สรุป 5 กลยุทธ์ Sizzler ปี 2567 ตั้งเป้าครองส่วนแบ่งตลาด สเต๊ก ในไทย 30%
5 เม.ย. 2024
ล่าสุด Sizzler ในประเทศไทย จัดงานแถลงข่าวกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ประจำปี 2567
ส่วนจะมีกลยุทธ์อะไรที่น่าสนใจ MarketThink จะสรุปให้อ่านกันในโพสต์นี้..
คุณอนิรุทร์ เดวิด คอลลินส์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอสแอลอาร์ที จำกัด (Sizzler) เปิดเผยภาพรวมการดำเนินธุรกิจในปี 2566 ที่ผ่านมาว่า มีการเติบโตตามเป้าหมาย
หลังจากดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิด "Fresh Premium Qualiy" ที่ตอกย้ำความเป็นตัวจริงด้านอาหารตะวันที่ส่งมอบความสดใหม่และความพรีเมียม
ส่วนในปี 2567 นี้ Sizzler จะดำเนินงานภายใต้แนวคิด “Over 66 Years of Sizzling Experience”
พร้อมตั้งเป้าว่า จะครองส่วนแบ่งการตลาด 30% ของตลาดสเต๊กทั้งหมดในประเทศไทย
พร้อมตั้งเป้าว่า จะครองส่วนแบ่งการตลาด 30% ของตลาดสเต๊กทั้งหมดในประเทศไทย
ซึ่งผลการดำเนินงานของ Sizzler ในไตรมาสที่ 1 ปี 2567 ที่ผ่านมา มีการเติบโตมากกว่าไตรมาสที่ 1 ของปี 2566 ถึง 25%
ซึ่งกลยุทธ์สำคัญหลัก ๆ ที่จะทำให้ Sizzler ครองส่วนแบ่งทางการตลาดได้ 30% ตามเป้ามีด้วยกัน 5 กลยุทธ์ ได้แก่
1. พัฒนาสินค้าใหม่อยู่เสมอ
ในปี 2567 Sizzler มีคอนเซปต์คือ "Extraordinary Experience" ผ่านกลยุทธ์เมนูอาหารใหม่ที่เน้นไปทางอาหารตะวันตก ได้แก่
- สเต๊กพรีเมียมสไตล์อเมริกันแท้ในรูปแบบบาร์บีคิว
เช่น บาร์บีคิวเนื้อ, บัฟฟาโลวิงส์แรนซ์ซอสบาร์บีคิวหมู, บัฟฟาโลวิงส์แรนซ์ซอส, บัฟฟาโลวิงส์แรนซ์ซอส, บาร์บีคิวปลากะพง และกุ้งลายเสือ
เช่น บาร์บีคิวเนื้อ, บัฟฟาโลวิงส์แรนซ์ซอสบาร์บีคิวหมู, บัฟฟาโลวิงส์แรนซ์ซอส, บัฟฟาโลวิงส์แรนซ์ซอส, บาร์บีคิวปลากะพง และกุ้งลายเสือ
- เมนูเครื่องดื่มใหม่ 3 เมนู
ได้แก่ ช็อกโกแลต บราวนี่ มิลค์เชค, แบล็กฟอเรสต์ มิลค์เชค, ซอล์ทเท็ด คาราเมล มิลค์เชค
ได้แก่ ช็อกโกแลต บราวนี่ มิลค์เชค, แบล็กฟอเรสต์ มิลค์เชค, ซอล์ทเท็ด คาราเมล มิลค์เชค
รวมถึงมีการนำเมนูสุดคุ้มกลับมาจำหน่าย เช่น เมนูซี่โครงหมูบาร์บีคิว และเมนูสเต๊กเนื้อนิวยอร์กที่มีการเพิ่มปริมาณมากขึ้นแต่จ่ายในราคาปกติ
การเพิ่มเมนูของหวานและเมนูบรันช์ และมีการปรับเมนูสเต๊ก Sizzling ซีรีส์ในราคาสุดคุ้ม
การพัฒนาเมนูสลัดบาร์ในคอนเซปต์ใหม่ตามฤดูกาล ด้วยการนำเอาผลไม้ยอดนิยมตามฤดูกาลมาทำเป็นเมนูสลัดบาร์
2. เป็นสถานที่ฉลองในวันสำคัญ
Sizzler มักออกเมนูใหม่ ๆ ในวันสำคัญต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น วันเด็ก วันแม่ วันพ่อ และวันขึ้นปีใหม่
