อธิบายพฤติกรรม “ว่าที่ลูกค้า” 2 ประเภท การตลาดแบบไหน ที่จะมัดใจ คนกลุ่มนี้
9 มี.ค. 2024
ในมุมการตลาด มีทฤษฎีการแบ่งกลุ่มลูกค้า ที่ชื่อว่า “Customer Pyramid” คือการแบ่งลูกค้าเป็น 4 ขั้น
ไล่จากฐานที่มีขนาดใหญ่สุด ไปจนถึงยอดบนสุด ซึ่งมีขนาดเล็กสุด
ได้แก่ ลูกค้าระดับ Lead, Iron, Gold และ Platinum
ไล่จากฐานที่มีขนาดใหญ่สุด ไปจนถึงยอดบนสุด ซึ่งมีขนาดเล็กสุด
ได้แก่ ลูกค้าระดับ Lead, Iron, Gold และ Platinum
- Lead คือ ลูกค้าที่เพิ่งรู้จักแบรนด์ของเรา
- Iron คือ ลูกค้าที่ซื้อสินค้าจากแบรนด์ของเราเป็นประจำ แต่มียอดซื้อไม่มาก
- Gold คือ กลุ่มลูกค้าระดับพิเศษ ซื้อเป็นประจำ มียอดซื้อค่อนข้างสูง
- Platinum คือ กลุ่มลูกค้าระดับ VVIP เป็นแหล่งรายได้สำคัญของแบรนด์
- Iron คือ ลูกค้าที่ซื้อสินค้าจากแบรนด์ของเราเป็นประจำ แต่มียอดซื้อไม่มาก
- Gold คือ กลุ่มลูกค้าระดับพิเศษ ซื้อเป็นประจำ มียอดซื้อค่อนข้างสูง
- Platinum คือ กลุ่มลูกค้าระดับ VVIP เป็นแหล่งรายได้สำคัญของแบรนด์
จะเห็นว่า ลูกค้ากลุ่ม Lead ก็คือ กลุ่มคนที่มีความสนใจในสินค้าหรือบริการของเรา เพียงแต่พวกเขายังไม่ได้ซื้อสินค้า
หรือพูดง่าย ๆ ว่า พวกเขามีสถานะเป็น “ว่าที่ลูกค้า” ของธุรกิจเรา..
แล้ว Lead มีความสำคัญอย่างไรต่อธุรกิจ ?
ลองจินตนาการว่า ธุรกิจของเรามีเป้าหมายที่จะเพิ่มยอดขายในปีนี้
กลยุทธ์การหาลูกค้าใหม่ ๆ ที่ยังไม่เคยซื้อสินค้าของธุรกิจเราเลย ก็ดูน่าสนใจไม่น้อย
กลยุทธ์การหาลูกค้าใหม่ ๆ ที่ยังไม่เคยซื้อสินค้าของธุรกิจเราเลย ก็ดูน่าสนใจไม่น้อย
แต่ความยากของการโน้มน้าวให้คนที่ไม่รู้จักแบรนด์ของเรามาซื้อสินค้า จะต้องใช้เวลา
และทุ่มงบการตลาดลงไปจำนวนมหาศาล
และทุ่มงบการตลาดลงไปจำนวนมหาศาล
อีกทั้งยังมีความเสี่ยงว่า ลูกค้าใหม่เหล่านี้อาจจะไม่ได้สนใจสินค้าอย่างแท้จริงก็ได้
ทำให้สูญเสียงบการตลาดไปโดยเปล่าประโยชน์
ทำให้สูญเสียงบการตลาดไปโดยเปล่าประโยชน์
การทำให้คนที่ไม่รู้จักแบรนด์ของเรา กลายมาเป็นลูกค้า จึงเป็นเรื่องที่ยากกว่า
การเปลี่ยนให้คนที่สนใจซื้อสินค้าอยู่แล้ว กลายมาเป็นลูกค้าที่แท้จริง
การเปลี่ยนให้คนที่สนใจซื้อสินค้าอยู่แล้ว กลายมาเป็นลูกค้าที่แท้จริง
ดังนั้น การที่ธุรกิจโฟกัสและให้ความสำคัญกับ Lead แทนที่จะเป็นลูกค้าใหม่ทุกคน
จะช่วยประหยัดงบทำการตลาดลงได้จำนวนมาก
และยังมีโอกาสได้ลูกค้ากลับมามากกว่าการให้ความสำคัญกับลูกค้าใหม่ทุกคนด้วย
จะช่วยประหยัดงบทำการตลาดลงได้จำนวนมาก
และยังมีโอกาสได้ลูกค้ากลับมามากกว่าการให้ความสำคัญกับลูกค้าใหม่ทุกคนด้วย
แล้ว Lead มีกี่ประเภท อะไรบ้าง ?
