กรณีศึกษา แฟรนไชส์ร้านสะดวกซัก มาแรงแห่งปี 2566 มัดใจนักลงทุนด้วย “เทคโนโลยี”

กรณีศึกษา แฟรนไชส์ร้านสะดวกซัก มาแรงแห่งปี 2566 มัดใจนักลงทุนด้วย “เทคโนโลยี”

9 ม.ค. 2023
หนึ่งในธุรกิจที่เพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นาน และยังมีโอกาสให้เข้าไปร่วมลงทุน
นั่นก็คือ “ธุรกิจร้านสะดวกซัก” หรือร้านซัก-อบผ้า ที่แก้ไข Pain Point การซักผ้าแบบเดิม ๆ ที่ใช้ระยะเวลานาน ทั้งซักและตาก ให้เสร็จ ครบ จบ ที่เดียวภายในไม่กี่ชั่วโมง
ประกอบกับพฤติกรรมของคนไทยที่เปลี่ยนมาอยู่อาศัยในคอนโดมิเนียม หรืออะพาร์ตเมนต์มากขึ้น และมักจะไม่ค่อยมีเวลา จึงต้องการอะไรที่เข้ามาสร้างความสะดวกสบายในชีวิต
ดังนั้น จึงหมายความว่าธุรกิจร้านสะดวกซัก จึงยังมีโอกาสเติบโตในไทยได้นั่นเอง
พอเป็นแบบนี้แล้ว ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เราจึงเห็นแบรนด์ร้านสะดวกซักเกิดขึ้นมากมาย
ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ “Trendy Wash” แบรนด์ร้านสะดวกซักที่เติบโตกว่า 260 สาขา ภายในระยะเวลาเพียงแค่ไม่กี่ปี
แล้วอะไรที่ทำให้ Trendy Wash เติบโตได้ไวขนาดนี้ ? มาหาคำตอบกัน
Trendy Wash เป็นแบรนด์ร้านสะดวกซัก ที่เกิดขึ้นจากบริษัท เออเบิ้นเวย์ จำกัด (Urban Way) จากเดิมเป็นผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตไร้สาย (WiFi) ความเร็วสูง
ต่อมาบริษัทต้องการมองหาธุรกิจใหม่ ๆ โดยอาศัยจุดแข็งที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน Network
โดยโจทย์ก็คือ จะต้องเป็นธุรกิจที่สร้างการเติบโตให้กับบริษัทในระยะยาว รวมถึงจะต้องสร้าง Passive Income ได้ด้วยเช่นกัน
ซึ่งธุรกิจที่ตอบโจทย์เรื่องนี้มากที่สุดก็คือ “ธุรกิจร้านสะดวกซัก”
นั่นก็เพราะว่า การซักผ้า เปรียบเสมือนเป็นปัจจัยสำคัญของทุก ๆ คนในการดำรงชีวิตไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีแบรนด์ร้านสะดวกซักเกิดขึ้นมากมาย
จึงทำให้ธุรกิจร้านสะดวกซัก มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือดท่ามกลางทะเลเลือด ไม่ว่าจะเป็น การแข่งขันด้านทำเล ราคา หรือการให้บริการ
ดังนั้นแล้ว โจทย์ใหญ่ต่อมาของ Urban Way ก็คือ จะทำอย่างไรให้ Trendy Wash แตกต่างจากคู่แข่งรายอื่น ๆ
อย่างที่เล่าไปแล้วว่า Urban Way เป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีมาก่อน
จึงมีการนำจุดเด่นในเรื่องนี้มาพัฒนา “Trendy Wash Platform” แพลตฟอร์มที่ทำให้สามารถบริหารจัดการร้านได้ง่าย ๆ ผ่านโทรศัพท์มือถือ จนสามารถขยายได้กว่า 260 สาขา
แล้ว Trendy Wash Platform มีจุดเด่นอะไรบ้าง ?
1. ในมุมของลูกค้า
เชื่อว่าหนึ่งใน Pain Point ของคนที่เข้าร้านสะดวกซักบ่อย ๆ ก็คือ ต้องสุ่มเข้าไปเช็กว่า มีเครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้าว่างหรือไม่
ซึ่งบางครั้งก็ต้องหลีกเลี่ยงเข้าไปใช้บริการในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์และช่วงเวลาเย็น ที่จะมีลูกค้าเข้ามาใช้งานพร้อมกันจำนวนมาก
แต่ปัญหานี้จะหมดไป ถ้าเข้ามาใช้บริการของ Trendy Wash
เพราะมีแอปพลิเคชันที่ลูกค้าสามารถเข้ามาเช็กสถานะเครื่องซักผ้าก่อนใช้งานได้เลยว่า มีเครื่องว่างหรือไม่ ?
