รู้จัก “Muketing” การตลาดจากความเชื่อ.. ที่ใช้เพิ่มยอดขาย และมูลค่าสินค้าแบบง่าย ๆ
31 ส.ค. 2022
บูชาไอ้ไข่, บูชาพระตรีมูรติ, เปลี่ยนวอลล์เพเปอร์นำโชค หรือแม้แต่เปลี่ยนกระเป๋าสตางค์ให้เป็นสีมงคล
คงเป็นภาพที่ใครหลายคนเห็นจนชินตา ตามโซเชียลมีเดียของคนใกล้ตัว ไปจนถึงระดับอินฟลูเอนเซอร์ ในช่วงหลัง ๆ มานี้
คงเป็นภาพที่ใครหลายคนเห็นจนชินตา ตามโซเชียลมีเดียของคนใกล้ตัว ไปจนถึงระดับอินฟลูเอนเซอร์ ในช่วงหลัง ๆ มานี้
ถึงแม้ว่าความเชื่อเรื่องโชคลาภและโชคชะตานั้น อยู่คู่กับสังคมไทยมานานแสนนานแล้ว
แต่ในปัจจุบันเรื่องนี้ก็ยังเป็นสิ่งที่ใกล้ตัวเรา และอาจใกล้ตัวเรามากขึ้นเรื่อย ๆ
แต่ในปัจจุบันเรื่องนี้ก็ยังเป็นสิ่งที่ใกล้ตัวเรา และอาจใกล้ตัวเรามากขึ้นเรื่อย ๆ
ทั้งนี้ก็เป็นผลมาจากทั้งการระบาดของโควิด 19 รวมไปถึงภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน ส่งผลให้ใครหลายคนหันไปหาที่พึ่งทางใจกันมากขึ้นนั่นเอง
โดยในปัจจุบันก็มีคำเรียกของชุดความเชื่อเหล่านี้ว่า “มูเตลู” โดยภายหลังก็กลายเป็นคำเรียกของคนที่มีลักษณะเชื่อเรื่องดวงชะตาและโชคลาภ ว่าเป็น “สายมู”
ซึ่งถ้าลองมองในแง่ของการแบ่ง Segment การตลาด จะเห็นได้ว่ากลุ่มผู้บริโภค “สายมู” นั้นเป็นตลาดที่ไม่เล็กเลย เพราะมีผลสำรวจระบุว่า ในปัจจุบันคนไทยกว่า 52 ล้านคน หรือมากกว่า 74% ของคนทั้งประเทศนั้น
มีความเชื่อเรื่องโชคลาภและดวงชะตาอีกด้วย..
มีความเชื่อเรื่องโชคลาภและดวงชะตาอีกด้วย..
พูดง่าย ๆ ก็คือ “ความมู” เป็นดั่งวัตถุดิบชั้นดีในการหยิบมาทำการตลาด เพราะจะทำให้แบรนด์สามารถเข้าถึงคนได้เกือบ 3 ใน 4 ของประชากรไทยทั้งหมดเลยทีเดียว..