นอกจากนี้ หากมาฉลองในวันสำคัญ อย่างเช่น บอกพนักงานว่า มาฉลองวันเกิด พนักงานจะนำ Cheese Toast มาให้อีกด้วย
3. เติบโตอย่างมั่นคง ผ่าน Premium Member
หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญ ที่จะทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ และกลายเป็นลูกค้าที่มีความภักดีต่อแบรนด์ ก็คือ “การสมัครสมาชิก”
โดยในต้นปี 2566 Sizzler มีลูกค้าสมาชิกกว่า 250,000 คน
ส่วนในช่วงปลายปี 2566 Sizzler มีลูกค้าสมาชิกเพิ่มขึ้นเกินเท่าตัวเป็น 550,000 คน
ส่วนในช่วงปลายปี 2566 Sizzler มีลูกค้าสมาชิกเพิ่มขึ้นเกินเท่าตัวเป็น 550,000 คน
เนื่องจากกลยุทธ์การแจกคูปองพิเศษสำหรับลูกค้าที่เป็นสมาชิก
รวมถึงหากเป็นสมาชิกแบบ Gold จะได้รับส่วนลดค่าอาหาร
รวมถึงหากเป็นสมาชิกแบบ Gold จะได้รับส่วนลดค่าอาหาร
ซึ่ง Sizzler เปิดเผยว่า 25% ของยอดขายมาจากลูกค้าที่สมัครสมาชิก..
4. Premium Product
เนื่องจาก Sizzler ได้มองเห็นเทรนด์การตลาด Premium ที่กำลังเติบโตในช่วงนี้ จึงได้คัดสรรเมนูพรีเมียมมาเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า
โดยได้เปิดตัว สเต๊กพรีเมียม พร้อมทั้งพัฒนาเมนูพรีเมียมหรือที่เรียกว่า Sizzling Menu เช่น Sizzling Ribeye Steak และ Sizzling Beef Lion Steak
5. เพิ่มฐานลูกค้าใหม่ ๆ ผ่าน Online Marketing
จากเดิม Sizzler มีช่องทางออนไลน์เพียงแค่ Facebook อย่างเดียว
แต่ในปัจจุบัน Sizzler ได้เพิ่มช่องทางการสื่อสารอื่น ๆ เพื่อเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น TikTok, Instagram และ Youtube
แต่ในปัจจุบัน Sizzler ได้เพิ่มช่องทางการสื่อสารอื่น ๆ เพื่อเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น TikTok, Instagram และ Youtube
ซึ่งการเพิ่มช่องทางออนไลน์นี้ จะทำให้ Sizzler เข้าถึงและมีฐานลูกค้าที่เป็นกลุ่มวัยรุ่นเพิ่มมากขึ้น
นอกจาก 5 กลยุทธ์สร้างการเติบโตในปี 2567 นี้แล้ว
Sizzler ยังจะมีการรีแบรนด์ (Rebrand) ผ่านการเปลี่ยนชุดพนักงาน ให้มีความเรียบร้อย ดูดี มีความเป็นมืออาชีพมากกว่าเดิม โดยคาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงครบทุกสาขาภายในเดือนมิถุนายนนี้
รวมถึง Sizzler ยังวางแผนขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในประเทศไทยและอาเซียน
ตั้งเป้าในปีนี้จะเปิดสาขาในประเทศไทยเพิ่มอีก 2 สาขา เป็นทั้งหมด 66 สาขา
และเมื่อไม่นานมานี้ Sizzler ก็เพิ่งได้ขยายสาขาไปประเทศเวียดนามเป็นสาขาแรก ซึ่งก็ได้รับเสียงตอบรับจากชาวเวียดนาม และนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี