สรุป 5 อินไซต์ พฤติกรรมคนไทย บนโลกออนไลน์ ที่นักการตลาดควรรู้ ในปี 2024 จาก DataReportal
1 มี.ค. 2024
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา DataReportal แพลตฟอร์มรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับดิจิทัล เพิ่งรายงานอินไซต์ ทั้งพฤติกรรมการใช้โซเชียลมีเดีย และอินเทอร์เน็ต ของทั่วโลกประจำปี 2024
ที่น่าสนใจ ในรายงานยังมีแยกรายละเอียดต่าง ๆ ออกเป็นแต่ละประเทศ
แล้วอินไซต์ ทั้งพฤติกรรมการใช้โซเชียลมีเดีย และอินเทอร์เน็ต ของคนไทย ที่นักการตลาดควรรู้ในปีนี้ เพื่อนำไปปรับใช้มีอะไรบ้าง ?
1. พฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ต
- คนไทยเข้าถึงอินเทอร์เน็ตทั้งหมดราว 63.2 ล้านคน คิดเป็น 88% ของประชากรทั้งประเทศ
โดยใช้เวลาบนโลกอินเทอร์เน็ต เฉลี่ย 7 ชั่วโมง 58 นาที/วัน โดยแบ่งออกเป็น
ใช้เวลาอยู่บนโลกอินเทอร์เน็ตผ่านสมาร์ตโฟน 5 ชั่วโมง 2 นาที และผ่านคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต 2 ชั่วโมง 56 นาที
ใช้เวลาอยู่บนโลกอินเทอร์เน็ตผ่านสมาร์ตโฟน 5 ชั่วโมง 2 นาที และผ่านคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต 2 ชั่วโมง 56 นาที
- คนไทยส่วนใหญ่ใช้เวลาบนโลกอินเทอร์เน็ตไปกับการเซิร์ชข้อมูล
โดยคีย์เวิร์ดที่ถูกค้นหาบน Google มากที่สุดคือ แปล, หนัง, ผลบอล, หวย และแปลภาษา
โดยคีย์เวิร์ดที่ถูกค้นหาบน Google มากที่สุดคือ แปล, หนัง, ผลบอล, หวย และแปลภาษา
รองลงมาคือ ติดตามข่าวสาร, ดูคลิปวิดีโอและรายการต่าง ๆ, ค้นหาแรงบันดาลใจ ไอเดียใหม่ ๆ รวมถึงค้นหา How-to ในการสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ
- ประเภทคอนเทนต์วิดีโอบนโลกออนไลน์ ที่คนไทยเลือกดูมากที่สุดคือ MV เพลง
รองลงมาคือ คลิปตลก มีม และไวรัล, วิดีโอที่เกี่ยวกับเกม, วิดีโอรีวิวสินค้า และไลฟ์สด
รองลงมาคือ คลิปตลก มีม และไวรัล, วิดีโอที่เกี่ยวกับเกม, วิดีโอรีวิวสินค้า และไลฟ์สด
2. พฤติกรรมการใช้โซเชียลมีเดีย
- คนไทยมีบัญชีโซเชียลมีเดีย (บัญชีที่สามารถยืนยันตัวตนได้ และมีอายุมากกว่า 18 ปีขึ้นไป)
รวม 49.1 ล้านบัญชี คิดเป็นราว 68.3% ของประชากรทั้งประเทศ
รวม 49.1 ล้านบัญชี คิดเป็นราว 68.3% ของประชากรทั้งประเทศ
โดยช่วงอายุที่มีบัญชีโซเชียลมีเดียมากที่สุดคือ ช่วงอายุ 25-34 ปี รองลงมาคือ 35-44 ปี และ 18-24 ปี
- คนไทยใช้เวลาบนโซเชียลมีเดียกว่า 2 ชั่วโมง 31 นาที/วัน
โดยใช้โซเชียลมีเดีย เพื่อติดต่อครอบครัว เพื่อน, ติดตามข่าวสาร และใช้โซเชียลมีเดียเพื่อฆ่าเวลาว่างในแต่ละวัน
โดยใช้โซเชียลมีเดีย เพื่อติดต่อครอบครัว เพื่อน, ติดตามข่าวสาร และใช้โซเชียลมีเดียเพื่อฆ่าเวลาว่างในแต่ละวัน
- คนไทยมีบัญชีโซเชียลมีเดีย เฉลี่ยคนละ 6 แพลตฟอร์ม
- แพลตฟอร์มที่คนไทยใช้เวลาอยู่ด้วยนานที่สุด คือ
YouTube คิดเป็น 41 ชั่วโมง 28 นาที/เดือน
TikTok คิดเป็น 38 ชั่วโมง 16 นาที/เดือน
Facebook คิดเป็น 24 ชั่วโมง 2 นาที/เดือน
TikTok คิดเป็น 38 ชั่วโมง 16 นาที/เดือน
Facebook คิดเป็น 24 ชั่วโมง 2 นาที/เดือน
