รู้จัก Geofencing การตลาดผ่านโลเคชัน กลยุทธ์ที่จะสร้างยอดขาย McDonald’s ให้เติบโต

รู้จัก Geofencing การตลาดผ่านโลเคชัน กลยุทธ์ที่จะสร้างยอดขาย McDonald’s ให้เติบโต

4 ธ.ค. 2023
เคยไหมเวลาเดินผ่านฟาสต์ฟูดสักแห่ง หรือร้านค้าสักร้าน
แล้วมักได้รับ SMS หรือ Notification แจ้งเตือนโปรโมชันต่าง ๆ เพื่อดึงดูดให้เราไปซื้อหรือใช้บริการเหล่านั้น
กลยุทธ์การตลาดแบบนี้ มีชื่อว่า “Geofencing”
ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่ McDonald’s เพิ่งประกาศใช้งานอย่างจริงจัง เพื่อช่วยเพิ่มยอดขาย ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
แล้วกลยุทธ์ Geofencing คืออะไร
จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการดันยอดขายให้ McDonald’s ได้อย่างไร ? 
บทความนี้ MarketThink ชวนมาหาคำตอบกัน
ทุกคนคงรู้จัก McDonald’s กันดีอยู่แล้ว
เพราะเป็นหนึ่งในเชนฟาสต์ฟูดที่ใหญ่สุดในโลก ด้วยจำนวนสาขาที่มากถึง 40,275 สาขาทั่วโลก และมีสาขาในไทยถึง 227 สาขา
รู้หรือไม่ว่า นอกจาก McDonald’s จะสามารถสั่งอาหารผ่านทางหน้าร้าน และ Drive-Thru ได้แล้ว
ในบางประเทศ McDonald’s ยังมีแอปพลิเคชันเป็นของตัวเอง ไว้สำหรับให้ลูกค้าสั่งอาหาร และมารับที่หน้าร้านได้อีกด้วย
ซึ่งเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา McDonald’s ประกาศว่า “จะเริ่มนำเทคโนโลยี Geofencing มาใช้กับลูกค้าที่สั่งอาหารผ่านแอปพลิเคชัน เพื่อส่งมอบประสบการณ์อันราบรื่นและรวดเร็วให้แก่ลูกค้ามากยิ่งขึ้น”
แล้ว Geofencing หมายถึงอะไร ?
Geofencing เป็นกลยุทธ์การตลาดที่เกี่ยวข้องกับโลเคชัน (Location) ที่อาศัยเทคโนโลยีอย่าง Wi-Fi, GPS, การระบุความถี่วิทยุ (RFID) และ Bluetooth เพื่อให้ทราบตำแหน่ง ทั้งที่ตั้งของร้านค้า และโลเคชันที่ลูกค้าอยู่
ซึ่งคำว่า Fence มีความหมายว่า “รั้ว”
หลักการง่าย ๆ ของ Geofencing จึงหมายถึง การล้อมรั้วเสมือนจริงขึ้นมารอบ ๆ โลเคชันของร้านค้า และจะรับรู้ได้เมื่อมีลูกค้าเข้ามาอยู่ในรั้วรอบ ๆ ร้าน
อย่างกรณีของ McDonald’s สามารถรับรู้โลเคชันของลูกค้าได้ผ่านแอปพลิเคชัน ที่มีเทคโนโลยีอย่าง Wi-Fi หรือ Bluetooth นั่นเอง
เมื่อรู้ความหมายของ Geofencing กันแล้ว ทีนี้มาดูกันว่า McDonald’s ใช้กลยุทธ์นี้อย่างไรบ้าง ?
