สรุปทริก ไอเดียการตลาด ขายของให้ถูกใจ คนรุ่นแม่

สรุปทริก ไอเดียการตลาด ขายของให้ถูกใจ คนรุ่นแม่

13 ส.ค. 2024
วันนี้นักการตลาดหลายคนน่าจะมีกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มคน Gen Z เพราะเป็นคนรุ่นใหม่
ที่กำลังจะก้าวขึ้นมามีบทบาทหลักในสังคมหลังจากนี้
แต่รู้ไหมว่าจริง ๆ แล้ว ก็มีคนอีกรุ่นหนึ่งที่ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน คือคนที่เป็น “พ่อ-แม่”
ของคน Gen Z นั่นก็คือ “คน Gen X”
ความน่าสนใจของผู้บริโภคกลุ่มนี้คือ จะเป็นกลุ่มคนที่อยู่ในจุดสูงสุดของอาชีพการงานแล้ว
บางคนเป็นเจ้าของกิจการ, บางคนรับตำแหน่งผู้บริหาร ทำให้คนกลุ่มนี้มีกำลังซื้อที่สูงมาก ๆ
แล้วการตลาดกับคน Gen X ต้องทำอย่างไร ?
Generation X (Gen X) คือกลุ่มคนที่เกิดในช่วงปี 2508-2523 มีอายุประมาณ 44-59 ปี
คนกลุ่มนี้จะเกิดและเติบโตมาในช่วงที่ เทคโนโลยี และเศรษฐกิจ กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว
ทำให้คน Gen X จะค่อนข้างคุ้นเคยกับการใช้คอมพิวเตอร์ และก็ยังสามารถปรับตัวเข้ากับยุคของสมาร์ตโฟนได้เป็นอย่างดี
จุดเด่น ๆ ของคนกลุ่มนี้คือ จะอยู่ในช่วงวัยที่ต้องดูแลทั้งพ่อ-แม่ ที่เป็น Baby Boomer
และลูก ๆ ที่เป็นคน Gen Z ไปพร้อม ๆ กัน จนได้รับการขนานนามว่าเป็น “Sandwich Generation”
คน Gen X เลยจะรอบคอบมาก ๆ เวลาจะซื้ออะไรแต่ละที ไม่ค่อยชอบซื้อตามกระแส
และคิดมาก่อนเสมอว่าคุ้มค่าไหม พูดง่าย ๆ คือ เป็นพวกที่ใช้ “เหตุผล” มากกว่า “อารมณ์”
ทำให้คน Gen X มักจะมีความคิดเห็นไม่ตรงกับคน Gen ใหม่ ๆ ที่มีแนวโน้มจะตัดสินใจ
ซื้อด้วยอารมณ์มากกว่าเหตุผลอยู่บ่อย ๆ
สำหรับคนที่นึกแครักเตอร์ของคน Gen X ไม่ออก ก็ยกตัวอย่างเช่น
อีลอน มัสก์ CEO ของ Tesla และ SpaceX อายุ 53 ปีสัตยา นาเดลลา CEO ของ Microsoft อายุ 56 ปี พี่หนุ่ม (กรรชัย กำเนิดพลอย) พิธีกรชื่อดัง อายุ 55 ปี สารัชถ์ รัตนาวะดี CEO ของ GULF อายุ 58 ปี
ทีนี้ในเมื่อจะทำการตลาดกับคน Gen X เราควรสื่อสารทางไหน ?
ตามข้อมูลของ WISESIGHT บริษัทด้านข้อมูลการตลาดชื่อดัง ได้บอกว่าคน Gen X มากถึง 81% จะมีพฤติกรรมการเสพคอนเทนต์ผ่าน Facebook และอีก 71% ดูคอนเทนต์ผ่าน YouTube
โดยการตัดสินใจซื้อส่วนใหญ่ของคน Gen X จะเกิดขึ้นบน Facebook และจะใช้ YouTube เพื่อศึกษาข้อมูลก่อนซื้อสินค้า ทำให้การยิงแอด Facebook และการทำตลาดผ่าน YouTube จะตรงจริตของคนกลุ่มนี้มาก ๆ
เมื่อรู้ช่องทางการสื่อสารแล้ว.. แล้วการตลาดแบบไหนถูกใจคนกลุ่มนี้บ้าง ?
1. สื่อสารด้วยความ “คุ้มค่า”
แม้คน Gen X เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อแทบจะมากที่สุดเหนือคนทุก Gen แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า คนรุ่นนี้จะต้องแบกภาระหลาย ๆ อย่าง จากทั้งรุ่นพ่อ-แม่ และรุ่นลูก ๆ
ทำให้คนกลุ่มนี้จะดูสินค้าที่ “ความคุ้มค่า” เป็นอันดับต้น ๆ เสมอ
ซึ่งความคุ้มค่าตรงนี้ไม่ได้หมายความว่าต้องเป็นสินค้าราคาถูกอย่างเดียว แต่สินค้านั้นต้องมี “คุณภาพและปริมาณ” ที่สอดคล้องกับ “ราคา” ด้วย
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าจะขายเฟอร์นิเจอร์ให้คน Gen X ควรสื่อสารด้วย Key Message ที่ว่าเฟอร์นิเจอร์ชิ้นนี้ทนทาน อยู่ได้นาน และไม่ต้องซื้อใหม่บ่อย ๆ เพื่อสื่อให้เห็นว่าเงินที่จ่ายมานั้นคุ้มค่านั่นเอง..
2. ทำระบบสมาชิก และระบบสะสมแต้ม
จุดเด่นที่สุดของคน Gen X คือเป็นคนที่มี Brand Loyalty สูงมาก ๆ ถ้าลองได้ติดใจแบรนด์ไหนแล้ว จะใช้สินค้าแบรนด์นั้นไปเรื่อย ๆ และจะไม่เปลี่ยนง่าย ๆ
ดังนั้นกลยุทธ์ที่จะเอามาใช้จับคนกลุ่มนี้เลยควรเน้นไปที่การสร้าง Brand Loyalty ต่าง ๆ
ยกตัวอย่างเช่น ระบบสมาชิกที่ให้พวกเขาสามารถสะสมแต้ม ที่สามารถแลกเป็นของรางวัล หรือส่วนลดเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ ก็จะยิ่งดูคุ้มค่าและถูกใจคน Gen X มากขึ้น
3. ใช้คน Gen X มาสื่อสารกับคน Gen X ด้วยกันเอง
คน Gen X จะมีแนวโน้มเชื่อคนที่เป็น Gen X ด้วยกันมากกว่า Gen อื่น ๆ
ดังนั้นถ้าอยากขายของให้คน Gen X คนที่มาสื่อสาร ก็ควรเป็นคน Gen X ด้วยกันเอง
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าอยากขายอาหารเสริมโดยมีกลุ่มลูกค้าเป็นคน Gen X
การเลือกใช้อินฟลูเอนเซอร์ ที่เป็นคน Gen X มาสื่อสารเรื่องของ สรรพคุณสินค้า
ว่าใช้แล้วดีอย่างไร เปลี่ยนแปลงตรงไหนบ้าง ก็จะช่วยให้คน Gen X เชื่อสิ่งที่แบรนด์
สื่อสารได้ดีกว่าการใช้อินฟลูเอนเซอร์รุ่นอื่น ๆ นั่นเอง
อ่านมาถึงตรงนี้.. สรุปก็คือการเลือกคน Gen X มาเป็นกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์
จะมีข้อดีคือเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อเยอะ แถมมี Brand Loyalty สูง
หมายความว่า ถ้าได้คนกลุ่มนี้เป็นลูกค้าแล้ว คนกลุ่มนี้จะอยู่กับแบรนด์ได้นาน และจ่ายหนักกว่าคนรุ่นอื่น ๆ
แต่ด้วยความที่มี Brand Loyalty สูง มันก็เป็นเหมือนดาบสองคมที่ทำให้คนพวกนี้
เปิดใจให้แบรนด์ใหม่ ๆ ยากมากเหมือนกัน..
GenX
MarketThink
รูป :
Tag:GenX
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.