กรณีศึกษา วิธีสร้างแบรนด์น้ำดื่มสิงห์ให้ยั่งยืนด้วยคุณภาพ ควบคู่แบรนด์ใส่ใจสังคมและสิ่งแวดล้อม
9 ก.พ. 2024
ในอดีต ถ้านึกถึงสินค้าที่ผู้บริโภคแทบจะแยกไม่ออกว่า “แตกต่าง” กันตรงไหน ? หนึ่งในนั้นต้องมีสินค้าอย่าง “น้ำดื่ม”
แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความเชื่อนี้กลับค่อย ๆ เลือนหาย เมื่อ “น้ำดื่มสิงห์” เลือกสร้างความ “แตกต่าง” ได้อย่างชัดเจน จนกลายเป็นแบรนด์น้ำดื่ม ที่ครองส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดในเมืองไทยมาหลายปีติดต่อกัน
โดยความต่างที่ “น้ำดื่มสิงห์” สร้างไว้ ก็คือ คุณภาพสินค้า ควบคู่การใส่ใจสังคมและสิ่งแวดล้อม
ในเรื่องคุณภาพสินค้า หลายคนอาจไม่รู้ว่า น้ำดื่มสิงห์ ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงที่เรียกว่า Smart Micro Filter ที่แม้จะกรองแบคทีเรีย สิ่งสกปรก จนได้น้ำที่สะอาด แต่ยังคงรักษาแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยแตกต่างจากการใช้ระบบกรอง RO ที่สามารถกรองละเอียดได้น้ำที่บริสุทธิ์ก็จริง แต่อาจจะไม่เหลือแร่ธาตุอะไรไว้เลย
แต่ถ้าพูดถึงแคมเปญที่สร้าง Impact ต่อสังคม และทำให้ใคร ๆ ต่างจดจำ “น้ำดื่มสิงห์” เป็นแบรนด์น้ำดื่มเพื่อสังคม นั่นก็คือ แคมเปญ “ตามหาเด็กหาย Return Heart to Home” ที่เกิดขึ้นในปี 2562
โดยโครงการนี้เป็นการร่วมมือกับมูลนิธิกระจกเงา พิมพ์รูปเด็กหาย บนฉลากน้ำดื่มสิงห์ นอกจากเพื่อสร้างการรับรู้ให้สังคมตระหนักถึงปัญหาเด็กหายว่ายังมีอยู่ในสังคมไทย อีกมุมยังเป็นการสร้างสังคมแห่งการช่วยเหลือให้คนไทยช่วยกันตามหาเด็กที่หายไป
อีกหนึ่ง Movement สำคัญคือ “สนับสนุนกีฬา” เราได้เห็นแบรนด์น้ำดื่มสิงห์ เข้าร่วมเป็นสปอนเซอร์ในรายการแข่งขันกีฬาหลายประเภท เช่น กอล์ฟ เทนนิส ว่ายน้ำ มอเตอร์สปอร์ต ฯลฯ และไม่ได้จำกัดแค่รายการใหญ่ แต่ยังลงลึกไปถึงการสนับสนุนกีฬาเยาวชน จนถึงทัพพาราไทย เช่น มีการนำน้ำดื่มสิงห์ไปมอบให้แก่ สมาคมกีฬาคนพิการ เป็นต้น
ส่วนอีกหนึ่งความต่างก็คือ ทุก ๆ กระบวนการผลิต จะต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของบริษัทแม่อย่าง บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ที่เชื่อว่า “องค์กร ชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม ต้องมีความสุขร่วมกันอย่างยั่งยืน”
รู้หรือไม่ว่า.. น้ำดื่มสิงห์ทุกขวดผลิตด้วยพลาสติก PET ชนิดที่ 1 ที่นอกจากจะเป็นพลาสติกที่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายแล้วนั้น อีกหนึ่งข้อดีคือ สามารถนำไปรีไซเคิลได้ 100% อีกทั้งยังสามารถรีไซเคิลแปรเปลี่ยนเป็นใยสังเคราะห์ เพื่อนำมาผลิตเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า และบรรจุภัณฑ์อื่น ๆ
จะเห็นว่าทุกกระบวนการเหล่านี้ทำให้ “ขวดน้ำดื่มสิงห์” ไม่กลายเป็นขยะพลาสติกที่ต้องใช้เวลาย่อยสลายนานถึง 450 ปี
และหากสังเกตดี ๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมา น้ำดื่มสิงห์ ยังเป็นแบรนด์ที่มีความโดดเด่นในการทำแคมเปญเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม เช่น
“เกี่ยวช่วยโลก” น้ำดื่มสิงห์ ยังคงให้ความสำคัญกับบรรจุภัณฑ์ขวดแก้ว ทำให้เกิดโครงการนี้ โดยชวนผู้บริโภคหันมาดื่มน้ำสิงห์ขวดแก้วมากขึ้น เพราะจุดเด่นของขวดแก้วคือ 3R
Reuse นำมาใช้ซ้ำได้ ผ่านการทำความสะอาดที่มีมาตรฐาน
Reduce ลดการใช้พลาสติก
Recycle เมื่อใช้ไประยะหนึ่งสามารถนำขวดมาใช้หมุนเวียนได้
Reduce ลดการใช้พลาสติก
Recycle เมื่อใช้ไประยะหนึ่งสามารถนำขวดมาใช้หมุนเวียนได้
จะเห็นว่าวิธีการสร้างแบรนด์ “น้ำดื่มสิงห์” นอกจากเน้นเรื่องคุณภาพ ที่สอดคล้องกับคำพูดของคุณภูริต ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ที่เคยบอกว่า “เราไม่เคยอ่อนข้อกับคำว่า คุณภาพสินค้า เพื่อให้ผู้บริโภคได้สิ่งที่ดีที่สุด”
อีกหนึ่ง DNA ของแบรนด์คือการเป็น แบรนด์น้ำดื่มใส่ใจสังคมและสิ่งแวดล้อม เพราะคำว่า ผู้นำตลาดที่ดีในโลกธุรกิจยุคนี้ต้องใส่ใจ “คุณภาพ + สังคม + สิ่งแวดล้อม” ให้เติบโตไปพร้อม ๆ กับแบรนด์ และเมื่อภาพของแบรนด์เป็นคนดี ก็ไม่แปลกที่จะทำให้ผู้บริโภคหลงรัก..
Tag:น้ำดื่มสิงห์