KBTG เปิดตัว “KASIKORN X” มุ่งผลิตสตาร์ตอัปด้าน DeFi และ “Coral” แพลตฟอร์ม NFT Marketplace
18 ต.ค. 2021
นายเรืองโรจน์ พูนผล ประธานกลุ่มบริษัท กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) เปิดเผยว่า
KBTG ได้จัดตั้งบริษัทใหม่ในกลุ่มเพิ่มอีก 1 บริษัท เพื่อรองรับธุรกิจในโลกดิจิทัลในอนาคต
คือบริษัท “KASIKORN X” หรือ KX ทำหน้าที่เป็น Venture Builder เสมือนโรงงานที่ผลิตสตาร์ตอัปหรือธุรกิจใหม่ ๆ ที่ปฏิบัติการเป็นอิสระ (Autonomous Venture Builder)
KBTG ได้จัดตั้งบริษัทใหม่ในกลุ่มเพิ่มอีก 1 บริษัท เพื่อรองรับธุรกิจในโลกดิจิทัลในอนาคต
คือบริษัท “KASIKORN X” หรือ KX ทำหน้าที่เป็น Venture Builder เสมือนโรงงานที่ผลิตสตาร์ตอัปหรือธุรกิจใหม่ ๆ ที่ปฏิบัติการเป็นอิสระ (Autonomous Venture Builder)
มีเป้าหมายในการผลิตธุรกิจด้าน Decentralized Finance and Beyond สืบเนื่องจากที่ Decentralized Finance (DeFi) เป็นระบบการเงินแบบกระจายอำนาจผ่านบล็อกเชน ที่ทุกฝ่ายสามารถตรวจสอบได้ สามารถทำธุรกรรมต่าง ๆ โดยไม่ต้องอาศัยตัวกลางอย่างธนาคารหรือสถาบันการเงิน
ดังนั้น KX จึงมองเห็นโอกาสในการสร้างธุรกิจใหม่ในด้านบริการทางการเงิน (Financial Service) และบริการอื่น ๆ (Non-Financial Service) ที่มีโอกาสได้รับการยอมรับและเป็นที่นิยมในอนาคตอันใกล้นี้
ภารกิจหลักของ KX คือการ “Building Trust in the Trustless World” หรือสร้างความเชื่อมั่นในโลกที่ปราศจากความน่าเชื่อถือ ภายใต้การนำของนายธนะเมศฐ์ อาริยวัฒน์ Head of Venture Builder, KASIKORN X Co.,Ltd. และได้รับการสนับสนุนในการขยายธุรกิจไปสู่ระดับภูมิภาคเอเชีย จากธนาคารกสิกรไทย (KBank) และ KBTG
ในส่วนของกระบวนการทำงาน KX จะใช้วิธีการบ่มเพาะไอเดียใหม่ ๆ (Incubate), ขยายผล (Scale) และแยกตัวธุรกิจออกไปตั้งเป็นบริษัทใหม่ (Spin-off) เมื่อเห็นทิศทางและโอกาสทางธุรกิจในยุคต่อไปที่ชัดเจนแล้ว
นายธนะเมศฐ์ อาริยวัฒน์ Head of Venture Builder, KASIKORN X Co.,Ltd. เปิดเผยว่า
จุดเด่นคือ KX จะมีความคล่องตัวในการบริหารงานและตัดสินใจสูง ดำเนินธุรกิจอย่างเป็นอิสระจากธนาคารกสิกรไทย และ KBTG
จุดเด่นคือ KX จะมีความคล่องตัวในการบริหารงานและตัดสินใจสูง ดำเนินธุรกิจอย่างเป็นอิสระจากธนาคารกสิกรไทย และ KBTG
ในส่วนของการทำ Venture Building ของ KX นั้นถูกออกแบบให้คล้ายกับการสร้างธุรกิจแบบสตาร์ตอัป
โดยในทีมจะมีฝั่งเจ้าของธุรกิจ (Entrepreneur) และฝั่ง Builder หรือ Engineer มาทำงานร่วมกัน เหมือนเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง (Co-Founder) ในด้านธุรกิจและเทคโนโลยีในโลกของสตาร์ตอัป กับจุดมุ่งหมายคือศึกษา ทดลอง และออกผลิตภัณฑ์สู่ตลาดจริง ด้วยความเร็วแบบสตาร์ตอัป
โดยในทีมจะมีฝั่งเจ้าของธุรกิจ (Entrepreneur) และฝั่ง Builder หรือ Engineer มาทำงานร่วมกัน เหมือนเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง (Co-Founder) ในด้านธุรกิจและเทคโนโลยีในโลกของสตาร์ตอัป กับจุดมุ่งหมายคือศึกษา ทดลอง และออกผลิตภัณฑ์สู่ตลาดจริง ด้วยความเร็วแบบสตาร์ตอัป
ที่ผ่านมา KX ได้จัดตั้งบริษัทใหม่เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลมาแล้วคือ “Kubix” ที่ดำเนินธุรกิจ ICO Portal
และในวันนี้พร้อมแล้วที่จะเปิดตัวธุรกิจที่สอง คือ “Coral” แพลตฟอร์ม NFT Marketplace ที่จะสร้างโอกาสให้แก่ศิลปินและนักสะสม
และในวันนี้พร้อมแล้วที่จะเปิดตัวธุรกิจที่สอง คือ “Coral” แพลตฟอร์ม NFT Marketplace ที่จะสร้างโอกาสให้แก่ศิลปินและนักสะสม
โดย Coral จะเป็นแพลตฟอร์ม NFT Marketplace ที่พัฒนาขึ้นจากความเข้าใจปัญหาของนักสะสม, ศิลปิน และแบรนด์ จึงมีความต้องการที่จะสนับสนุนศิลปินไทยและเอเชียให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
“แพลตฟอร์ม Coral จะทำให้การสร้างและการซื้อขาย NFT เป็นเรื่องง่าย เสมือนกับการชอปปิงออนไลน์ทั่วไป แต่มีจุดที่แตกต่างคือ ลูกค้า Coral สามารถซื้องานศิลปะ NFT ด้วยสกุลเงินทั่วไป (Fiat Money) อย่างเงินบาท หรือ เงินดอลลาร์สหรัฐ
ในขณะที่ลูกค้าแพลตฟอร์มอื่น ๆ ต้องแลกเหรียญสกุลคริปโต เพื่อนำมาซื้องานศิลปะอีกที ซึ่งก่อให้เกิดความยุ่งยาก
ขณะนี้มีศิลปินไทยที่อยู่บนแพลตฟอร์ม Coral 9 ราย ได้แก่ Lactobacillus, Tikkywow, ทรงศีล ทิวสมบุญ, เอกชัย มิลินทะภาส, ปัณฑิตา มีบุญสบาย, Benzilla, Pomme Chan, IllustraTU และ Jiggy Bug
อย่างไรก็ตาม ยังคงเปิดรับศิลปินและพาร์ตเนอร์ เพื่อเข้าร่วมแพลตฟอร์มอย่างต่อเนื่อง
ผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://coralworld.co/
และคาดว่าจะเปิดให้บริการแก่นักสะสมภายในช่วงปลายปีนี้” นายธนะเมศฐ์กล่าว
ผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://coralworld.co/
และคาดว่าจะเปิดให้บริการแก่นักสะสมภายในช่วงปลายปีนี้” นายธนะเมศฐ์กล่าว
พร้อมกันนี้ KX ได้เปิดตัวพันธมิตร Coral รายแรกคือ สยามพิวรรธน์ (ผู้บริหารศูนย์การค้า สยามเซ็นเตอร์, สยามดิสคัฟเวอรี่, สยามพารากอน, ไอคอนสยาม และสยาม พรีเมียม เอาท์เล็ต)
เพื่อร่วมกันสร้างศูนย์รวมและต่อยอดนวัตกรรมด้านศิลปะ, วัฒนธรรม และไลฟ์ไตล์ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ให้แก่ลูกค้าชาวไทยและต่างประเทศ
เพื่อร่วมกันสร้างศูนย์รวมและต่อยอดนวัตกรรมด้านศิลปะ, วัฒนธรรม และไลฟ์ไตล์ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ให้แก่ลูกค้าชาวไทยและต่างประเทศ
มร. อักเซล วินเทอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายดิจิทัล บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เปิดเผยว่า
“ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เราได้ทำงานร่วมกับศิลปินไทย และศิลปินระดับโลก สร้างสรรค์ผลงานและแรงบันดาลใจ รวมถึงเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่, นักเรียน, นักศึกษา ได้มาใช้พื้นที่ในทุกโครงการ สร้างผลงานให้เกิดประโยชน์กับพวกเขาเหล่านั้น
“ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เราได้ทำงานร่วมกับศิลปินไทย และศิลปินระดับโลก สร้างสรรค์ผลงานและแรงบันดาลใจ รวมถึงเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่, นักเรียน, นักศึกษา ได้มาใช้พื้นที่ในทุกโครงการ สร้างผลงานให้เกิดประโยชน์กับพวกเขาเหล่านั้น
โดยเราได้เปิดพื้นที่ของสยามพารากอน และไอคอนสยามจัด NFT Innovation Digital Wall เพื่อให้ผู้ที่มาเยือนศูนย์การค้าได้เข้าชม NFT Art อย่างใกล้ชิด”
นายเรืองโรจน์ กล่าวในตอนท้ายว่า ความร่วมมือระหว่าง KX และสยามพิวรรธน์ จะเป็นก้าวสำคัญในการสร้างธุรกิจและนวัตกรรมที่เชื่อมโลกปัจจุบันเข้ากับโลกดิจิทัล
โดย DeFi จะทำหน้าที่เป็นประตูสู่การสร้างสรรค์โอกาสที่ไร้ขอบเขต ปูทางสู่สินค้า, บริการ และประสบการณ์ใหม่ ๆ ในอนาคต ให้แก่คนไทยและต่างประเทศจำนวนมาก
โดย DeFi จะทำหน้าที่เป็นประตูสู่การสร้างสรรค์โอกาสที่ไร้ขอบเขต ปูทางสู่สินค้า, บริการ และประสบการณ์ใหม่ ๆ ในอนาคต ให้แก่คนไทยและต่างประเทศจำนวนมาก
เมื่อนำความเชี่ยวชาญในด้าน DeFi และนวัตกรรมล้ำสมัยของ KX มาประกอบเข้ากับความเชี่ยวชาญในด้านศิลปะ, วัฒนธรรม, ไลฟ์สไตล์ ของสยามพิวรรธน์ ที่มีสินทรัพย์มากมายในการเข้าถึงผู้บริโภค ทั้งรูปแบบที่จับต้องได้ (Physical) และดิจิทัล
ความร่วมมือนี้จะเป็นแรงกระตุ้นครั้งใหญ่ในการสร้างโอกาสหรือธุรกิจใหม่ ๆ ให้เกิดขึ้นในระดับภูมิภาค..
ความร่วมมือนี้จะเป็นแรงกระตุ้นครั้งใหญ่ในการสร้างโอกาสหรือธุรกิจใหม่ ๆ ให้เกิดขึ้นในระดับภูมิภาค..