Lead แบ่งออกได้ 2 กลุ่มหลัก ๆ คือ
- แบ่งตามความสนใจสินค้า มี 2 ประเภท ได้แก่
1. Cold Lead
คือ กลุ่มคนที่ยังไม่พร้อมซื้อสินค้าหรือบริการ ซึ่งอาจจะเป็นเพราะยังไม่สนใจในตัวสินค้า
หรือสินค้ายังไม่สามารถตอบโจทย์ปัญหาของลูกค้า หรืออาจเป็นเพราะสาเหตุอื่น ๆ
คือ กลุ่มคนที่ยังไม่พร้อมซื้อสินค้าหรือบริการ ซึ่งอาจจะเป็นเพราะยังไม่สนใจในตัวสินค้า
หรือสินค้ายังไม่สามารถตอบโจทย์ปัญหาของลูกค้า หรืออาจเป็นเพราะสาเหตุอื่น ๆ
ด้วยเหตุนี้ Cold Lead จึงเป็นกลุ่มคนที่มีแนวโน้มจะเป็นลูกค้าต่ำที่สุด
การทุ่มงบทำการตลาดไปที่คนกลุ่มนี้ จึงควรประเมินให้ดีว่า
คุ้มค่ากับผลตอบแทนที่จะได้รับกลับมาหรือไม่
การทุ่มงบทำการตลาดไปที่คนกลุ่มนี้ จึงควรประเมินให้ดีว่า
คุ้มค่ากับผลตอบแทนที่จะได้รับกลับมาหรือไม่
ข้อดีของคนกลุ่มนี้คือ การที่ธุรกิจมีข้อมูลติดต่อกลับอยู่ในมือ
ทำให้ธุรกิจยังรักษาความสัมพันธ์กับพวกเขาเอาไว้ได้อยู่บ้าง
และมีโอกาสเปลี่ยนให้พวกเขากลายเป็นลูกค้าตัวจริงได้ในอนาคต
ทำให้ธุรกิจยังรักษาความสัมพันธ์กับพวกเขาเอาไว้ได้อยู่บ้าง
และมีโอกาสเปลี่ยนให้พวกเขากลายเป็นลูกค้าตัวจริงได้ในอนาคต
แนวทางทำการตลาดกับคนกลุ่มนี้ จึงต้องค่อย ๆ สานความสัมพันธ์กับพวกเขา
ผ่านการนำเสนอคอนเทนต์ที่อธิบายว่าสินค้าหรือบริการของเรา
สามารถช่วยแก้ปัญหา (Pain Point) อะไรให้พวกเขาได้บ้าง
ผ่านการนำเสนอคอนเทนต์ที่อธิบายว่าสินค้าหรือบริการของเรา
สามารถช่วยแก้ปัญหา (Pain Point) อะไรให้พวกเขาได้บ้าง
และพยายามหาสาเหตุว่า ทำไมลูกค้าถึงยังไม่สนใจซื้อสินค้าในตอนนี้
พร้อมหาวิธีในการโน้มน้าวให้พวกเขารู้สึกสนใจสินค้ามากขึ้น
พร้อมหาวิธีในการโน้มน้าวให้พวกเขารู้สึกสนใจสินค้ามากขึ้น
แล้วเมื่อถึงเวลาที่พวกเขาจำเป็นต้องซื้อสินค้า ก็จะได้เก็บแบรนด์ของเราไว้เป็นตัวเลือกหนึ่งในใจ
และไม่ควรนำเสนอคอนเทนต์ ที่ยัดเยียดการขายมากเกินไปกับ Lead กลุ่มนี้
เพราะจะทำให้พวกเขาหงุดหงิด รำคาญ จนตัดการติดต่อกับธุรกิจได้เช่นกัน
เพราะจะทำให้พวกเขาหงุดหงิด รำคาญ จนตัดการติดต่อกับธุรกิจได้เช่นกัน
2. Warm Lead
คือ กลุ่มคนที่รู้จักและสนใจสินค้าหรือบริการแล้ว
แต่ยังต้องการข้อมูลและเวลาเพิ่มเติม เพื่อช่วยในการตัดสินใจ
คนกลุ่มนี้จึงมีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าสูงกว่ากลุ่ม Cold Lead
แต่ยังต้องการข้อมูลและเวลาเพิ่มเติม เพื่อช่วยในการตัดสินใจ
คนกลุ่มนี้จึงมีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าสูงกว่ากลุ่ม Cold Lead
แนวทางทำการตลาดกับคนกลุ่มนี้ เช่น การติดต่อกลับเพื่อสอบถามความต้องการของลูกค้า
แล้วตอบสนองความต้องการของลูกค้า และการตอบข้อสงสัยของลูกค้า
แล้วตอบสนองความต้องการของลูกค้า และการตอบข้อสงสัยของลูกค้า
- แบ่งตามเส้นทางการเป็นลูกค้าตามแนวคิด Marketing Funnel มี 2 ประเภท ได้แก่
1. MQL (Marketing Qualified Leads)
คือ กลุ่มคนที่ให้ความสนใจแบรนด์ ผ่านการมีปฏิสัมพันธ์กับแคมเปญทางการตลาด
