สรุปไอเดีย กลยุทธ์การตลาด ให้ขายของดีบน TikTok ด้วยเฟรมเวิร์ก P A C E
31 ส.ค. 2024
PACE Framework คืออะไร ?
PACE Framework เป็นเครื่องมือการตลาดจาก TikTok ที่ช่วยให้คนสนใจสินค้ามากขึ้น และเพิ่มยอดขายให้ร้านค้าได้ง่าย ๆ
PACE Framework เป็นเครื่องมือการตลาดจาก TikTok ที่ช่วยให้คนสนใจสินค้ามากขึ้น และเพิ่มยอดขายให้ร้านค้าได้ง่าย ๆ
โดยมีองค์ประกอบทั้งหมด 4 อย่าง คือ
1. P (Persona)
คือ การรู้จักลูกค้าของตัวเอง โดยร้านค้าต้องจัดกลุ่มเป้าหมายของเราว่า พวกเขาเป็นคนแบบไหน สนใจอะไร ให้ความสำคัญกับอะไร และมีพฤติกรรมอย่างไรบ้าง
ถ้าใครนึกไม่ออกว่าจะเริ่มต้นแบ่งกลุ่มเป้าหมายอย่างไร ก็ลองหาไอเดียจากการตอบคำถามต่อไปนี้ได้
- ใครคือกลุ่มเป้าหมายของเรา ?
- กลุ่มเป้าหมายกลุ่มไหนที่ชื่นชอบและยอมซื้อสินค้าของเราบ้าง ?
- แล้วต้องทำอย่างไร ให้กลุ่มเป้าหมายนั้นกลายเป็นลูกค้าของเรา ?
- กลุ่มเป้าหมายกลุ่มไหนที่ชื่นชอบและยอมซื้อสินค้าของเราบ้าง ?
- แล้วต้องทำอย่างไร ให้กลุ่มเป้าหมายนั้นกลายเป็นลูกค้าของเรา ?
อีกอย่างหนึ่งที่สำคัญก็คือ เราควรทำความเข้าใจสถิติผู้ใช้งาน TikTok ในภาพรวม
ซึ่งจะทำให้เราเข้าใจมากขึ้นว่า ผู้ใช้งาน TikTok เป็นคนอย่างไร และอาจเห็นโอกาสทำการตลาดใหม่ ๆ
ซึ่งจะทำให้เราเข้าใจมากขึ้นว่า ผู้ใช้งาน TikTok เป็นคนอย่างไร และอาจเห็นโอกาสทำการตลาดใหม่ ๆ
เช่น
- 45% ของผู้ใช้งาน TikTok ในเมือง ใช้งาน TikTok อยู่เป็นประจำ
- 50% ของผู้ใช้งาน TikTok คือผู้ปกครองที่มีลูก
- 41% ของผู้ใช้งาน TikTok มีสถานะโสด
- 41% ของผู้ใช้งาน TikTok คือคนที่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงเหมือนลูก (Pawrents)
- 45% ของผู้ใช้งาน TikTok ในเมือง ใช้งาน TikTok อยู่เป็นประจำ
- 50% ของผู้ใช้งาน TikTok คือผู้ปกครองที่มีลูก
- 41% ของผู้ใช้งาน TikTok มีสถานะโสด
- 41% ของผู้ใช้งาน TikTok คือคนที่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงเหมือนลูก (Pawrents)
หลังจากที่เราแบ่งกลุ่มเป้าหมายแล้ว ก็ผลักดันให้พวกเขากลายเป็นลูกค้าต่อผ่าน Marketing Funnel
โดย TikTok มีเส้นทางการเป็นลูกค้าตาม Marketing Funnel ดังนี้
โดย TikTok มีเส้นทางการเป็นลูกค้าตาม Marketing Funnel ดังนี้
เห็นสินค้า > คลิกเข้าไปดูสินค้า > กดสินค้าลงตะกร้า > ยืนยันคำสั่งซื้อ
ซึ่งร้านค้าต้องพิจารณาเส้นทางการเป็นลูกค้า แล้วสร้างคอนเทนต์ให้ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย
รวมถึงมีปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมายในแต่ละขั้น เพื่อดึงดูดให้พวกเขาสนใจและกลายเป็นลูกค้าในที่สุด
รวมถึงมีปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมายในแต่ละขั้น เพื่อดึงดูดให้พวกเขาสนใจและกลายเป็นลูกค้าในที่สุด
2. A (Assortment)
คือ การจัดสินค้าของร้านเป็นกลุ่ม ๆ แล้วใช้กลยุทธ์การตลาดให้เหมาะสมกับสินค้าแต่ละกลุ่ม เพื่อเพิ่มมูลค่าคำสังซื้อแต่ละออร์เดอร์ให้มากขึ้น
วิธีการแบ่งกลุ่มสินค้าคือ ใช้เครื่องมือชื่อ Assortment Model Matrix มาช่วยจัดกลุ่มสินค้าแต่ละชนิด ดังนี้
- Traffic Hook สินค้าที่มีการคลิกเข้ามาดูสูง แต่ยอดขายต่ำ ให้ใช้กลยุทธ์มัดใจลูกค้าด้วยข้อเสนอสุดพิเศษ เช่น จัดโปรโมชันลดราคาสินค้า
- Cash Cow สินค้าที่มีการคลิกเข้ามาดูสูง และมียอดขายสูง เป็นสินค้าฮีโรของแบรนด์ กลยุทธ์คือทำการตลาดและโปรโมตสินค้านี้ต่อไปเรื่อย ๆ ให้สินค้ายังคงอยู่ในกระแส และยืนระยะอยู่ได้เป็นเวลานาน
- Profitable Items สินค้าที่มีการคลิกเข้ามาดูต่ำ แต่ยอดขายสูง ต้องใช้กลยุทธ์ขายพ่วงกับสินค้าประเภท Cash Cow หรือ Traffic Hook เพื่อช่วยเพิ่มยอดขาย
- Potentials สินค้าที่มีการเห็นต่ำ และยอดขายต่ำ ใช้กลยุทธ์การกระตุ้นความอยากซื้อ ด้วยการเสนอข้อเสนอพิเศษในเวลาที่จำกัด หรืออาจโละสินค้าในกลุ่มนี้ออกไป ถ้าผลตอบรับยังไม่ดีเท่าที่ควร
นอกจากนี้ ร้านค้าก็ต้องเลือกกลยุทธ์การสื่อสารที่เหมาะสมกับสินค้าในแต่ละประเภทด้วย เช่น
- สินค้าออกใหม่ หรือสินค้าที่มีการคอลแลบกับแบรนด์อื่น ควรสื่อสารถึงความแปลกใหม่ (Novelty)
- สินค้าติดเทรนด์ หรือสินค้าตามเทศกาล ควรสื่อสารว่าลูกค้าเกี่ยวข้อง (Relevance) กับสินค้าอย่างไร
- สินค้าที่ต้องมีการซื้อใช้ซ้ำเรื่อย ๆ ควรสื่อสารย้ำ ๆ ซ้ำ ๆ (Frequency) เพื่อกระตุ้นการซื้ออีกครั้ง
3. C (Content)
คือ การทำคอนเทนต์ที่ตรงใจผู้บริโภค โดยคอนเทนต์ที่ได้รับความนิยมต้องมีองค์ประกอบคือ
ต้องมีปริมาณ (Volume) เยอะมากพอ, มีความแตกต่าง (Vary) และมีความหลากหลาย (Variety)
ต้องมีปริมาณ (Volume) เยอะมากพอ, มีความแตกต่าง (Vary) และมีความหลากหลาย (Variety)
โดยรูปแบบคอนเทนต์ที่กำลังมาแรง และได้รับความนิยมในการขายของช่วงนี้ก็คือ Livestream
ซึ่งเราสามารถดูได้ง่าย ๆ ว่า Livestream ของเราได้รับความนิยมมากน้อยแค่ไหนผ่านตัวชี้วัด ได้แก่
- ERR (Enter Room Rate)
- CTR (Click-Through Rate)
- C_O (Click to Order)
- AOV (Average Order Value)
ซึ่งเราสามารถดูได้ง่าย ๆ ว่า Livestream ของเราได้รับความนิยมมากน้อยแค่ไหนผ่านตัวชี้วัด ได้แก่
- ERR (Enter Room Rate)
- CTR (Click-Through Rate)
- C_O (Click to Order)
- AOV (Average Order Value)