โดยที่ผ่านมาเราก็มักจะเห็นแบรนด์ใหญ่ ๆ หยิบเอา “ความมู” มาผสมกับ “การตลาด” เพื่อสร้างการรับรู้ หรือเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าของแบรนด์กันอยู่บ่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็น
Tinder x พระตรีมูรติ
แคมเปญที่เชิญชวนให้ผู้ใช้ Tinder มาปัดหาคู่กันในวันวาเลนไทน์ที่บริเวณหน้าพระตรีมูรติ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ขึ้นชื่อเรื่องความรัก ซึ่งก็สร้าง Engagement บนโลกออนไลน์ได้ดีเลยทีเดียว
แคมเปญที่เชิญชวนให้ผู้ใช้ Tinder มาปัดหาคู่กันในวันวาเลนไทน์ที่บริเวณหน้าพระตรีมูรติ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ขึ้นชื่อเรื่องความรัก ซึ่งก็สร้าง Engagement บนโลกออนไลน์ได้ดีเลยทีเดียว
หรือกับผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถืออย่าง DTAC ที่ได้ร่วมมือกับ อ.ช้าง ทศพร หมอดูชื่อดัง
มาร่วมทำแคมเปญเบอร์มงคล โดยให้ลูกค้ากรอกวันเดือนปีเกิด เพื่อรับเบอร์มงคลที่เหมาะสมกับวันเดือนปีเกิดของตนเอง
มาร่วมทำแคมเปญเบอร์มงคล โดยให้ลูกค้ากรอกวันเดือนปีเกิด เพื่อรับเบอร์มงคลที่เหมาะสมกับวันเดือนปีเกิดของตนเอง
จะเห็นได้ว่าความมูนั้นเป็นสิ่งที่นำมาต่อยอดได้ง่าย และสามารถนำมาพลิกแพลงใช้ได้กับหลายกลยุทธ์
จึงเป็นที่มาว่า ทำไมเราจึงเห็นหลายแบรนด์นำ “ความมู” มาปรับใช้กับธุรกิจ
ซึ่งสิ่งนี้ก็สร้างประโยชน์ให้กับแบรนด์หลายอย่าง..
จึงเป็นที่มาว่า ทำไมเราจึงเห็นหลายแบรนด์นำ “ความมู” มาปรับใช้กับธุรกิจ
ซึ่งสิ่งนี้ก็สร้างประโยชน์ให้กับแบรนด์หลายอย่าง..
1) “ความมู” สามารถนำมาใช้เพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและบริการของแบรนด์ได้แบบไม่ต้องทำอะไรเยอะ..
เพราะอย่างที่รู้กันว่า ปัจจุบันมีกลยุทธ์การตลาดอยู่มากมาย ที่จะช่วยให้แบรนด์สามารถเพิ่มมูลค่าของสินค้าและบริการได้
ไม่ว่าจะเป็นการวาง Positioning ของแบรนด์ให้ดูพรีเมียม, การสร้างนวัตกรรม, การทำ Storytelling หรือการเพิ่มวัตถุดิบพรีเมียมเข้าไปในสินค้าของตัวเอง ก็ต่างทำให้แบรนด์สามารถเพิ่มมูลค่าของสินค้าและบริการได้ทั้งนั้น
แต่ทั้งหมดที่กล่าวมา อาจต้องใช้เวลาและต้นทุนที่สูง ซึ่งไม่ค่อยเหมาะกับแบรนด์เล็ก ๆ ที่ยังมีงบการตลาดไม่มากพอ
ดังนั้น ในทางกลับกัน ถ้าหากแบรนด์มีการใช้ “ความมู” ที่มีต้นทุนก็คือ “ความเชื่อ” ของลูกค้ามาทำการตลาด
ก็อาจจะทำให้แม้แต่แบรนด์เล็ก ๆ ก็ยังสามารถโดดเด่นเหนือคู่แข่งขึ้นมาได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องใช้งบประมาณเยอะ
ก็อาจจะทำให้แม้แต่แบรนด์เล็ก ๆ ก็ยังสามารถโดดเด่นเหนือคู่แข่งขึ้นมาได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องใช้งบประมาณเยอะ
ขอยกตัวอย่างเคสจริง กับตลาดเครื่องประดับขนาดเล็ก
ที่หลายแบรนด์ล้วนพุ่งไปที่การทำให้สินค้าของตัวเองดูพรีเมียมที่สุด อย่างการเปลี่ยนช่องทางการจำหน่ายไปอยู่บนห้างสรรพสินค้าหรู
หรือมีการส่งให้อินฟลูเอนเซอร์ระดับ KOL เป็นคนใส่ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับสินค้าของแบรนด์
หรือมีการส่งให้อินฟลูเอนเซอร์ระดับ KOL เป็นคนใส่ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับสินค้าของแบรนด์
แต่ในช่วงหลัง ๆ มานี้ ก็มีแบรนด์เล็ก ๆ หลายแบรนด์ที่เลือกนำ “ความมู” มาสร้างความโดดเด่นให้กับธุรกิจของตัวเองอยู่เหมือนกัน แล้วก็ได้ผลดีเสียด้วย..