- จำนวนผู้ใช้งานในไทย ของแต่ละแพลตฟอร์ม
(นับเฉพาะบัญชีที่เข้าถึงโฆษณา ตามเกณฑ์ของแต่ละแพลตฟอร์ม เช่น ผู้ใช้งานที่มีอายุมากกว่า 18 ปีขึ้นไป)
(นับเฉพาะบัญชีที่เข้าถึงโฆษณา ตามเกณฑ์ของแต่ละแพลตฟอร์ม เช่น ผู้ใช้งานที่มีอายุมากกว่า 18 ปีขึ้นไป)
Facebook มีผู้ใช้งาน 49.1 ล้านบัญชี
TikTok มีผู้ใช้งาน 44.4 ล้านบัญชี
YouTube มีผู้ใช้งาน 44.2 ล้านบัญชี
Instagram มีผู้ใช้งาน 18.8 ล้านบัญชี
X (Twitter) มีผู้ใช้งาน 14.7 ล้านบัญชี
TikTok มีผู้ใช้งาน 44.4 ล้านบัญชี
YouTube มีผู้ใช้งาน 44.2 ล้านบัญชี
Instagram มีผู้ใช้งาน 18.8 ล้านบัญชี
X (Twitter) มีผู้ใช้งาน 14.7 ล้านบัญชี
3. การใช้งานแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน
- คนไทยมีการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน (Mobile App) กว่า 2,160 ล้านครั้ง
- คนไทยมียอดการซื้อแอปพลิเคชัน และจ่ายเงินบนแอปพลิเคชันต่าง ๆ (In-App Purchase) กว่า 1,140 ล้านดอลลาร์สหรัฐ/ปี (ราว 41,085 ล้านบาท/ปี)
4. อินไซต์แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ และแพลตฟอร์มให้บริการต่าง ๆ
- แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ
คนไทยส่วนใหญ่กว่า 66.9% เลือกซื้อสินค้าหรือบริการผ่านช่องทางออนไลน์
โดยส่วนใหญ่มองว่า การมีคูปองส่วนลด ช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น รองลงมาคือ ส่งฟรี และมีบริการเก็บเงินปลายทาง
โดยส่วนใหญ่มองว่า การมีคูปองส่วนลด ช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น รองลงมาคือ ส่งฟรี และมีบริการเก็บเงินปลายทาง
- แพลตฟอร์มเรียกรถ
คนไทยกว่า 13.73 ล้านคน ใช้บริการเรียกรถผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น Grab
โดยคิดเป็นมูลค่าการบริการรวมกว่า 1,290 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 46,500 ล้านบาท)
โดยคิดเป็นมูลค่าการบริการรวมกว่า 1,290 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 46,500 ล้านบาท)
- คนไทย จ่ายเงินค่าบริการแพลตฟอร์มต่าง ๆ ทั้งดาวน์โหลดคอนเทนต์ เช่น ดาวน์โหลดภาพยนตร์เพื่อรับชม หรือค่าสมัครสมาชิกรายเดือน (Subscriptions) รวมแล้วกว่า 1,178 ล้านดอลลาร์สหรัฐ/ปี (ราว 42,500 ล้านบาท/ปี)
ยกตัวอย่าง
แพลตฟอร์มวิดีโอ เช่น Netflix ราว 370 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (13,340 ล้านบาท)
แพลตฟอร์มเพลง เช่น Spotify ราว 220 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (7,930 ล้านบาท)
แพลตฟอร์มวิดีโอ เช่น Netflix ราว 370 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (13,340 ล้านบาท)
แพลตฟอร์มเพลง เช่น Spotify ราว 220 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (7,930 ล้านบาท)
5. ช่องทางการทำการตลาดดิจิทัล (Digital Marketing)
- ช่องทางที่คนไทยใช้เพื่อค้นหาแบรนด์ หรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ มากที่สุด คือ การเซิร์ชผ่าน Search Engine อย่าง Google
