กรณีศึกษา ช่อง 7 เบอร์ 1 ที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
14 ต.ค. 2019
ถ้าถามว่าทีวีช่องไหนของเมืองไทยครองตำแหน่งเรตติ้งอันดับหนึ่งมายาวนาน
คำตอบก็คือช่อง 7
คำตอบก็คือช่อง 7
ข้อมูลจาก นีลเส็น ระบุว่าในช่วง 3 ปีล่าสุด ช่อง 7 มีเรตติ้งอันดับหนึ่งชนะช่อง 3 ที่มีเรตติ้งอันดับสอง
ปี 2559 ช่อง 7 มีเรตติ้ง 2.31 ขณะที่ช่อง 3 HD มีเรตติ้ง 1.60
ปี 2560 ช่อง 7 มีเรตติ้ง 2.11 ขณะที่ช่อง 3 HD มีเรตติ้ง 1.34
ปี 2561 ช่อง 7 มีเรตติ้ง 1.82 ขณะที่ช่อง 3 HD มีเรตติ้ง 1.33
ปี 2559 ช่อง 7 มีเรตติ้ง 2.31 ขณะที่ช่อง 3 HD มีเรตติ้ง 1.60
ปี 2560 ช่อง 7 มีเรตติ้ง 2.11 ขณะที่ช่อง 3 HD มีเรตติ้ง 1.34
ปี 2561 ช่อง 7 มีเรตติ้ง 1.82 ขณะที่ช่อง 3 HD มีเรตติ้ง 1.33
แต่จากตัวเลขจะเห็นได้ว่า เรตติ้งช่อง 7 หล่นหายลงไปมาก เนื่องจากผู้ชมมีทางเลือกมากขึ้น เพราะนอกจากช่องทีวีที่มากขึ้น ในยุคนี้ยังมีหน้าจอมือถือให้รับชม Content ออนไลน์
ช่องทีวีที่มากขึ้น จาก Analog TV ที่มี 6 ช่อง มาเป็น Digital TV ที่มีถึง 25 ช่องให้ผู้ชมได้เลือก
ทำให้ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา หลายช่องเกิดการเปลี่ยนแปลง
ซึ่งมาจากเหตุผลกำไรในการทำธุรกิจทีวีดิจิทัลไม่เป็นอย่างที่คิด
อีกทั้งยังมีหลายช่องที่ขาดทุนต่อเนื่องทุกๆ ปี
ทำให้ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา หลายช่องเกิดการเปลี่ยนแปลง
ซึ่งมาจากเหตุผลกำไรในการทำธุรกิจทีวีดิจิทัลไม่เป็นอย่างที่คิด
อีกทั้งยังมีหลายช่องที่ขาดทุนต่อเนื่องทุกๆ ปี
แกรมมี่เลือกจะขายหุ้น 50% ช่อง GMM 25 มูลค่า 1,000 ล้านบาทให้บริษัท อเดลฟอส จำกัด ซึ่งอยู่ในเครือเสี่ยเจริญ
ส่วนช่อง ONE ได้ขายหุ้นให้แก่กลุ่มปราสาททองโอสถ 1,900 ล้านบาท
ส่วนช่อง ONE ได้ขายหุ้นให้แก่กลุ่มปราสาททองโอสถ 1,900 ล้านบาท
ไม่ใช่แค่นั้นแต่ในช่วงกลางปีที่ผ่านมายังมีทีวีดิจิทัลถึง 7 ช่อง ขอคืนใบอนุญาตประกอบกิจการกับ กสทช.เพื่อยุติการออกอากาศ พร้อมได้รับเงินเยียวยาชดเชยจากผลประกอบการที่ขาดทุนในช่วงที่ผ่านมา จาก กสทช.
เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป หลายช่องเลือกจะจอดำ หลายช่องเลือกจะหาคนมาร่วมทุน
แต่เชื่อหรือไม่ว่าช่อง 7 แทบจะไม่เปลี่ยนแปลงโครงสร้างธุรกิจตัวเองเลย
แถมยังสามารถรักษารายได้และกำไรได้อย่างมั่นคง
แต่เชื่อหรือไม่ว่าช่อง 7 แทบจะไม่เปลี่ยนแปลงโครงสร้างธุรกิจตัวเองเลย
แถมยังสามารถรักษารายได้และกำไรได้อย่างมั่นคง
บริษัท กรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ จำกัด หรือ ช่อง 7
ปี 2559 รายได้ 5,826 ล้านบาท กำไร 1,568 ล้านบาท
ปี 2560 รายได้ 5,724 ล้านบาท กำไร 1,517 ล้านบาท
ปี 2561 รายได้ 5,750 ล้านบาท กำไร 1,633 ล้านบาท
ปี 2559 รายได้ 5,826 ล้านบาท กำไร 1,568 ล้านบาท
ปี 2560 รายได้ 5,724 ล้านบาท กำไร 1,517 ล้านบาท
ปี 2561 รายได้ 5,750 ล้านบาท กำไร 1,633 ล้านบาท
สิ่งที่ทำให้ช่อง 7 ยังแข็งแกร่งเหมือนเดิมก็คือ Content ที่ถูกใจคนต่างจังหวัด
เคยสังเกตกันบ้างไหมว่าตั้งแต่ยุค Analog TV มาสู่ Digital TV
ทั้งละคร, ข่าว, รายการวาไรตี้ ของช่อง 7
ยังเลือกจะเจาะกลุ่มชาวบ้าน ถูกจริตคนต่างจังหวัดที่เป็นฐานแฟนคลับมาอย่างยาวนาน
