รู้จัก LIV-24 บริษัทเทคโนโลยีอัจฉริยะ กับการต่อยอดไปสู่ธุรกิจ Industrial Technology แบบ One Stop Service ยกระดับอุตสาหกรรมไทยเทียบชั้นนานาชาติ

“เราเป็นบริษัทที่มีประสบการณ์ด้านอสังหาฯ ใช้เทคโนโลยีสุดไฮเทค ผสมกับการทำงานกับผู้เชี่ยวชาญ ที่สามารถดูแลความปลอดภัยและความสะดวกสบายให้แก่ลูกบ้านโครงการต่าง ๆ กว่า 3 แสนครอบครัว

จากนั้นเราเห็นโอกาสในการนำ Solution มาต่อยอดไปยังธุรกิจอื่น ๆ เช่น โรงแรม โรงเรียน ศูนย์บริการสาขา คลังสินค้า และอาคารสำนักงานต่าง ๆ

เวลานี้เราพร้อมที่จะขยายตลาดไปยังกลุ่มเจ้าของโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ เพราะเห็นโอกาสที่จะช่วยผู้ประกอบการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจในการแข่งขันให้ทัดเทียมนานาชาติ”

คุณนิรมล ดิเรกมหามงคล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลิฟ-24 จำกัด หรือเรียกสั้น ๆ ว่า LIV-24 บอกถึงความสำเร็จของธุรกิจที่มีฐานลูกค้าจำนวนมากอยู่ในมือ

หลายคนอาจไม่คุ้นชื่อบริษัทแห่งนี้มากนัก แต่หากรู้ Background จะรู้ว่าบริษัทนี้ไม่ธรรมดา เพราะ LIV-24 เป็นบริษัทลูกของพลัส พร็อพเพอร์ตี้ ที่เป็นบริษัทในเครือของแสนสิริ ผู้นำธุรกิจอสังหาฯ ในเมืองไทย

นั่นแปลว่าลูกค้าของ LIV-24 มั่นใจได้ถึงความน่าเชื่อถือ นอกจากประสบการณ์การทำงานที่แน่นปึก ที่มีกับลูกค้าจำนวนมาก ซึ่งก็คือ ฐานลูกบ้านของโครงการแสนสิริ ที่บริษัทเข้าไปบริหารส่วนกลางทั้งหมดแล้วนั้น

บริษัทยังมีเงินทุนในการสร้างเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อมาตอบโจทย์สร้างความปลอดภัยในการอยู่อาศัยอีกด้วย

จนมาถึง Big Move ล่าสุด เมื่อทาง LIV-24 ตั้งเป้าจะขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มโรงงานและนิคมอุตสาหกรรมทั่วประเทศ โดยใช้โครงสร้างธุรกิจตัวเอง และ Solution ที่ให้บริการในกลุ่มอสังหาฯ ที่อยู่อาศัยมาต่อยอดขยายสู่ตลาดโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ รวมถึงธุรกิจอื่น ๆ ที่ต้องการ Solution แบบ Customised

“โรงงานขนาดเล็กและกลาง หากต้องลงทุนติดตั้งระบบความปลอดภัยมาตรฐานสูง รวมถึงการ Monitor การทำงานของระบบ Facility ต่าง ๆ ในโรงงาน ฯลฯ อาจต้องใช้เงินทุนหลักสิบล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายที่เจ้าของโรงงานตัดสินใจยากมาก

แต่ถ้าเหลือสัก 1-2 แสนบาท เราเชื่อว่าด้วย Solution ที่ตอบโจทย์ทั้งด้านความปลอดภัย, การดูแลเครื่องจักรต่าง ๆ, สร้างมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และลดต้นทุนให้กับธุรกิจ เจ้าของโรงงานตัดสินใจไม่ยาก”

ก่อนอื่นต้องมาดู “หัวใจ” ของ Industrial Solution นี้กัน
เพราะทุก ๆ เหตุการณ์จะมีจุดศูนย์รวมอยู่ที่ “Command Centre” ที่เป็นห้องควบคุมหลัก โดยมี AI คอยประมวลผลเหตุการณ์ผิดปกติ และแจ้งเตือนเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ ที่คอยเฝ้าระวัง ผ่าน Software อัจฉริยะ ว่าเกิดอะไรผิดปกติขึ้นในสถานที่ต่าง ๆ

ซึ่งภาพและข้อมูลจะถูกส่งผ่านการ Streaming เข้ามาใน Command Centre แบบ Real Time

เพื่อให้เห็นภาพ คุณนิรมล ได้ยก Case Study ที่เกิดขึ้นจริงในโครงการที่อยู่อาศัย เช่น มีผู้บุกรุกปีนรั้ว หรือมีสัตว์ร้ายรุกล้ำเข้ามา กล้อง AI CCTV Analytic จะแจ้งเตือนความผิดปกติมายัง Command Centre แบบ Real Time

จากนั้นเจ้าหน้าที่จะแจ้งเตือนไปยัง รปภ. หรือผู้ที่รับผิดชอบด้านความปลอดภัยในโครงการ พร้อมให้ข้อมูลจนถึงวิธีการรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในทันที

สรุปก็คือ ในทุก ๆ Solution ข้อมูลต่าง ๆ จะถูกส่งไปยัง Command Centre พร้อมกับแจ้งเตือนและให้คำปรึกษาแก้ปัญหาแบบ Real Time โดยไม่ต้องจ้างพนักงานมาเฝ้ามอนิเตอร์ สามารถใช้แรงงานให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดได้

เมื่อเข้าใจถึงวิธีการทำงานกันแล้ว ทีนี้มาดูกันว่า LIV-24 สามารถนำมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจโรงงานอุตสาหกรรม ด้วยกันถึง 6 Solutions ได้อย่างไรบ้าง ?

โดยแต่ละ Solution พอนำมารวมเป็นหนึ่งแล้วก็จะกลายเป็น One Stop Service ที่จะมาตอบโจทย์ด้านความปลอดภัย และลดต้นทุนธุรกิจ ให้แก่ผู้ประกอบการได้อย่างน่าเหลือเชื่อ

1. FIRE PROTECTION

สิ่งที่เจ้าของโรงงานกลัวมากที่สุดนั่นคือ “ไฟไหม้” เพราะนั่นหมายถึง ธุรกิจที่สร้างมาทั้งชีวิต อาจพังทลายไปในพริบตาเดียว โดยวิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือ “ปิดประตูทุกความเสี่ยง”

โดยวิธีการทำงานของ Solution ก็คือ ทาง LIV-24 จะเข้าไปติดตั้งระบบ Fire Protection System ให้ซิงก์เข้ากับ Command Centre สามารถมอนิเตอร์ได้แบบ Real Time

หากเกิดควันไฟหรือเครื่องจักรทำงานผิดปกติ ที่มีโอกาสเสี่ยงจะเกิดไฟไหม้ จะมีการแจ้งเตือนไปยัง Command Centre หากเจ้าหน้าที่ LIV-24 ประเมินแล้วว่าอาจเกิดความเสี่ยง หรือเกิดเหตุการณ์อันตราย จะติดต่อคนในโรงงานที่รับผิดชอบเรื่องนี้ ให้แก้ปัญหาในทันที

2. IOT MONITORING SYSTEM

เครื่องจักรและระบบต่าง ๆ ในโรงงาน คือ หัวใจสำคัญที่ทำให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้ โดยเฉพาะสายพานการผลิต

ถ้าเกิดการหยุดชะงัก จะมีผลต่อต้นทุนการผลิต และรายได้ที่เป็นสิ่งสำคัญกับทุกโรงงาน ทำให้ LIV-24 คิดค้นวิธีลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น โดยจะมีทีมงานเข้าไปติดตั้งเทคโนโลยีเพื่อมอนิเตอร์ส่วนต่าง ๆ ในโรงงาน เช่น ระบบไฟฟ้า, ระบบปั๊มน้ำ และการทำงานของเครื่องจักรต่าง ๆ เป็นต้น

หากเกิดสัญญาณความผิดปกติ เจ้าหน้าที่ LIV-24 จะติดต่อไปยังผู้ที่รับผิดชอบเรื่องนี้ในโรงงานอย่างทันที ก่อนเกิดเหตุการณ์ที่มีผลกระทบเสียหายลุกลาม

3. AI CCTV ANALYTIC

จะมีการติดกล้อง CCTV ที่ใช้ AI ในการประมวลผล ตลอด 24 ชม. ทำงานประสานกับความเชี่ยวชาญของพนักงาน Command Centre ที่คอยวิเคราะห์ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโรงงานคืออะไร อันตรายหรือไม่ สามารถตรวจจับได้แม้แต่พื้นที่จุดอับสายตา

หากตรวจเจอสิ่งแปลกปลอมที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิตหรือความเสียหายต่อโรงงาน จะมีเจ้าหน้าที่แจ้งเตือนไปยังโรงงาน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เลวร้ายที่คาดไม่ถึง

4. VEHICLE FLEET MANAGEMENT

หนึ่งในปัญหาที่สร้างความปวดหัวให้แก่เจ้าของโรงงานก็คือ “การขนส่งสินค้า” เช่น การขนส่งที่ล่าช้า, คนขับรถที่มีสภาพไม่พร้อมในการขับรถ หรือมีการขโมยถ่ายเทน้ำมัน และการขนส่งที่ใช้น้ำมันเกินเหตุ

ปัญหาเหล่านี้จะหมดไป หากมีการติดตั้ง GPS Tracking เมื่อรถขนส่งสินค้าวิ่งผิดเส้นทางหลักที่กำหนด หรือจอดรถนานผิดปกติ จนถึงปิดสัญญาณ GPS จะมีการแจ้งเตือนแบบ Real Time มายัง Command Centre ทันที และมีการสรุปรายงานทุกเดือนถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น เพื่อวางแผนการขนส่งให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

5. WASTE WATER MANAGEMENT

เป็นระบบที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง โดยมีการติดตั้งเซนเซอร์พร้อมกับตั้งค่าวัดคุณภาพน้ำในโรงงาน หากค่า BOD และ COD เกินกำหนดจากค่าที่ตั้งไว้ ก็จะมีการแจ้งเตือน เพื่อให้โรงงานปรับปรุงคุณภาพน้ำ ก่อนจะปล่อยลงไปในแหล่งน้ำชุมชนต่าง ๆ

นอกจากนี้ยังสามารถวัดค่าน้ำดีที่เหมาะสมในการบริโภคหรือใช้ในการผลิตได้อีกด้วย

6. ENERGY MANAGEMENT

ก่อนประหยัดค่าไฟฟ้า จำเป็นต้องรู้ก่อนว่าพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าของโรงงานเราเป็นอย่างไร โดยทางทีมงาน LIV-24 จะเข้าไปตรวจสอบ พร้อมจัดเก็บข้อมูลการใช้ไฟฟ้าผ่านระบบ IoT Monitoring System

จากนั้นทางทีม Data Analytics จะวิเคราะห์และวางแผนการใช้ไฟฟ้าให้ประหยัดมากที่สุด เช่น หากจำเป็นต้องใช้พลังงานไฟฟ้ามาก ๆ เพื่อผลิตสินค้า ควรใช้เวลาไหน ที่จะเสียค่าไฟฟ้าถูกลง

หรือพื้นที่ไหนควรจะปิดไฟฟ้าในช่วงเวลาไหน จนถึงหากโรงงานไหนมีการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ LIV-24 ก็มีการวางแผนในการใช้พลังงานอย่างเป็นระบบ โดยใช้พลังงานไฟฟ้าที่มาจากโซลาร์ก่อน

จะเห็นว่าทุก ๆ Solution ใช้เทคโนโลยีเป็นตัวช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และลดต้นทุน โดยเฉพาะต้นทุนด้านแรงงาน

เช่น การทำงานของระบบกล้อง AI CCTV Analytic ที่ช่วยตรวจสิ่งผิดปกติในโรงงาน ทำให้เจ้าของโรงงานจ้าง รปภ. เฉพาะจุดที่จำเป็นจริง ๆ จนถึงการช่วยประหยัดต้นทุนค่าขนส่ง และค่าไฟฟ้า ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ

และที่สำคัญที่สุด เจ้าของโรงงานไม่ต้องมาวุ่นวายสารพัดเรื่องเหล่านี้ สามารถใช้เวลาและเงินที่มีอยู่มาลงทุนพัฒนาสินค้า หรือคิดค้นแผนการตลาดสุดปัง เพื่อสร้างยอดขายให้เติบโตต่อเนื่องในทุก ๆ ปี

ก้าวเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรมยั่งยืน ด้วย AI และ INDUSTRIAL TECH
คำตอบของการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจ และโรงงานอุตสาหกรรมด้วยนวัตกรรมที่ยั่งยืน

ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ และบริการของ LIV-24

สนใจบริการหรือให้ LIV-24 ช่วยวิเคราะห์ความเสี่ยงให้คุณ
ปรึกษาเราตอนนี้ 02 688 7555

#LIV24 #IndustrialTechRevolution #liv24industrialtech