สรุป 4 ไฮไลต์ ภาพรวม เม็ดเงินโฆษณา ไตรมาส 1/2567 จาก Nielsen

มีรายงานล่าสุดของ Nielsen ประเทศไทย เกี่ยวกับการใช้งบโฆษณาของแบรนด์ต่าง ๆ ในไตรมาสแรกของปี 2567

มีอะไรน่าสนใจบ้าง ? MarketThink สรุปให้เป็นข้อ ๆ

1. ภาพรวมของมูลค่าเม็ดเงินโฆษณาในไตรมาสแรก ปี 2567 อยู่ที่ 27,721 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว +6%

หมายความว่าหลายแบรนด์เริ่มมั่นใจแล้วว่า กำลังซื้อของผู้บริโภคเริ่มดีขึ้น เลยกล้าที่จะใช้จ่ายไปกับงบโฆษณามากขึ้

2. สื่อที่คนไทยเสพมากที่สุดคือ ทีวี โดยมีสัดส่วนการใช้เม็ดเงินโฆษณาในไตรมาสที่ผ่านมา 50% คิดเป็นมูลค่า 13,767 ล้านบาท

ตีความได้ว่าหลายแบรนด์ยังคงเชื่อว่าคนไทยยังดูทีวีอยู่ เลยทุ่มงบมาที่การโฆษณาตรงนี้เยอะกว่าสื่อประเภทอื่น ๆ

โดยถ้าไม่นับทีวีแล้ว สื่อที่หลายแบรนด์ทุ่มงบให้เยอะรองลงมาก็คือ “สื่อออนไลน์” ที่ 7,890 ล้านบาท และสื่อนอกบ้าน ที่ 4,085 ล้านบาท

แม้ว่าเม็ดเงินที่มาลงกับสื่อออนไลน์จะยังห่างกับสื่อทีวี เกือบเท่าตัว

แต่ในปีนี้เม็ดเงินที่มาลงกับสื่อออนไลน์นั้น เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 19% มากที่สุด ถ้าเทียบกับสื่อประเภทอื่น

โดยทีวีมีสัดส่วนเม็ดเงินโฆษณาเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
เพียง 2% เท่านั้น

3. ทีวีทั้งหมด 45% ของคนไทยตอนนี้คือ Smart TV ที่สามารถเชื่อมกับอินเทอร์เน็ตได้ทั้งหมดแล้ว

โดยตอนนี้มีตัวเลขว่าสัดส่วนของคอนเทนต์ที่คนไทยรับชม 55% คือการรับชมทีวีแบบดั้งเดิม ส่วนอีก 45% มาจากแอปพลิเคชันสตรีมมิงต่าง ๆ

ได้แก่
-16% คือการรับชม YouTube บนทีวี
-11% คือการรับชมแอปพลิเคชันสตรีมมิง เช่น Netflix, Disney+ บนทีวี
-7% คือการรับชม TikTok บนทีวี
-6% คือการรับชมผ่าน Facebook บนทีวี
-5% คือการรับชมแอปพลิเคชัน TrueID บนทีวี

ดังนั้น ถ้าอ้างอิงจากสัดส่วน Smart TV ที่คิดเป็น 45% พอดี

ก็อาจเป็นไปได้ว่าคนที่เข้าถึง Smart TV จะมีแนวโน้มเลือกเสพคอนเทนต์ที่ตัวเองชอบมากกว่า ตามแอปพลิเคชันต่าง ๆ บน Smart TV แทนที่จะเสพทีวีแบบดั้งเดิมที่มีการจัดผังรายการไว้ชัดเจน

และถ้าในอนาคตที่ Smart TV จะมีราคาเข้าถึงได้ง่ายกว่านี้ สัดส่วนคนที่รับชมทีวีแบบดั้งเดิม ก็อาจจะน้อยลงตามไปด้วยเรื่อย ๆ

4. อุตสาหกรรมที่ลงทุนกับการโฆษณามากที่สุด 5 อันดับแรกคือ

1). อาหารและเครื่องดื่ม เม็ดเงินโฆษณา 4,476 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 16%
2). ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เม็ดเงินโฆษณา 3,544 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 13%
3). ค้าปลีก เม็ดเงินโฆษณา 2,571 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 9%
4). ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ (Healthcare) เม็ดเงินโฆษณา 1,636 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 6%
5). รถยนต์ เม็ดเงินโฆษณา 1,418 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 5%

ที่น่าสนใจคือในอุตสาหกรรมรถยนต์ มียอดการใช้จ่ายกับโฆษณามากขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วถึง 45%

สะท้อนให้เห็นถึงความดุเดือดในตลาดรถยนต์ ที่ตอนนี้กำลังเป็นการแย่งชิงส่วนแบ่ง ระหว่างรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์สันดาปได้เป็นอย่างดี

สุดท้ายนี้ก็หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ให้นักการตลาด
หลายท่าน สามารถวางแผนกลยุทธ์และปรับตัวให้เข้ากับ
พฤติกรรมของผู้คนที่เปลี่ยนไปทุกวันได้..

อ้างอิง : รายงาน THAILAND MEDIA SPENDING BY NIELSEN