อธิบาย “Curse of Knowledge” กับดักของนักการตลาด ที่ชอบคิดว่า ลูกค้าก็รู้ดีเหมือนเรา
8 เม.ย. 2024
หลายคนน่าจะเคยมีประสบการณ์อธิบายเรื่องยาก ๆ ให้คนอื่นฟัง เช่น ติววิชาคณิตศาสตร์กับเพื่อน ๆ
แล้วบางครั้งก็จะเกิดเหตุการณ์ว่า มีเพื่อนบางคนไม่เข้าใจเนื้อหา
ซึ่งเนื้อหาก็ไม่ได้สลับซับซ้อนมากมาย อธิบายไปก็แล้ว แต่เพื่อนก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี
แล้วบางครั้งก็จะเกิดเหตุการณ์ว่า มีเพื่อนบางคนไม่เข้าใจเนื้อหา
ซึ่งเนื้อหาก็ไม่ได้สลับซับซ้อนมากมาย อธิบายไปก็แล้ว แต่เพื่อนก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี
ทำให้บางคนก็อาจมีความรู้สึกว่า ทำไมเรื่องง่าย ๆ แค่นี้ถึงไม่เข้าใจสักที
ส่วนคนไม่เข้าใจก็อาจจะคิดในใจว่า เพื่อนคนนี้อธิบายเรื่องอะไรก็ไม่รู้ ช่วยพูดภาษาคนให้เข้าใจง่าย ๆ ได้ไหม
ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดจากปรากฏการณ์ทางจิตวิทยาที่มีชื่อว่า “Curse of Knowledge”
แล้ว Curse of Knowledge คืออะไร ?
Curse of Knowledge คือ อคติทางความคิด (Cognitive Bias) รูปแบบหนึ่ง ซึ่งมักเกิดขึ้นกับคนที่มีความรู้ความสามารถในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
แล้วทำให้คนคนนั้น มีความคิดและการตัดสินคนอื่นผิดไปจากที่ควรจะเป็น
แล้วทำให้คนคนนั้น มีความคิดและการตัดสินคนอื่นผิดไปจากที่ควรจะเป็น
Curse of Knowledge จึงมีชื่อเรียกเล่น ๆ ว่า คำสาปของคนมีความรู้
โดยใครก็ตามที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญในเรื่องใดมาก ๆ และอยู่กับมันมานาน
อาจจะเกิดความรู้สึกว่าความรู้นั้นเป็นเรื่องปกติ ธรรมดาสามัญมาก ที่ใคร ๆ ก็รู้
อาจจะเกิดความรู้สึกว่าความรู้นั้นเป็นเรื่องปกติ ธรรมดาสามัญมาก ที่ใคร ๆ ก็รู้
แต่ความเป็นจริงแล้วไม่ได้เป็นอย่างนั้น
เพราะความรู้นั้นเป็นความรู้เฉพาะด้าน จึงยังเป็นเรื่องยากสำหรับคนทั่วไปที่ได้ฟังเรื่องนั้นเป็นครั้งแรก จนทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้
เพราะความรู้นั้นเป็นความรู้เฉพาะด้าน จึงยังเป็นเรื่องยากสำหรับคนทั่วไปที่ได้ฟังเรื่องนั้นเป็นครั้งแรก จนทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้
ซึ่งคนมีความรู้ชุดนั้นแล้ว จะไม่เข้าใจว่า ทำไมคนอื่นถึงไม่รู้เรื่องแบบเรา
ส่วนคนทั่วไปก็ไม่เข้าใจว่า คนพูดกำลังพูดอะไรอยู่
ส่วนคนทั่วไปก็ไม่เข้าใจว่า คนพูดกำลังพูดอะไรอยู่
โดยการทดลองเกี่ยวกับ Curse of Knowledge ที่มีชื่อเสียงเกิดขึ้นในปี 1990