อย่าง “กำไลนาคนิมิต” จากแบรนด์เล็ก ๆ ชื่อ “บ้านมหาเฮง” ที่มีการนำความเชื่อมาแบ่งตามสีของกำไล อย่างสีทอง จะเสริมเรื่องการค้าขาย
สีนาค จะเสริมเรื่องเสน่ห์ และความเมตตา
ซึ่งช่วยให้แบรนด์สามารถโกยรายได้ไปมากถึงหลัก 10 ล้านบาทต่อปีเลยทีเดียว..
สีนาค จะเสริมเรื่องเสน่ห์ และความเมตตา
ซึ่งช่วยให้แบรนด์สามารถโกยรายได้ไปมากถึงหลัก 10 ล้านบาทต่อปีเลยทีเดียว..
2) สายมูสามารถประยุกต์ใช้กับการทำ CRM ได้ดี
อย่างที่เรารู้กันว่า ในปัจจุบัน Data นั้นมีค่าไม่ต่างจากทองคำ แต่อย่างไรก็ตาม การจะได้มาซึ่งข้อมูลของลูกค้านั้น มันก็เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก
โดยเฉพาะในตอนนี้ที่ผู้บริโภคจำนวนมาก ตระหนักถึงความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูล
โดยเฉพาะในตอนนี้ที่ผู้บริโภคจำนวนมาก ตระหนักถึงความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูล
ในปัจจุบันหลายแบรนด์ก็มักมีการเก็บข้อมูลลูกค้าผ่านบัตรสมาชิก, ระบบสะสมแต้ม ซึ่งก็ต้องใช้โปรโมชัน หรือให้พนักงานมาโน้มน้าวให้ลูกค้าสมัคร
ซึ่งก็อาจจะต้องใช้แรงเยอะหน่อย แถมลูกค้าบางคนยังอาจให้คำตอบมั่ว ๆ หรือไม่ตรงกับความจริง ทำให้ข้อมูลที่เก็บมาไม่มีคุณภาพ
ในจุดนี้แบรนด์อาจจะสามารถนำความมูเข้ามาช่วยได้ เช่น อาจจะมีการขอข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้ามาแลกกับผลคำทำนายดวง เพียงเท่านี้ลูกค้าก็จะไม่ค่อยให้คำตอบมั่ว ๆ เพราะต้องการให้ผลทำนายออกมาแม่นยำนั่นเอง..
3) การตลาดสายมูนั้น เหมาะกับยุคนี้
จากสถานการณ์ข้าวของแพงจากเงินเฟ้อ และภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน
จึงทำให้หลายแบรนด์ต้อง “รัดเข็มขัด” ซึ่งส่วนใหญ่แล้วต้นทุนของแบรนด์ที่จะถูกตัดออกเป็นอันดับแรก ๆ เลยก็คือ “งบการตลาด”
จึงทำให้หลายแบรนด์ต้อง “รัดเข็มขัด” ซึ่งส่วนใหญ่แล้วต้นทุนของแบรนด์ที่จะถูกตัดออกเป็นอันดับแรก ๆ เลยก็คือ “งบการตลาด”
จึงทำให้ในช่วงหลัง ๆ หลายแบรนด์มักจะมีการทำเนื้อหาในการโปรโมตแบรนด์ให้กระชับ และขายของแบบตรง ๆ มากขึ้น
ดังนั้นการนำ “ความมู” มาใช้ จึงค่อนข้างเหมาะสมในการทำการตลาดท่ามกลางเศรษฐกิจแบบนี้
เพราะนอกจากแบรนด์จะไม่ต้องลงทุนทำโปรโมชัน หรือกิจกรรมอะไรที่ใช้งบประมาณเยอะแล้ว
การใช้ความมูยังสามารถเข้าถึงกลุ่มคนได้ในวงกว้าง แทบจะทุกเพศทุกวัยอีกด้วย..
