รู้จัก Fritz-Kola แบรนด์น้ำอัดลม ที่โค้กและเป๊ปซี่ ในเยอรมนี ต้องกลัว

รู้จัก Fritz-Kola แบรนด์น้ำอัดลม ที่โค้กและเป๊ปซี่ ในเยอรมนี ต้องกลัว

4 ม.ค. 2021
เชื่อว่าเราทุกคนเกิดมาต้องเคยดื่มน้ำอัดลม
และถ้าถามว่าน้ำอัดลมแบรนด์อะไรขายดีสุดในไทย และทั่วโลก
คำตอบก็ไม่พ้น 2 ผู้เล่นหลักอย่าง “โค้ก” และ “เป๊ปซี่”
แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ กับ ประเทศเยอรมนี
ซึ่งมีผู้เล่นอีกราย ที่สามารถแข่งกับ โค้ก และ เป๊ปซี่ ได้อย่างสูสี
นั่นคือ “Fritz-Kola” แบรนด์น้ำอัดลมสัญชาติเยอรมัน
Fritz-Kola ก่อตั้งเมื่อปี 2003 ในเมืองฮัมบวร์ค
โดยนักศึกษา 2 คน คือคุณ Mirco Wiegert และ Lorenz Hampl ที่มีความคิดอยากทำธุรกิจน้ำอัดลม
ถึงแม้ว่าตอนนั้น ตลาดน้ำอัดลม จะครองโดยผู้เล่นรายใหญ่อย่าง โค้ก เป๊ปซี่ รวมถึงแฟนต้า อยู่แล้ว
แต่ด้วย Passion และความมุ่งมั่น ที่อยากจะสร้างแบรนด์น้ำอัดลมของตัวเอง
ทำให้พวกเขาตัดสินใจเลือกเส้นทางนี้อย่างไม่ลังเล
โดยในช่วงแรกๆ พวกเขาทำการค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต
เพื่อที่จะหาส่วนผสมและสูตรในการผลิตน้ำอัดลม แต่ก็ไม่พบข้อมูลอะไรเลย
พวกเขาจึงเปลี่ยนแผน และหันไปโทรศัพท์ติดต่อโรงงานผลิตเบียร์ต่างๆ ทั่วประเทศแทน
เพื่อให้โรงงานเหล่านี้ ช่วยคิดค้นสูตรน้ำอัดลมและผลิตสินค้าให้
จากการติดต่อโรงงานผลิตเบียร์ไปเป็นร้อยๆ สาย
สุดท้าย พวกเขาก็พบกับโรงงานแห่งหนึ่ง ที่ยอมตอบตกลงว่าจะช่วยคิดค้นสูตร และผลิตน้ำอัดลมให้
โดยพวกเขา ได้ใช้เงินลงทุนประมาณ 250,000 บาท เพื่อเริ่มต้นธุรกิจ
ในส่วนของ โลโก้ แบรนด์นั้น จะใช้รูปใบหน้าของผู้ก่อตั้งทั้ง 2 คน เป็นสัญลักษณ์
เพื่อให้เกิดการจดจำได้ง่าย
และใช้เป็นสีขาวดำทั้งหมด เพื่อให้เกิดการประหยัดต้นทุน
ซึ่งในที่สุด แบรนด์น้ำอัดลม Fritz-Kola ก็ถือกำเนิดขึ้น โดยผลิตล็อตแรกออกมา 4,080 ขวด
และใช้แค่บรรจุภัณฑ์ที่เป็นขวดแก้วเท่านั้น
เพราะพวกเขาต้องการให้บรรจุภัณฑ์ของสินค้าสามารถนำไปรีไซเคิลได้
ที่น่าสนใจคือ Fritz-Kola แรกเริ่มวางขายในบาร์ก่อน แทนที่จะวางขายในร้านสะดวกซื้อ หรือซูเปอร์มาร์เกต
โดยพวกเขานำ Fritz-Kola ไปเสนอขายที่บาร์ทุกแห่งในเมืองฮัมบวร์ค ด้วยตัวเอง
ทั้งโน้มน้าวด้วยวิธีการต่างๆ เพื่อให้ทางบาร์ยอมรับแบรนด์น้ำอัดลมของพวกเขาไปขาย
เช่น ให้ข้อเสนอว่า หาก Fritz-Kola ในบาร์ขายไม่ออก เจ้าของบาร์ก็สามารถส่งคืนสินค้า และรับเงินคืนเต็มจำนวน
และเมื่อ Fritz-Kola เป็นน้องใหม่ที่เพิ่งเข้ามาในตลาด
หากอยากต่อกรกับเจ้าตลาดเดิมได้ สิ่งที่แบรนด์ต้องมีคือ ความแตกต่าง
โดยสิ่งที่ Fritz-Kola เลือกทำให้แตกต่างจากแบรนด์อื่นมากที่สุด คือ “รสชาติ”
ผู้ก่อตั้ง อยากให้น้ำอัดลมของพวกเขา มีรสที่หวานน้อยกว่าน้ำอัดลมในตลาด
และทำให้คนดื่ม รู้สึกกระปรี้กระเปร่า มากขึ้นกว่าปกติ
สูตรของ Fritz-Kola จึงมีการใส่น้ำตาลที่น้อยลง
มีการใส่น้ำมะนาวผสมลงไป
และที่สำคัญ ยังใส่คาเฟอีน มากกว่าแบรนด์อื่นเกือบ 3 เท่า..