เช่น เข้ามาดูคอนเทนต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ดาวน์โหลดข้อมูลเพื่ออ่านข้อมูลเพิ่มเติม
หรือเข้าร่วมกิจกรรมที่จัดขึ้น
คือ กลุ่มคนที่ให้ความสนใจแบรนด์ ผ่านการมีปฏิสัมพันธ์กับแคมเปญทางการตลาด
เช่น เข้ามาดูคอนเทนต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ดาวน์โหลดข้อมูลเพื่ออ่านข้อมูลเพิ่มเติม
หรือเข้าร่วมกิจกรรมที่จัดขึ้น
Lead กลุ่มนี้มีความสนใจสินค้าแล้ว แต่ยังจำเป็นต้องกระตุ้นพวกเขา เพื่อให้เกิดการซื้อสินค้า
เช่น การยิงแอดกลับไปที่ลูกค้า (Remarketing) แล้วนำเสนอจุดเด่นของสินค้าที่แตกต่างจากคู่แข่งอย่างชัดเจน หรือนำเสนอส่วนลดสำหรับลูกค้าใหม่ เพื่อให้ปิดการขายได้ง่ายขึ้น
2. SQL (Sales Qualified Leads)
คือ กลุ่มคนที่ผ่านเกณฑ์สำหรับฝ่ายขาย และมีความใกล้จะเป็นลูกค้ามากที่สุด
เนื่องจากสนใจสินค้าและพร้อมที่จะซื้อสินค้าแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะต้องซื้อสินค้าผ่านช่องทางไหน
คือ กลุ่มคนที่ผ่านเกณฑ์สำหรับฝ่ายขาย และมีความใกล้จะเป็นลูกค้ามากที่สุด
เนื่องจากสนใจสินค้าและพร้อมที่จะซื้อสินค้าแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะต้องซื้อสินค้าผ่านช่องทางไหน
ตัวอย่างที่เห็นเด่นชัดสุด คือ คนที่เข้ามาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและช่องทางการซื้อสินค้า
แนวทางทำการตลาดกับคนกลุ่มนี้ เช่น ทำคอนเทนต์นำเสนอช่องทางและวิธีการซื้อสินค้าแบบเข้าใจง่าย
หรือการทำงานร่วมกับฝ่ายขาย โดยให้ฝ่ายขายเข้าไปพูดคุยกับลูกค้า และช่วยแนะนำการซื้อสินค้า
หรือการทำงานร่วมกับฝ่ายขาย โดยให้ฝ่ายขายเข้าไปพูดคุยกับลูกค้า และช่วยแนะนำการซื้อสินค้า
สรุปแล้ว Lead แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ
แบ่งตามความสนใจสินค้า ได้แก่
- Cold Lead คือ กลุ่มคนที่ยังไม่สนใจซื้อสินค้าในตอนนั้น
- Warm Lead คือ กลุ่มคนที่สนใจซื้อสินค้าแล้ว แต่ยังต้องการข้อมูลสินค้าเพิ่มเติมเพื่อเปรียบเทียบ
- Cold Lead คือ กลุ่มคนที่ยังไม่สนใจซื้อสินค้าในตอนนั้น
- Warm Lead คือ กลุ่มคนที่สนใจซื้อสินค้าแล้ว แต่ยังต้องการข้อมูลสินค้าเพิ่มเติมเพื่อเปรียบเทียบ
แบ่งตามเส้นทางการเป็นลูกค้าตามแนวคิด Marketing Funnel ได้แก่
- MQL (Marketing Qualified Leads) คือ กลุ่มคนที่สนใจสินค้าผ่านแคมเปญการตลาด
- SQL (Sales Qualified Leads) คือ กลุ่มคนที่พร้อมซื้อสินค้า แต่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม
เช่น ช่องทางการขาย
- MQL (Marketing Qualified Leads) คือ กลุ่มคนที่สนใจสินค้าผ่านแคมเปญการตลาด
- SQL (Sales Qualified Leads) คือ กลุ่มคนที่พร้อมซื้อสินค้า แต่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม
เช่น ช่องทางการขาย
ซึ่งการทำความเข้าใจ Lead แต่ละประเภท มีความสำคัญ
เพราะจะทำให้นักการตลาดหรือคนทำธุรกิจทำการตลาดได้ตรงจุดมากขึ้นนั่นเอง..
เพราะจะทำให้นักการตลาดหรือคนทำธุรกิจทำการตลาดได้ตรงจุดมากขึ้นนั่นเอง..