เพราะนอกจากแบรนด์จะไม่ต้องลงทุนทำโปรโมชัน หรือกิจกรรมอะไรที่ใช้งบประมาณเยอะแล้ว
การใช้ความมูยังสามารถเข้าถึงกลุ่มคนได้ในวงกว้าง แทบจะทุกเพศทุกวัยอีกด้วย..
เปรียบเทียบง่าย ๆ ถ้าความมูคือ วงดนตรี
ความมู ก็คือวงดนตรีที่มีฐานแฟนคลับเยอะ จัดคอนเสิร์ตที่ไหนบัตรก็ขายดี แถมค่าจ้างไม่แพงนั่นเอง..
ความมู ก็คือวงดนตรีที่มีฐานแฟนคลับเยอะ จัดคอนเสิร์ตที่ไหนบัตรก็ขายดี แถมค่าจ้างไม่แพงนั่นเอง..
ทั้งนี้การนำ “ความมู” มาใช้กับการตลาดนั้น ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จไปเสียทุกครั้ง
ขึ้นอยู่กับรูปแบบการสื่อสารด้วยว่า จะสามารถทำให้คนอินตามไปกับแบรนด์ได้มากแค่ไหน
ขึ้นอยู่กับรูปแบบการสื่อสารด้วยว่า จะสามารถทำให้คนอินตามไปกับแบรนด์ได้มากแค่ไหน
ซึ่งถ้าหากแบรนด์สื่อสารได้ไม่ดี เช่น
คุม CI หรืออัตลักษณ์ของแบรนด์ไม่ดี
ใช้คีย์เวิร์ดไม่เหมาะสม
ก็อาจส่งผลเสียทำให้แบรนด์ดูล้าสมัยหรือดูงมงาย ในสายตาผู้บริโภคได้เลย
คุม CI หรืออัตลักษณ์ของแบรนด์ไม่ดี
ใช้คีย์เวิร์ดไม่เหมาะสม
ก็อาจส่งผลเสียทำให้แบรนด์ดูล้าสมัยหรือดูงมงาย ในสายตาผู้บริโภคได้เลย
สุดท้ายนี้ ความมูนั้นเป็นความเชื่อส่วนบุคคล ที่ในบางครั้งมันก็สามารถช่วยเยียวยาจิตใจของใครหลายคนได้จริง
แต่ในทางกลับกัน ถ้าหากเราเอาตัวไปผูกกับความมูหรือความเชื่อมากเกินไป จนถึงขั้นงมงาย มันก็อาจส่งผลเสียที่คาดไม่ถึงตามมาได้..
—--------------------------------
Sponsored by JCB
Sponsored by JCB
JCB แบรนด์ผู้ให้บริการเครือข่ายบัตรเครดิตจากประเทศญี่ปุ่น
พิเศษเฉพาะผู้ถือบัตรเครดิต JCB พบกับโปรโมชันในไทยและต่างประเทศมากมาย
สิทธิประโยชน์ที่ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ ทั้ง กิน เที่ยว ช้อป
พิเศษเฉพาะผู้ถือบัตรเครดิต JCB พบกับโปรโมชันในไทยและต่างประเทศมากมาย
สิทธิประโยชน์ที่ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ ทั้ง กิน เที่ยว ช้อป
ติดตามความพิเศษที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะคุณได้ที่ www.facebook.com/JCBCardThailandTH
และ LINE Official Account : @JCBThailand (https://bit.ly/JCBTHLine)
และ LINE Official Account : @JCBThailand (https://bit.ly/JCBTHLine)
#JCBใช้ได้ทุกที่ทุกเวลา #JCBThailand #JCBOwnHappinessOwnStory
—--------------------------------
อ้างอิง:
-https://drive.google.com/.../1oXr7Oki5pIEuezjbd7z.../view...
-https://datawarehouse.dbd.go.th/.../profi.../5/0105559137579
—--------------------------------
อ้างอิง:
-https://drive.google.com/.../1oXr7Oki5pIEuezjbd7z.../view...
-https://datawarehouse.dbd.go.th/.../profi.../5/0105559137579