดใจมากที่สุด ก็คงไม่พ้น Mo-Mo-Paradise..
รู้ไหมว่า Mo-Mo-Paradise เปิดให้บริการในประเทศไทยมาเป็นเวลา 12 ปีแล้ว
แต่ทุกวันนี้ กิจการร้านชาบู ชาบู แห่งนี้ ก็เติบโตต่อเนื่องอย่างไม่หยุดหย่อน
แต่ทุกวันนี้ กิจการร้านชาบู ชาบู แห่งนี้ ก็เติบโตต่อเนื่องอย่างไม่หยุดหย่อน
บริษัท โนเบิล เรสเตอท์รองต์ จำกัด
เจ้าของแฟรนไชส์ Mo-Mo-Paradise ในประเทศไทย
เจ้าของแฟรนไชส์ Mo-Mo-Paradise ในประเทศไทย
ปี 2560 มีรายได้ 400 ล้านบาท กำไร 10 ล้านบาท
ปี 2561 มีรายได้ 530 ล้านบาท กำไร 26 ล้านบาท
ปี 2562 มีรายได้ 764 ล้านบาท กำไร 50 ล้านบาท
ปี 2561 มีรายได้ 530 ล้านบาท กำไร 26 ล้านบาท
ปี 2562 มีรายได้ 764 ล้านบาท กำไร 50 ล้านบาท
รายได้เติบโตเฉลี่ย 38% ต่อปี และกำไรโตเฉลี่ย 124% ต่อปี
ท่ามกลางการแข่งอันดุเดือนในตลาดชาบู ชาบู
ที่มีคู่แข่งหน้าใหม่เข้ามาร่วมวง รวมถึงผู้แข่งหน้าเดิมๆ ที่ค่อยพัฒนาธุรกิจตลอดเวลา
ที่มีคู่แข่งหน้าใหม่เข้ามาร่วมวง รวมถึงผู้แข่งหน้าเดิมๆ ที่ค่อยพัฒนาธุรกิจตลอดเวลา
แต่ Mo-Mo-Paradise ก็ยังคงเติบโตได้ดีในสมรภูมินี้
แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของแบรนด์ และตัวธุรกิจ
แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของแบรนด์ และตัวธุรกิจ
แล้วอะไรคือ กลยุทธ์ของ Mo-Mo-Paradise ที่ทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จมาถึงวันนี้ได้
และ Mo-Mo-Paradise ตกลงเป็นของประเทศอะไร ไทย หรือ ญี่ปุ่น ?
จริงๆ แล้ว Mo-Mo-Paradise เปิดสาขาแรกขึ้นที่ “คาบูกิโช-ชินจูกุ” กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี พ.ศ. 2536 ซึ่งร้านก็ได้กระแสตอบรับที่ดี จนต้องขยายสาขาเพิ่มในโตเกียวและจังหวัดใกล้เคียง รวมถึงขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ
ทำให้ปัจจุบัน Mo-Mo-Paradise มีสาขารวมทั้งหมดมากกว่า 100 สาขาทั่วโลก
โดยในปี พ.ศ. 2546 Mo-Mo-Paradise เข้าไปเปิดร้านสาขาแรกที่ประเทศไต้หวัน
พ.ศ. 2553 เปิดที่ประเทศจีน
พ.ศ. 2557 เปิดที่ประเทศเวียดนาม
พ.ศ. 2559 เปิดที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และกัมพูชา
พ.ศ. 2560 เปิดที่ประเทศอินโดนีเซีย
พ.ศ. 2553 เปิดที่ประเทศจีน
พ.ศ. 2557 เปิดที่ประเทศเวียดนาม
พ.ศ. 2559 เปิดที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และกัมพูชา
พ.ศ. 2560 เปิดที่ประเทศอินโดนีเซีย
ส่วนประเทศไทย Mo-Mo-Paradise ได้เข้ามาเปิดสาขาแรกในปี พ.ศ. 2551 ที่เซ็นทรัลเวิลด์
โดยคุณสุรเวช เตลาน เป็นผู้นำแฟรนไชส์จากญี่ปุ่นเข้ามาเปิด
โดยคุณสุรเวช เตลาน เป็นผู้นำแฟรนไชส์จากญี่ปุ่นเข้ามาเปิด
คุณสุรเวช เป็นคนที่สนใจวัฒนธรรมญี่ปุ่นมาตั้งแต่วัยเด็ก
เพราะที่บ้านทำธุรกิจเกี่ยวกับส่งออกขนมญี่ปุ่น
ซึ่งหลังจากเขาจบการศึกษาที่ คณะบริหารธุรกิจและเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
ก็ได้ไปเรียนต่อที่สหรัฐฯ และทำงานที่นั้นอยู่พักหนึ่ง