เท่านั้นยังไม่พอ เมื่อนำเสื้อผ้าเข้าซักแล้ว ก็ยังไม่ต้องนั่งรอให้เสียเวลา สามารถกลับไปพักผ่อน หรือไปรับประทานอาหารรอได้ เพราะแอปพลิเคชันจะแจ้งเตือน เมื่อซักหรืออบผ้าเสร็จแล้วด้วย
และอีกหนึ่ง Pain Point ที่สำคัญที่สุดของลูกค้าเลยก็คือ “การหยอดเหรียญ”
หลาย ๆ คนต้องสะสมเหรียญสิบ หรือต้องคอยหาแลกกับร้านค้าในละแวกนั้น ๆ เพื่อนำมาหยอดเหรียญเครื่องซักผ้า
แต่สำหรับร้านสะดวกซัก Trendy Wash สามารถเลือกจ่ายค่าบริการได้ถึง 3 ช่องทาง ได้แก่ จ่ายแบบหยอดเหรียญเหมือนร้านทั่ว ๆ ไป, สแกนจ่ายผ่าน QR Code และจ่ายผ่านแอปพลิเคชัน Trendy Wash Platform
ทำให้ลูกค้าไม่จำเป็นต้องคอยหาเหรียญสิบให้ยุ่งยากอีกต่อไป
จากทั้งหมดนี้ ก็จะเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า
จุดเด่นของ Trendy Wash ก็คือ “การมีเทคโนโลยีเข้ามาผสานกับร้านสะดวกซัก”
ซึ่งนอกจากจะช่วยสร้างความสะดวกสบายให้กับลูกค้าแล้ว
ยังทำให้แบรนด์มีจุดแข็งแตกต่างจากคู่แข่งรายอื่น ๆ อีกด้วย
2. ในมุมของนักลงทุน
เมื่อ Urban Way พัฒนา Trendy Wash แล้วเห็นว่าเติบโตได้ดี
จึงมีการขยายเป็นแฟรนไชส์ เปิดให้นักลงทุนเข้ามาร่วมเป็นเจ้าของ Trendy Wash ด้วยกัน
ซึ่งแน่นอนว่า Trendy Wash Platform ก็ยังเข้ามามีบทบาทต่อนักลงทุนด้วย
โดยเข้ามาสร้างความสะดวกสบาย ให้สามารถบริหารร้านสะดวกซักได้ง่าย ๆ แบบที่ไม่ต้องเดินทางมาเฝ้าหน้าร้านด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น
- ระบบหลังบ้าน ที่สามารถเช็กรายรับได้แบบ Real-Time
- สามารถบริหารร้าน เปิด-ปิดไฟในร้านได้ เพียงแค่กดผ่านแอปพลิเคชัน
และมีระบบกล้องวงจรปิด ที่ดูได้ตลอด 24 ชั่วโมง
เรียกว่าเหมาะกับนักลงทุนที่ไม่มีเวลา หรือเป็นงานเสริมที่ไม่กระทบต่อการทำงานประจำ
ที่สำคัญ Trendy Wash ยังมีทีมสแตนด์บาย ที่คอยให้ความช่วยเหลือนักลงทุนตลอด 24 ชั่วโมง และมีทีมผู้เชี่ยวชาญที่สามารถเข้าไปแก้ไขปัญหาหน้างานได้ภายใน 24-48 ชั่วโมง
และเพื่อดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการ Trendy Wash ของนักลงทุน
ทาง Trendy Wash ยังมีบริการออกแบบโปรโมชันที่ออกแบบตามพฤติกรรมการใช้งานของลูกค้าในแต่ละสาขาอีกด้วย
จากจุดเด่นทั้งหมดนี้ ส่งผลให้ Trendy Wash เติบโตขึ้นอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ปี 2564 มีจำนวน 160 สาขา
ปี 2565 มีจำนวน 260 สาขา
และปี 2566 ทางบริษัทก็คาดว่า จำนวนสาขาจะเติบโตจนถึง 500 สาขา เลยทีเดียว
เห็น Trendy Wash เติบโตได้ขนาดนี้แล้ว
เชื่อว่าหลาย ๆ คนก็คงคิดอยากจะเป็นเจ้าของแฟรนไชส์ Trendy Wash กัน
แล้วแฟรนไชส์ของ Trendy Wash มีแพ็กเกจไหนบ้าง ?
เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของ Trendy Wash เลยก็ว่าได้
นั่นก็คือ การมีแพ็กเกจแฟรนไชส์ถึง 3 ขนาด ตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ ได้แก่
1. ขนาดเล็ก (Mini) สามารถติดตั้งในพื้นที่จำกัดได้ มีราคาเริ่มต้นเพียง 24,500 บาท
2. ขนาดปกติ (Standard) เหมาะกับหอพัก อะพาร์ตเมนต์ และคอนโดมิเนียม ที่มีพื้นที่เหลือ มีราคาเริ่มต้น 550,000 บาท
3. ขนาดใหญ่ (Max) สามารถรองรับลูกค้าได้มากขึ้น มีพื้นที่ให้ลูกค้าได้นั่งพักผ่อน เหมาะกับพื้นที่ชุมชนขนาดใหญ่ มีราคาเริ่มต้น 1.79 ล้านบาท
โดยข้อดีของแฟรนไชส์ร้านสะดวกซัก Trendy Wash ก็คือ จะช่วยสร้างผลตอบแทนในระยะยาว หรือ Passive Income ให้กับนักลงทุนได้ตั้งแต่ 5-20 ปีเลยทีเดียว
จากทั้งหมดนี้จึงสรุปได้ว่า..
Trendy Wash เป็นหนึ่งในธุรกิจร้านสะดวกซักมาแรงในปี 2566
เพราะตอบโจทย์ลูกค้า โดยมีเทคโนโลยีเข้ามาสร้างความสะดวกสบาย
และนักลงทุนก็ควรจับตา เพราะเป็นธุรกิจที่สร้าง Passive Income ยุคใหม่ ได้แบบไม่ยุ่งยาก ด้วยการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้บริหารร้านง่าย ๆ ผ่านโทรศัพท์มือถือ นั่นเอง..
สำหรับใครที่สนใจสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://trendywash.co/
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.