ทั้งละคร, ข่าว, รายการวาไรตี้ ของช่อง 7
ยังเลือกจะเจาะกลุ่มชาวบ้าน ถูกจริตคนต่างจังหวัดที่เป็นฐานแฟนคลับมาอย่างยาวนาน
สอดคล้องกับข้อมูลของ นีลเส็น ที่ไม่ว่าทั้ง ข่าว, ละคร, รายการวาไรตี้ ของช่อง 7
จะมีเรตติ้งในพื้นที่ต่างจังหวัด ชนะคู่แข่งในช่วงเวลาเดียวกันอย่างขาดลอย เกือบๆ ทุกช่วงเวลา เลยทีเดียว
จะมีเรตติ้งในพื้นที่ต่างจังหวัด ชนะคู่แข่งในช่วงเวลาเดียวกันอย่างขาดลอย เกือบๆ ทุกช่วงเวลา เลยทีเดียว
ขณะเดียวกัน ช่อง 7 เองก็มีช่องทางออนไลน์ที่สร้างขึ้นมาเองกับมือในช่วงปี 2555
อย่าง BUGABOO.tv ที่เป็นทั้งเว็บไซต์ และแอปพลิเคชันที่ปัจจุบันมียอดดาวน์โหลด 6 ล้านครั้ง
โดยช่องทางนี้ก็มีโฆษณาจากแบรนด์สินค้าเช่นกัน
ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งแต้มต่อในการขายโฆษณาให้กับแบรนด์สินค้าต่างๆ ของช่อง 7 นั้นเอง
อย่าง BUGABOO.tv ที่เป็นทั้งเว็บไซต์ และแอปพลิเคชันที่ปัจจุบันมียอดดาวน์โหลด 6 ล้านครั้ง
โดยช่องทางนี้ก็มีโฆษณาจากแบรนด์สินค้าเช่นกัน
ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งแต้มต่อในการขายโฆษณาให้กับแบรนด์สินค้าต่างๆ ของช่อง 7 นั้นเอง
เมื่อเรื่องเป็นเช่นนี้ จึงไม่ต้องแปลกใจว่าในขณะที่ช่องอื่นๆ รายได้หลักอย่างโฆษณาลดน้อยลง
แต่ช่อง 7 ยังสามารถรักษารายได้ตามมาตรฐานตัวเองไว้ได้ในทุกๆ ปี
แต่ช่อง 7 ยังสามารถรักษารายได้ตามมาตรฐานตัวเองไว้ได้ในทุกๆ ปี
สุดท้ายแล้วกับคำถามที่ว่าในอนาคตจะเหลือทีวีอยู่กี่ช่องในเมืองไทย แล้วใครบ้างจะเหลือรอดจากศึกครั้งนี้
เพราะจากเดิมทีวีดิจิทัลยุคเริ่มต้นมี 25 ช่องเวลานี้จะเหลือแค่ 15 ช่อง
และก็ยังมีการประเมินจากหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องว่า 15 ช่องก็ยังมากเกินไป
เพราะจากเดิมทีวีดิจิทัลยุคเริ่มต้นมี 25 ช่องเวลานี้จะเหลือแค่ 15 ช่อง
และก็ยังมีการประเมินจากหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องว่า 15 ช่องก็ยังมากเกินไป
แต่...ทุกสงครามธุรกิจ บทสรุปของแบรนด์และบริษัทที่อยู่รอด ที่ประสบความสำเร็จทั้งแง่รายได้และกำไร คือความสามารถในการครองใจมหาชนมากที่สุด ซึ่งในตอนนี้ช่อง 7 เป็นช่องที่สามารถทำได้ดีที่สุดในอุตสาหกรรมทีวี
ปิดท้ายข้อมูลที่น่าสนใจ : รู้หรือไม่ว่า ช่อง 7 มีสถิติอย่างหนึ่งที่ยากจะหาช่องอื่นมาทำลายลงได้นั่นคือ
ละคร คู่กรรม ที่ออนแอร์ปี 2533 แสดงนำโดย “เบิร์ด ธงไชย” และ “กวาง กมลชนก”
มีเรตติ้งสูงสุดที่ 40 ส่วนค่าเฉลี่ยเรตติ้งทุกตอนอยู่ที่ 30
โดยในยุคนั้นเมื่อละครออนแอร์ในช่วง 21.00 น.
ถนนในกรุงเทพฯ จะเงียบเหงา เพราะทุกคนรีบกลับบ้านมาดู “คู่กรรม”
ละคร คู่กรรม ที่ออนแอร์ปี 2533 แสดงนำโดย “เบิร์ด ธงไชย” และ “กวาง กมลชนก”
มีเรตติ้งสูงสุดที่ 40 ส่วนค่าเฉลี่ยเรตติ้งทุกตอนอยู่ที่ 30
โดยในยุคนั้นเมื่อละครออนแอร์ในช่วง 21.00 น.
ถนนในกรุงเทพฯ จะเงียบเหงา เพราะทุกคนรีบกลับบ้านมาดู “คู่กรรม”
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
References : กรมพัฒนาธุรกิจการค้า, นีลเส็น ประเทศไทย, วิกิพีเดีย, TV Digital Watch
References : กรมพัฒนาธุรกิจการค้า, นีลเส็น ประเทศไทย, วิกิพีเดีย, TV Digital Watch