เพราะที่บ้านทำธุรกิจเกี่ยวกับส่งออกขนมญี่ปุ่น
ซึ่งหลังจากเขาจบการศึกษาที่ คณะบริหารธุรกิจและเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
ก็ได้ไปเรียนต่อที่สหรัฐฯ และทำงานที่นั้นอยู่พักหนึ่ง
ในช่วงที่อยู่สหรัฐฯ เพื่อนของเขา มักชอบพาไปทานอาหารญี่ปุ่นอยู่บ่อย ประมาณสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง
เขาเลยหลงใหลความเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นแบบแท้ๆ นับแต่นั้นมา
เขาเลยหลงใหลความเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นแบบแท้ๆ นับแต่นั้นมา
พอกลับมาเมืองไทย เพื่อช่วยดูแลธุรกิจของทางที่บ้าน
วันหนึ่ง เขาก็ได้มีโอกาสเดินทางไปญี่ปุ่น เพราะเรื่องธุรกิจครอบครัว
วันหนึ่ง เขาก็ได้มีโอกาสเดินทางไปญี่ปุ่น เพราะเรื่องธุรกิจครอบครัว
แล้วบังเอิญได้เจอกับร้าน Mo-Mo-Paradise
เมื่อลองเข้าไปใช้บริการ และทานอาหารที่ร้าน เขาก็รู้สึกติดใจและประทับใจในทันที
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของรสชาติอาหาร และระบบการบริหารจัดการของร้าน
เมื่อลองเข้าไปใช้บริการ และทานอาหารที่ร้าน เขาก็รู้สึกติดใจและประทับใจในทันที
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของรสชาติอาหาร และระบบการบริหารจัดการของร้าน
คุณสุรเวช จึงติดต่อกับเจ้าของร้าน เพื่อขอแฟรนไชส์เข้ามาเปิดที่เมืองไทย
ซึ่งเขาต้องใช้เวลานานกว่า 9 เดือนในการโน้มน้าวเจ้าของร้าน
เพราะปกติเจ้าของร้านจะไม่ปล่อยแฟรนไชส์ให้คนแปลกหน้า ถ้าไม่ใช่ญาติพี่น้อง
ซึ่งเขาต้องใช้เวลานานกว่า 9 เดือนในการโน้มน้าวเจ้าของร้าน
เพราะปกติเจ้าของร้านจะไม่ปล่อยแฟรนไชส์ให้คนแปลกหน้า ถ้าไม่ใช่ญาติพี่น้อง
รวมถึงต้องเข้าไปเรียนรู้เรื่องทุกอย่างจากเจ้าของร้านเองโดยตรง
ทั้งเรื่องเข้าครัว จัดโต๊ะ ล้างจาน ฯลฯ ต้องฝึกฝนทุกอย่างหมดเพื่อให้ชำนาญในธุรกิจร้านอาหาร
ทั้งเรื่องเข้าครัว จัดโต๊ะ ล้างจาน ฯลฯ ต้องฝึกฝนทุกอย่างหมดเพื่อให้ชำนาญในธุรกิจร้านอาหาร
ซึ่งหลังจากแสดงถึงความมุ่งมั่น และผ่านบททดสอบทุกอย่างแล้ว
คุณสุรเวช ก็ได้เปิดร้าน Mo-Mo-Paradise สาขาแรกที่เซ็นทรัลเวิลด์ ดั่งที่ใจหวัง
โดยร้านมีกระแสตอบรับที่ดีเกินคาด มีลูกค้ามาต่อคิวรอทานอาหารยาวเหยียด
คุณสุรเวช ก็ได้เปิดร้าน Mo-Mo-Paradise สาขาแรกที่เซ็นทรัลเวิลด์ ดั่งที่ใจหวัง
โดยร้านมีกระแสตอบรับที่ดีเกินคาด มีลูกค้ามาต่อคิวรอทานอาหารยาวเหยียด
หลังจากนั้น Mo-Mo-Paradise ก็มีการขยายสาขาในไทยเรื่อยมา
โดยเน้นขยายสาขาภายบนห้างฯ หรือ Community Mall เป็นหลัก
จนปัจจุบันมีสาขาในประเทศไทยอยู่ 19 สาขา
โดยเน้นขยายสาขาภายบนห้างฯ หรือ Community Mall เป็นหลัก
จนปัจจุบันมีสาขาในประเทศไทยอยู่ 19 สาขา
ส่วนเรื่องโมเดลธุรกิจของ Mo-Mo-Paradise
ทางร้านจะโฟกัสคุณภาพอาหารเป็นหลัก และไม่เน้นปริมาณ
ทางร้านจะโฟกัสคุณภาพอาหารเป็นหลัก และไม่เน้นปริมาณ