- ระบบ Ready on Arrival
เคยไหม เวลาที่ไปซื้ออาหาร ต้องรอคิวนานหลายสิบนาที
เคยไหม เวลาสั่งอาหารผ่านแอปพลิเคชัน แล้วไปรับที่หน้าร้าน แต่อาหารกลับเย็นชืดหมดแล้ว
เมื่อ McDonald’s ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเชนร้านอาหารจานด่วน แน่นอนว่าสิ่งที่ลูกค้าคาดหวังคงจะเป็น
1. การบริการที่รวดเร็ว
2. ได้รับอาหารที่เสิร์ฟร้อน ๆ และสดใหม่
พอเป็นแบบนี้ McDonald’s จึงนำเทคโนโลยี Geofencing เข้ามาใช้กับลูกค้า เพื่อขจัด Pain Point ที่ว่ามา
ก็คือ เมื่อลูกค้าสั่งอาหารผ่านแอปพลิเคชัน ทางร้านจะยังไม่เริ่มลงมือทำออร์เดอร์นั้น แต่เมื่อไรที่จับโลเคชันของลูกค้าได้ว่า อยู่ห่างจากร้านเพียง 3 นาที จึงเริ่มลงมือทำ
ซึ่งประโยชน์ของระบบ Ready on Arrival คือ ลูกค้าจะได้ไม่ต้องรออาหารนาน มาถึงแล้วสามารถรับอาหารได้เลย ในขณะที่อาหารก็พร้อมเสิร์ฟแบบร้อน ๆ ไม่ได้ทำไว้ล่วงหน้านาน จนอาหารเย็นชืด นั่นเอง
- ยิง Notification โปรโมชัน ดึงดูดให้ลูกค้ามาใช้บริการ
อย่างที่กล่าวไปตอนต้นว่า หลายคนมักได้รับ SMS หรือ Notification แจ้งเตือนโปรโมชันของร้านต่าง ๆ ที่อยู่ใกล้ ๆ เรื่องนี้ก็มีต้นตอมาจากกลยุทธ์ Geofencing เช่นกัน
อย่างกรณีของ McDonald’s เมื่อระบบจับได้ว่า ลูกค้าอยู่ใกล้ร้าน ก็จะทำการยิง Notification บนแอปพลิเคชัน เพื่อนำเสนอโปรโมชันต่าง ๆ ดึงดูดให้ลูกค้ามาใช้บริการ McDonald’s สาขาที่อยู่ใกล้ ๆ กับตำแหน่งที่ลูกค้าอยู่
มาถึงตรงนี้ เราคงรู้จัก Geofencing กันมากขึ้นแล้ว
คำถามต่อมาคือ แล้วกลยุทธ์ Geofencing จะช่วยดันยอดขายของ McDonald’s ให้เติบโตได้อย่างไร ?
ในกรณีของการยิง Notification ให้ลูกค้า ก็แน่นอนว่า เป็นการสร้างการรับรู้ กระตุ้นให้ลูกค้าเกิดความสนใจ และให้เข้ามาใช้บริการ
ส่วนกรณีของระบบ Ready on Arrival ต้องบอกว่า หากร้านให้บริการลูกค้าจนเป็นที่พึงพอใจ ก็จะทำให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการซ้ำ ๆ หรือเป็นกลยุทธ์การรักษาลูกค้าเก่า (Customer Retention) ให้กลับมาใช้บริการเรื่อย ๆ นั่นเอง
ซึ่ง Geofencing นับเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ด้านดิจิทัล (Digital) ที่ McDonald’s วางไว้ให้เป็นเสาหลักในการสร้างการเติบโตให้กับแบรนด์ อีกด้วย
ทั้งนี้ ข้อมูลจากไตรมาส 3 ปี 2023 ที่ผ่านมาพบว่า McDonald’s มียอดขายทั่วโลกผ่านช่องทางดิจิทัล (แอปพลิเคชัน, แพลตฟอร์มดิลิเวอรี และตู้ Kiosk) 
อยู่ที่ราว 319,000 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นเกือบ 40% ของยอดขายทั่วโลกเลยทีเดียว
ปิดท้ายด้วยเรื่องที่น่าสนใจ..
สำหรับในวงการฟาสต์ฟูด ไม่ใช่แค่ McDonald’s เท่านั้นที่ใช้กลยุทธ์ Geofencing เพื่อดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการ
แต่หนึ่งในแบรนด์ที่เด็ดและแสบที่สุด คงจะเป็นคู่กัดอย่าง Burger King..
โดยในปี 2018 ทาง Burger King ต้องการโปรโมตให้ลูกค้าดาวน์โหลดแอปพลิเคชันของตัวเอง จึงทำการตลาด Geofencing แย่งลูกค้าจาก McDonald’s
ไม่ว่าใครก็ตามที่อยู่ในรัศมี 180 เมตร จากร้าน McDonald’s
จะได้รับ Notification ผ่านแอปพลิเคชันของ Burger King ให้เข้ามาซื้อเบอร์เกอร์ซิกเนเชอร์อย่าง “Whopper” ได้ในราคาเพียง 1 เซนต์ หรือเทียบเป็นเงินไทยในราคาไม่ถึง 1 บาท
ซึ่งหากลูกค้าสนใจ ทางแอปพลิเคชันก็จะนำทางให้ลูกค้าไปยัง Burger King ที่อยู่ไม่ไกลจากบริเวณนั้น ๆ ด้วย
เรื่องนี้แม้ว่าจะเป็นแคมเปญสั้น ๆ จาก Burger King 
แต่ต้องบอกว่า ได้รับทั้งความสนใจ ได้ยอดดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเพิ่ม แถมยังได้เปิดศึกแย่งลูกค้าจาก McDonald’s ที่เป็นแบรนด์คู่แข่งตลอดกาลอีกด้วย..
-------------------------
อ้างอิง:
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.