ด้วยความที่เป็นแบรนด์ใหม่ และโลโก้ของแบรนด์ รวมถึงรสชาติมีเอกลักษณ์
จึงทำให้คนที่มาเที่ยวในบาร์อยากลองชิม
และได้กระแสตอบรับที่ดี จนมีลูกค้าบอกปากต่อปากกันไปเรื่อยๆ
นอกจากการบอกต่อ ซึ่งเป็นอาวุธทางการตลาดที่ทรงพลังแล้ว
Fritz-Kola ยังได้ลงโฆษณาบนป้ายบิลบอร์ดขนาดใหญ่
โดยมีการใช้รูป อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ ดอนัลด์ ทรัมป์
และประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดีมีร์ ปูติน
ที่เหมือนกำลังจะหลับ โดยเขียนประโยคข้างๆ รูปว่า “Man, wake up!”
เพื่ออยากสื่อถึงคุณสมบัติของเครื่องดื่ม Fritz-Kola..
โดยการโฆษณา ยิ่งทำให้แบรนด์ Fritz-Kola เป็นที่รู้จักในวงกว้างกันมากขึ้น
จากรายงานของบริษัทให้บริการข้อมูล Nielsen
พบว่าในปี 2019 Fritz-Kola มียอดขายน้ำอัดลมขวดแก้วขนาด 330 มิลลิลิตร จำนวน 71 ล้านขวด ในเยอรมนี
ในขณะที่โค้ก ขายได้ 74 ล้านขวด และ เป๊ปซี่ ขายได้ 3 แสนขวด
จะเห็นว่ายอดขายน้ำอัดลมของ Fritz-Kola ในเยอรมนี
ไม่ธรรมดา จนเทียบเคียงพี่ใหญ่อย่าง “โค้ก” แบบติดๆ และทิ้งห่าง “เป๊ปซี่” แบบไม่เห็นฝุ่น
ปัจจุบัน Fritz-Kola ได้ออกวางขายในหลายประเทศในยุโรป ไม่ว่าจะเป็นเนเธอร์แลนด์, โปแลนด์, เบลเยียม, ออสเตรีย
และยังได้นำเสนอน้ำอัดลมรสชาติสูตรใหม่ นอกจากรสดั้งเดิม
ไม่ว่าจะเป็นสูตรไม่มีน้ำตาล และสูตรผลไม้
ย้อนกลับไปก่อนที่ Fritz-Kola จะประสบความสำเร็จเหมือนทุกวันนี้
คุณ Mirco Wiegert และ Lorenz Hampl เคยได้รับคําสบประมาท มามากมาย
เช่น “เป็นไปไม่ได้หรอก ที่จะแข่งกับเจ้าตลาด”
ซึ่งหากในตอนนั้น พวกเขาเก็บคำพูดเหล่านี้มาใส่ใจ และล้มเลิกสิ่งที่อยากจะทำ เพราะความกลัว
วันนี้ ก็คงจะไม่มีแบรนด์น้ำอัดลมที่ชื่อว่า Fritz-Kola ให้ชาวเยอรมันได้ดื่มกัน
เรื่องราวของ Fritz-Kola ให้ข้อคิดกับเราที่ว่า
ถ้าเราอยากทำอะไร ขอให้เริ่มทำในทันที
การกังวล หรือคิดถึงอุปสรรคในอนาคต จนมากเกินไป
อาจทำให้เรากลัว จนไม่กล้าลงมือทำอะไรเลยสักอย่าง
ซึ่งหากเราเพียงแค่ตัดสินใจทำในทันที และโฟกัสกับสิ่งที่ทำในปัจจุบัน
ผลลัพธ์ที่ได้ อาจสำเร็จเกินกว่าที่เราหวังไว้ตั้งแต่แรก ก็เป็นได้..
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.