Google เปิดให้ใช้ “Bard” ได้แล้วทั่วโลก พร้อมจะอัปเกรดให้ เก่งขึ้น และรองรับ “ภาษาไทย” เร็ว ๆ นี้
11 พ.ค. 2023
หลายคนน่าจะรู้จัก “Bard” หรือแชตบอต AI ของ Google กันอยู่แล้ว
เพราะ Google ได้เปิดตัวมาตั้งแต่เมื่อต้นปีที่ผ่านมา และเมื่อเดือนมีนาคม ก็ประกาศให้ผู้ใช้งานในไทยสามารถเข้าไปทดลองใช้ได้แล้ว
เพราะ Google ได้เปิดตัวมาตั้งแต่เมื่อต้นปีที่ผ่านมา และเมื่อเดือนมีนาคม ก็ประกาศให้ผู้ใช้งานในไทยสามารถเข้าไปทดลองใช้ได้แล้ว
แต่เงื่อนไขในตอนนั้นคือ มีระบบ Waitlist หรือที่ต้องลงชื่อเพื่อขอรอคิวในการเข้าใช้งาน..
ล่าสุด ในงาน Google I/O ทางบริษัทได้ประกาศยกเลิกระบบ Waitlist เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โดยนับจากนี้ ผู้ใช้งานทั่วโลกกว่า 180 ประเทศ รวมถึงประเทศไทย จะสามารถเข้าไปถาม-ตอบกับ Bard ได้แบบง่าย ๆ เหมือน ChatGPT หรือ Bing ของ Microsoft
โดยนับจากนี้ ผู้ใช้งานทั่วโลกกว่า 180 ประเทศ รวมถึงประเทศไทย จะสามารถเข้าไปถาม-ตอบกับ Bard ได้แบบง่าย ๆ เหมือน ChatGPT หรือ Bing ของ Microsoft
ซึ่งเป้าหมายของ Google ที่เปิดให้ใช้งาน Bard แบบไม่ต้องมีระบบ Waitlist อีกต่อไป เนื่องจาก เพื่อให้ Bard เข้าถึงได้กลุ่มคนจำนวนมากขึ้น และเข้าถึงง่ายขึ้น
ซึ่งเมื่อมีคนเข้ามาทดลองใช้มากขึ้น ทาง Google ก็จะได้รับฟีดแบ็กมากขึ้น และนำไปพัฒนาต่อได้
ซึ่งเมื่อมีคนเข้ามาทดลองใช้มากขึ้น ทาง Google ก็จะได้รับฟีดแบ็กมากขึ้น และนำไปพัฒนาต่อได้
อย่างไรก็ดี Bard ในตอนนี้ยังรองรับแค่เพียงภาษาอังกฤษเท่านั้น
แต่ทาง Google ก็บอกว่า ในเร็ว ๆ นี้ จะมีการขยายการรองรับอีกกว่า 40 ภาษา ไม่ว่าจะเป็น ภาษาเกาหลี ภาษาญี่ปุ่น
แต่ทาง Google ก็บอกว่า ในเร็ว ๆ นี้ จะมีการขยายการรองรับอีกกว่า 40 ภาษา ไม่ว่าจะเป็น ภาษาเกาหลี ภาษาญี่ปุ่น
และที่สำคัญก็คือ จะรองรับ “ภาษาไทย” ด้วยนั่นเอง
นอกจากนี้แล้ว Google ยังประกาศว่า เร็ว ๆ นี้ Bard จะเก่งขึ้น ฉลาดขึ้น เพราะจะทำได้มากกว่าการตอบคำถามเป็นข้อความ
อธิบายง่าย ๆ ก็คือ คำตอบของ Bard อาจมีรูปภาพ, แผนที่, แผนภูมิ หรือองค์ประกอบอื่น ๆ เพิ่มเติมด้วย นอกเหนือจากแค่ข้อความ เพื่อให้คำตอบออกมาสมบูรณ์ และทำให้ผู้ใช้งานเข้าใจได้ง่ายมากที่สุด
ส่วนด้านผู้ใช้งานที่เข้ามาถามคำถาม ก็ไม่ได้ถามได้แค่ข้อความอีกต่อไป
แต่สามารถเพิ่มรูปภาพ แล้วให้ Bard ช่วยวิเคราะห์ได้อีกด้วย
แต่สามารถเพิ่มรูปภาพ แล้วให้ Bard ช่วยวิเคราะห์ได้อีกด้วย
สำหรับงาน Google I/O ในครั้งนี้ บริษัทยังได้ประกาศเปิดตัวเครื่องมือใหม่ ๆ อีกเพียบ เช่น
- เพิ่ม AI เข้ามาใน Workspace ช่วยให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น
- Google Photos ที่มีฟีเชอร์ใหม่อย่าง Magic Editor ที่สามารถสร้างองค์ประกอบใหม่ ๆ ให้รูปภาพ ปรับโทนสีของภาพ เปลี่ยนสีท้องฟ้าหรือภาพพื้นหลัง ได้ด้วย AI
- เปิดตัว Google Pixel Fold สมาร์ตโฟนหน้าจอพับได้รุ่นแรกจาก Google ที่มาในราคา 1,799 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 60,650 บาท)