รองลงมาคือ พบเห็นแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ จาก “โฆษณา” บนแอปพลิเคชันต่าง ๆ และโฆษณาผ่านทีวี
ที่น่าสนใจคือ 50.8% ของคนไทย มีการเซิร์ชข้อมูลแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ก่อนตัดสินใจซื้อ
- ประเทศไทยมียอดค่าโฆษณาออนไลน์ (Digital Advertising) ผ่านทางช่องทางการเซิร์ช และโซเชียลมีเดีย คิดเป็นมูลค่ากว่า 1,860 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 67,100 ล้านบาท)
แบ่งออกเป็น
- โฆษณาผ่านช่องทางการเซิร์ช คิดเป็นมูลค่า 418.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 15,100 ล้านบาท)
- โฆษณารูปแบบวิดีโอ คิดเป็นมูลค่า 517 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 18,600 ล้านบาท)
- โฆษณารูปแบบแบนเนอร์บนออนไลน์ คิดเป็นมูลค่า 417.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 15,100 ล้านบาท)
- โฆษณารูปแบบวิดีโอ คิดเป็นมูลค่า 517 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 18,600 ล้านบาท)
- โฆษณารูปแบบแบนเนอร์บนออนไลน์ คิดเป็นมูลค่า 417.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 15,100 ล้านบาท)
ที่น่าสนใจ โฆษณาบนออนไลน์ผ่านอินฟลูเอนเซอร์ กำลังเป็นที่นิยม
คิดเป็นมูลค่ากว่า 60.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2,170 ล้านบาท) เติบโต 16.6% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
คิดเป็นมูลค่ากว่า 60.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2,170 ล้านบาท) เติบโต 16.6% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
ทั้งหมดนี้คือ อินไซต์ ทั้งพฤติกรรมการใช้โซเชียลมีเดีย และอินเทอร์เน็ต ของคนไทย ที่นักการตลาดควรรู้ในปีนี้
ซึ่งถ้าถามว่า นักการตลาดจะนำไปปรับใช้อย่างไรได้บ้าง ?
ยกตัวอย่างง่าย ๆ หากแบรนด์ของเราขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์
สิ่งสำคัญที่ช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่าย คือ ต้องมีคูปองส่วนลด หรืออย่างน้อย ๆ ก็ควรมีบริการส่งฟรี หรือเก็บเงินปลายทาง
สิ่งสำคัญที่ช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่าย คือ ต้องมีคูปองส่วนลด หรืออย่างน้อย ๆ ก็ควรมีบริการส่งฟรี หรือเก็บเงินปลายทาง
และหากเราอยากโฆษณาสินค้าหรือบริการของเราให้เป็นที่รู้จัก ด้วยรูปแบบวิดีโอ
หนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจคือ การทำวิดีโอโปรโมตให้สอดคล้องกับมีมหรือไวรัลที่กำลังเป็นที่นิยม เพราะเป็นรูปแบบวิดีโอที่คนส่วนใหญ่สนใจ
หนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจคือ การทำวิดีโอโปรโมตให้สอดคล้องกับมีมหรือไวรัลที่กำลังเป็นที่นิยม เพราะเป็นรูปแบบวิดีโอที่คนส่วนใหญ่สนใจ
ด้วยการนำอินไซต์ง่าย ๆ เหล่านี้ มาต่อยอด
เพียงเท่านี้ ก็ช่วยให้แบรนด์ของเราสามารถทำการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น..
เพียงเท่านี้ ก็ช่วยให้แบรนด์ของเราสามารถทำการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น..