โดยนักศึกษาจาก Stanford University ชื่อว่า Elizabeth Louise Newton
โดยนักศึกษาจาก Stanford University ชื่อว่า Elizabeth Louise Newton
เธอได้แบ่งผู้เข้าร่วมการทดลองออกเป็น 2 กลุ่ม คือ
Tapper หรือคนเคาะจังหวะ และ Listener หรือคนฟัง
Tapper หรือคนเคาะจังหวะ และ Listener หรือคนฟัง
โดย Tapper จะได้เลือกเพลงจากลิสต์รายชื่อเพลงฮิต หรือเพลงที่คนส่วนใหญ่ในยุคนั้นรู้จักกัน
เช่น Happy Birthday, Twinkle Twinkle Little Star
มาเคาะจังหวะตามเสียงเพลงให้ Listener ฟัง แล้วให้ Listener ทายว่า เพลงนั้นชื่อว่าอะไร
เช่น Happy Birthday, Twinkle Twinkle Little Star
มาเคาะจังหวะตามเสียงเพลงให้ Listener ฟัง แล้วให้ Listener ทายว่า เพลงนั้นชื่อว่าอะไร
สิ่งที่น่าสนใจในการทดลองนี้ก็คือ
ผู้ทำการทดลองประเมินว่า Listener จะสามารถทายชื่อเพลงได้ถูกไม่ต่ำกว่า 50%
เพราะรายชื่อเพลงที่ให้ทาย เป็นเพลงที่ทุกคนน่าจะรู้จักกันอยู่แล้ว
ผู้ทำการทดลองประเมินว่า Listener จะสามารถทายชื่อเพลงได้ถูกไม่ต่ำกว่า 50%
เพราะรายชื่อเพลงที่ให้ทาย เป็นเพลงที่ทุกคนน่าจะรู้จักกันอยู่แล้ว
แต่ผลปรากฏว่า Listener ทายชื่อเพลงถูกเฉลี่ยเพียง 2.5% เท่านั้น
แล้วผลการทดลองนี้บอกอะไรกับเรา ?
ในมุมของ Tapper ที่รู้ชื่อเพลงอยู่แล้ว ย่อมง่ายมากที่จะเคาะจังหวะไปตามทำนองเพลงที่มีอยู่ในหัว
แต่จะงุนงงว่า ทำไม Listener ถึงตอบชื่อเพลงไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่มันง่ายมาก คิดเป็นเพลงอื่นไปไม่ได้แน่ ๆ
แต่จะงุนงงว่า ทำไม Listener ถึงตอบชื่อเพลงไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่มันง่ายมาก คิดเป็นเพลงอื่นไปไม่ได้แน่ ๆ
แต่ในมุมของ Listener ที่ไม่มีข้อมูลหรือคำใบ้อะไรเลย
กลับเป็นเรื่องยากมาก ที่จะทายเสียงเคาะจังหวะได้ถูกต้องว่ามาจากเพลงอะไร
แม้ว่าทุกเพลงจะเป็นเพลงที่ทุกคนน่าจะรู้จักกันหมดอยู่แล้วก็ตาม
กลับเป็นเรื่องยากมาก ที่จะทายเสียงเคาะจังหวะได้ถูกต้องว่ามาจากเพลงอะไร
แม้ว่าทุกเพลงจะเป็นเพลงที่ทุกคนน่าจะรู้จักกันหมดอยู่แล้วก็ตาม
จากการทดลอง Tapper จึงเปรียบเสมือนคนที่มีความรู้ในเรื่องหนึ่ง แล้วต้องสื่อสารออกไปให้ผู้อื่นได้รับรู้
ส่วน Listener เปรียบเสมือนคนทั่วไปที่ได้ฟัง ได้รับรู้เรื่องราวเหล่านั้นเป็นครั้งแรก ๆ
ส่วน Listener เปรียบเสมือนคนทั่วไปที่ได้ฟัง ได้รับรู้เรื่องราวเหล่านั้นเป็นครั้งแรก ๆ
ซึ่ง Tapper หรือคนมีความรู้ เมื่อได้รู้เรื่องใดเรื่องหนึ่งไปแล้ว
จะไม่เข้าใจภาวะของความไม่รู้เลยว่ามันเป็นอย่างไร
จะไม่เข้าใจภาวะของความไม่รู้เลยว่ามันเป็นอย่างไร
ภาวะแบบนี้เองที่ทำให้เกิดเป็นปรากฏการณ์ Curse of Knowledge ขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม Curse of Knowledge ไม่ใช่ความคิดเชิงลบ ในลักษณะดูถูกดูแคลน หรือไปเหยียดหยามผู้อื่น
แต่เป็นเพียงความคิดว่า “ความรู้ที่ตัวเองรู้นั้นเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไป” จนคิดไปเองว่าคนอื่นก็รู้เรื่องเหล่านั้นตามไปด้วย
ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้ สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน
ไม่ได้เกิดเฉพาะในนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ หรือคนที่จบการศึกษาในระดับสูงเท่านั้น
ไม่ได้เกิดเฉพาะในนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ หรือคนที่จบการศึกษาในระดับสูงเท่านั้น
โดย Curse of Knowledge มักทำให้คนมีความรู้เจอปัญหาเมื่อต้องสื่อสารกับผู้อื่น
เช่น พูดไปแล้วคนฟังไม่เข้าใจบ้าง หรือเกิดความเข้าใจผิดระหว่างคู่สนทนา
เช่น พูดไปแล้วคนฟังไม่เข้าใจบ้าง หรือเกิดความเข้าใจผิดระหว่างคู่สนทนา
และหากเป็นการทำงานในองค์กร ก็อาจเกิดการสื่อสารแบบผิดพลาดขึ้นได้เช่นกัน
แล้ว Curse of Knowledge เกี่ยวข้องกับธุรกิจ และการตลาด อย่างไรบ้าง ?
เจ้าของธุรกิจ นักการตลาด หรือพนักงานขาย มักจะมีความคุ้นเคยกับผลิตภัณฑ์ บริการ กระบวนการทำงาน คำศัพท์เฉพาะทาง หรือความซับซ้อนของอุตสาหกรรมเป็นอย่างดี
ซึ่งอาจทำให้พวกเขาคิดว่า ลูกค้ามีความเข้าใจในธุรกิจและสินค้าระดับเดียวกัน
จนบางครั้งก็พลาดโอกาสในการถ่ายทอดคุณค่าของสินค้าให้ลูกค้าได้รับรู้
จนบางครั้งก็พลาดโอกาสในการถ่ายทอดคุณค่าของสินค้าให้ลูกค้าได้รับรู้
โดยเฉพาะธุรกิจหรือสินค้าที่มีความเฉพาะทางมาก ๆ และต้องอาศัยการอธิบายเป็นลำดับอย่างละเอียด
เช่น สินค้าเกี่ยวกับเทคโนโลยี อสังหาริมทรัพย์ รถยนต์ หลักทรัพย์ทางการเงิน ประกันภัย
นอกจากนี้ ในกรณีนำเสนอไอเดียธุรกิจกับนักลงทุน ถ้าไอเดียมีความซับซ้อนมาก ๆ
แล้วไม่สามารถสื่อสารให้นักลงทุนเข้าใจได้ว่า ธุรกิจมีแผนจะทำอะไร มีโมเดลธุรกิจอย่างไร
ก็อาจพลาดโอกาสในการขอระดมทุนเพื่อทำธุรกิจได้เช่นกัน
แล้วไม่สามารถสื่อสารให้นักลงทุนเข้าใจได้ว่า ธุรกิจมีแผนจะทำอะไร มีโมเดลธุรกิจอย่างไร
ก็อาจพลาดโอกาสในการขอระดมทุนเพื่อทำธุรกิจได้เช่นกัน
แล้วเราจะมีวิธีจัดการกับ Curse of Knowledge ได้อย่างไรบ้าง ?