คือจะมีเมนูเนื้อวัว เนื้อหมูเพียงไม่กี่ชนิดเท่านั้น
แต่คุณภาพของเนื้อจะต้องดีจนลูกค้าประทับใจจริงๆ
แต่คุณภาพของเนื้อจะต้องดีจนลูกค้าประทับใจจริงๆ
โดย Mo-Mo-Paradise มีจุดยืนที่แน่วแน่ในเรื่องนี้
และไม่ทำตามกระแสเหมือนร้านบุฟเฟ่ต์อื่นที่เน้นความหลากหลายของเมนู
เช่น เพิ่มอาหารทะเล, ซูชิ เข้ามาในเมนู
และไม่ทำตามกระแสเหมือนร้านบุฟเฟ่ต์อื่นที่เน้นความหลากหลายของเมนู
เช่น เพิ่มอาหารทะเล, ซูชิ เข้ามาในเมนู
นอกจากเรื่องคุณภาพอาหาร หรือรสชาติที่ Mo-Mo-Paradise ให้ความสำคัญแล้ว
คุณสุรเวช บอกว่า อีก 2 เรื่องที่ทางร้านให้ความสำคัญไม่แพ้กันคือ การบริการ และโลเคชัน
เพราะหากเนื้อคุณภาพดี รสชาติอร่อย แต่ลูกค้าต้องเจอกับพนักงานที่บริการแย่ๆ
ลูกค้าก็จะไม่ประทับใจ และก็อาจลังเลที่จะมาใช้บริการอีกครั้ง
ลูกค้าก็จะไม่ประทับใจ และก็อาจลังเลที่จะมาใช้บริการอีกครั้ง
หากอาหารอร่อย บริการดี แต่ทำเลเข้าถึงยากมากๆ
ไม่มีที่จอดรถ หรือเดินทางลำบาก ลูกค้าก็อาจตัดสินใจไปใช้บริการร้านอื่นที่สะดวกกว่าแทน
ไม่มีที่จอดรถ หรือเดินทางลำบาก ลูกค้าก็อาจตัดสินใจไปใช้บริการร้านอื่นที่สะดวกกว่าแทน
สรุปแล้ว ด้วยจุดยืนที่ชัดเจนของ Mo-Mo-Paradise
ที่โฟกัสกับสิ่งที่เป็น Core Value จริงๆ ของธุรกิจ นั่นก็คือ เนื้อคุณภาพดี
ที่โฟกัสกับสิ่งที่เป็น Core Value จริงๆ ของธุรกิจ นั่นก็คือ เนื้อคุณภาพดี
และไม่เอนเอียงไปตามกระแสของตลาด
อย่างการเพิ่มจำนวนเมนูให้มากที่สุด ซึ่งไม่ได้สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจเท่าไร
อย่างการเพิ่มจำนวนเมนูให้มากที่สุด ซึ่งไม่ได้สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจเท่าไร
รวมถึงการให้ความสำคัญกับ การบริการ และ โลเคชัน
กลยุทธ์หลักๆ เหล่านี้ ทำให้ Mo-Mo-Paradise แตกต่างจากคู่แข่งรายอื่น
ประสบความสำเร็จ และมีฐานลูกค้าที่เหนียวแน่น จนร้านแน่นเกือบทุกวันนั่นเอง..
ประสบความสำเร็จ และมีฐานลูกค้าที่เหนียวแน่น จนร้านแน่นเกือบทุกวันนั่นเอง..
อ้างอิง :
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
https://repository.au.edu/bitstream/handle/6623004553/16532/AU-Alumni%27s%20news-16532.pdf?sequence=2&isAllowed=y
http://www.thaifranchisecenter.com/mc/show_speaker.php?id=643
https://noblerestaurant.co.th/th/mo-mo-paradise
https://www.thailandrestaurantnews.com/review/restaurant/
https://amarinacademy.com/1449/highlight/mo-mo-paradise/
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
https://repository.au.edu/bitstream/handle/6623004553/16532/AU-Alumni%27s%20news-16532.pdf?sequence=2&isAllowed=y
http://www.thaifranchisecenter.com/mc/show_speaker.php?id=643
https://noblerestaurant.co.th/th/mo-mo-paradise
https://www.thailandrestaurantnews.com/review/restaurant/
https://amarinacademy.com/1449/highlight/mo-mo-paradise/