หลังจากที่เรารู้ผลลัพธ์การไลฟ์ของตัวเองแล้ว ต่อไปก็ไปตรวจสอบดูว่า ตัวเลขผลลัพธ์ในขั้นตอนไหนน้อยที่สุด เราก็ต้องกลับไปหาสาเหตุและแก้ไขที่ขั้นตอนนั้น
เช่น
มีคำสั่งซื้อเข้ามาเยอะ แต่มูลค่าคำสั่งซื้อสินค้าน้อย (ค่า AOV น้อย) ก็ต้องหาสาเหตุว่า ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น แล้วแก้ไขปัญหา
มีคำสั่งซื้อเข้ามาเยอะ แต่มูลค่าคำสั่งซื้อสินค้าน้อย (ค่า AOV น้อย) ก็ต้องหาสาเหตุว่า ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น แล้วแก้ไขปัญหา
ซึ่งการแก้ไขปัญหาอาจจะใช้กลยุทธ์ Up-Selling หรือ Cross-Selling มาช่วยเพิ่มเติมก็ได้
4. E (Empowerment)
คือ การเพิ่มการมองเห็นและสร้างยอดขายให้มากขึ้น ผ่านการโฆษณา 3 ช่องทาง คือ
- Product Shopping Ads
- Video Shopping Ads
- Live Shopping Ads
- Product Shopping Ads
- Video Shopping Ads
- Live Shopping Ads
โดยหลังจากที่เรารู้แล้วว่าลูกค้าของร้านเราเป็นใคร พวกเขารู้จักหรือค้นหาสินค้าของเราจากช่องทางไหนของ TikTok สินค้าของเราเหมาะกับการนำเสนอในคอนเทนต์รูปแบบไหน
จากนั้นเราก็ใช้เครื่องมือโฆษณาทั้ง 3 ประเภทข้างต้นให้เหมาะสมกับลูกค้าและสินค้าของเรา
เช่น
ถ้าสินค้าของเราเป็นสินค้าประเภทความสวยความงาม เราก็ควรเลือกโฆษณาประเภท Video Shopping Ads หรือ Live Shopping Ads
ถ้าสินค้าของเราเป็นสินค้าประเภทความสวยความงาม เราก็ควรเลือกโฆษณาประเภท Video Shopping Ads หรือ Live Shopping Ads
เพราะจำเป็นต้องรีวิวและนำเสนอคุณสมบัติของสินค้า มีการติดตะกร้าไว้ให้แล้ว และมีผลแสดงในหน้า Feed ทำให้มีโอกาสที่ผู้ชมคอนเทนต์ทั่วไปจะเห็นสินค้าของเราไปด้วย
แต่ถ้าสินค้าของเราเป็นสินค้าอุปโภคบริโภค ที่ลูกค้ามักจะใช้วิธีค้นหาผ่านเซิร์ชในหน้า TikTok Shop
มากกว่า
เช่น ข้าวสาร กระดาษชำระ ไม้ถูพื้น ก็อาจเลือกใช้โฆษณารูปแบบ Product Shopping Ads แทน
จะเหมาะสมมากกว่า
มากกว่า
เช่น ข้าวสาร กระดาษชำระ ไม้ถูพื้น ก็อาจเลือกใช้โฆษณารูปแบบ Product Shopping Ads แทน
จะเหมาะสมมากกว่า
ทั้งหมดนี้ก็คือ ข้อมูลอินไซต์และกลยุทธ์การเพิ่มยอดขายใน TikTok ด้วย PACE Framework
ใครที่ขายสินค้าใน TikTok หรือเป็น Content Creator ที่ทำคอนเทนต์ขายสินค้าก็สามารถนำเฟรมเวิร์กนี้ไปปรับใช้ เพื่อช่วยเพิ่มยอดขายได้ง่าย ๆ..
อ้างอิง :
- ข้อมูลจากงาน TikTok Holistic Solutions : Accelerate Mega Sales Opportunities for All
- เอกสาร Shoppertainment 2024 : The Future of Consumer & Commerce
- ข้อมูลจากงาน TikTok Holistic Solutions : Accelerate Mega Sales Opportunities for All
- เอกสาร Shoppertainment 2024 : The Future of Consumer & Commerce