- ศึกษาภูมิหลังของคนฟังหรือลูกค้า ก่อนพบปะ
ถ้ามีเวลาเพียงพอ การทำความเข้าใจคนที่จะฟังเรา ย่อมเป็นวิธีที่ดีที่สุด
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเพศ อายุ ประสบการณ์ การศึกษา พื้นเพ ภูมิลำเนา
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเพศ อายุ ประสบการณ์ การศึกษา พื้นเพ ภูมิลำเนา
สิ่งเหล่านี้จะทำให้เราเข้าใจเบื้องต้นว่า คนฟังมีพื้นฐานความรู้ประมาณไหน และควรใช้วิธีการพูดอย่างไร
- หลีกเลี่ยงการใช้คำศัพท์ทางเทคนิค คำทับศัพท์ กับคนที่ไม่ได้มีพื้นความรู้ด้านนั้น
อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คนฟังไม่เข้าใจคือ การใช้ศัพท์เทคนิคอธิบายแทนการใช้คำศัพท์พื้นฐานทั่วไป
ซึ่งวิธีที่ดีในการสื่อสาร คือ การอธิบายไปเลยว่าคำนั้นมีความหมายว่าอะไร
ซึ่งวิธีที่ดีในการสื่อสาร คือ การอธิบายไปเลยว่าคำนั้นมีความหมายว่าอะไร
เช่น คำว่า “R&D” เป็นคำศัพท์เฉพาะในวงการธุรกิจ คนทั่วไปบางคนอาจจะไม่เข้าใจความหมายของคำนี้ แม้จะเป็นคำที่ไม่ได้ยาก แต่อย่าคิดว่าคนทั่วไป หรือลูกค้า จะเข้าใจคำนี้ทุกคน
ทางที่ดีควรอธิบายความหมายกำกับ หรือใช้คำศัพท์พื้นฐานแทนว่า “การวิจัยและพัฒนา”
- ให้คิดเสมือนว่าคนฟังไม่เคยรู้จักเรื่องราวเหล่านั้นมาก่อน
ถ้าผู้ฟังมีหลายคน และแต่ละคนมีพื้นฐานความรู้แตกต่างกัน เช่น เด็กนักเรียนในห้องเรียน
วิธีที่ดีในการอธิบายคือ การอธิบายแบบเป็นลำดับขั้นตอนตั้งแต่พื้นฐานที่สุด เสมือนว่าทุกคนไม่เคยรู้จักเรื่องราวเหล่านั้นมาก่อน
ทั้งหมดนี้ก็คือ Curse of Knowledge ปรากฏการณ์ที่คนมีความรู้
คิดไปเองว่า ทุกคนก็รู้เรื่องเหล่านั้นเหมือนกับตัวเอง
คิดไปเองว่า ทุกคนก็รู้เรื่องเหล่านั้นเหมือนกับตัวเอง
ซึ่งต้องบอกว่าทุกคนมีโอกาสติดกับดักนี้ได้โดยไม่รู้ตัว
และอาจทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการสื่อสารในการทำงานได้
และอาจทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการสื่อสารในการทำงานได้
ดังนั้น ก่อนที่เราจะสื่อสารออกไป เราจะต้องนึกถึงใจเขาใจเรา
มองลงไปให้ลึกว่าผู้ฟังมีพื้นฐานความรู้มากน้อยแค่ไหน มีประสบการณ์ในด้านนั้นบ้างหรือไม่
มองลงไปให้ลึกว่าผู้ฟังมีพื้นฐานความรู้มากน้อยแค่ไหน มีประสบการณ์ในด้านนั้นบ้างหรือไม่
แล้วปรับคำพูด และระดับภาษา ให้เหมาะสมกับผู้ฟัง เพียงเท่านี้ก็ทำให้เราหลุดพ้นจากคำสาปนี้ได้แล้ว..
อ้างอิง:
-https://effectiviology.com/curse-of-knowledge/#The_psychology_and_causes_of_the_curse_of_knowledge
-https://circlethreebranding.com/2023/08/01/cognitive-bias-in-marketing-curse-of-knowledge/
-https://thematter.co/social/curse-of-knowledge/123769#google_vignette
-https://salaryinvestor.com/guide/the-curse-of-knowledge/
-https://effectiviology.com/curse-of-knowledge/#The_psychology_and_causes_of_the_curse_of_knowledge
-https://circlethreebranding.com/2023/08/01/cognitive-bias-in-marketing-curse-of-knowledge/
-https://thematter.co/social/curse-of-knowledge/123769#google_vignette
-https://salaryinvestor.com/guide/the-curse-of-knowledge/