กรณีศึกษา การปรับตัวของ “ยาอมตะขาบ 5 ตัว” แบรนด์เก่าแต่ไม่เชย
16 มี.ค. 2021
หลายคนอาจจะคิดว่าการบริหารแบรนด์เก่าแก่ ที่อยู่คู่คนไทยมานาน
คงไม่เหนื่อยเท่าการที่ต้องลุกขึ้นมาเริ่มต้นปั้นแบรนด์ใหม่ ที่ยังไม่มีใครรู้จัก
แต่ความจริงอาจไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป..
คงไม่เหนื่อยเท่าการที่ต้องลุกขึ้นมาเริ่มต้นปั้นแบรนด์ใหม่ ที่ยังไม่มีใครรู้จัก
แต่ความจริงอาจไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป..
เพราะแม้ชื่อเสียงและความเก๋าของแบรนด์ จะเป็นดั่งแต้มต่อ ที่ทำให้แบรนด์โด่งดัง ไปได้ไกล
แต่ถ้าใช้ไม่ถูกทาง ก็อาจเป็นยาขม ที่ทำให้แบรนด์ติดกับดักจนไปต่อลำบาก ได้ด้วยเช่นกัน
โดยเฉพาะในวันที่เทรนด์ผู้บริโภคเปลี่ยนไว
เพราะถ้าเลือกได้ คงไม่มีใครอยากซื้อของจากแบรนด์ที่เคยฮิตในอดีต แต่ปัจจุบันกลับหลุดกระแส
แต่ถ้าใช้ไม่ถูกทาง ก็อาจเป็นยาขม ที่ทำให้แบรนด์ติดกับดักจนไปต่อลำบาก ได้ด้วยเช่นกัน
โดยเฉพาะในวันที่เทรนด์ผู้บริโภคเปลี่ยนไว
เพราะถ้าเลือกได้ คงไม่มีใครอยากซื้อของจากแบรนด์ที่เคยฮิตในอดีต แต่ปัจจุบันกลับหลุดกระแส
ดังนั้น จึงไม่แปลกที่หลายแบรนด์ที่เริ่มเข้าสู่วัยเก๋า ต่างงัดกลยุทธ์เพื่อรีเแบรนด์ตัวเองให้ดูสดใหม่อยู่เสมอ
เพื่อรักษากลุ่มลูกค้าเก่า พร้อมกับการขยายฐานลูกค้าใหม่
เพื่อรักษากลุ่มลูกค้าเก่า พร้อมกับการขยายฐานลูกค้าใหม่
หนึ่งในกรณีศึกษาที่น่าเรียนรู้ คือ ยาอมแก้ไอ ตรา “ตะขาบ 5 ตัว”
แม้ใครจะมองว่า ภาพลักษณ์แบรนด์ดูสูงวัย ไม่แพ้อายุของแบรนด์ ที่อยู่คู่คนไทยมาร่วม 80 ปี
แถมยังมีโลโกเป็นรูปผู้ชาย ล้อมรอบไปด้วยตะขาบสีแดง ที่ชวนน่ากลัวมากกว่าน่ามอง
แม้ใครจะมองว่า ภาพลักษณ์แบรนด์ดูสูงวัย ไม่แพ้อายุของแบรนด์ ที่อยู่คู่คนไทยมาร่วม 80 ปี
แถมยังมีโลโกเป็นรูปผู้ชาย ล้อมรอบไปด้วยตะขาบสีแดง ที่ชวนน่ากลัวมากกว่าน่ามอง
แต่สิ่งที่น่าสนใจ คือ กลยุทธ์ที่ทำให้ยาอมบ้าน ๆ นี้ ยังดูคลาสสิก และมีความร่วมสมัย
ราวกับเป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์ได้ โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนชื่อแบรนด์ หรือ โลโก
ราวกับเป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์ได้ โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนชื่อแบรนด์ หรือ โลโก
หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า ภาพที่ปรากฏบนแพ็กเกจจิง ของยาอมตะขาบ 5 ตัว เป็นภาพของ อากงจุ้ยไซ แซ่ซิ้ม
ผู้ก่อตั้งแบรนด์ตะขาบ 5 ตัว ซึ่งหลังอพยพจากเมืองจีน เข้ามาอยู่จังหวัดฉะเชิงเทรา
อากงจุ้ยไซ หาเลี้ยงชีพด้วยการเป็นชาวสวน เลี้ยงเป็ดไก่ ก่อนจะมารับจ้างแบกหามอยู่ที่กรุงเทพฯ
ผู้ก่อตั้งแบรนด์ตะขาบ 5 ตัว ซึ่งหลังอพยพจากเมืองจีน เข้ามาอยู่จังหวัดฉะเชิงเทรา
อากงจุ้ยไซ หาเลี้ยงชีพด้วยการเป็นชาวสวน เลี้ยงเป็ดไก่ ก่อนจะมารับจ้างแบกหามอยู่ที่กรุงเทพฯ
แต่จุดเปลี่ยน ที่ทำให้อากงจุ้ยไซ ตั้งตัวได้ มาจากความขยัน
ที่กลางวันต้องทำงานหาเลี้ยงปากท้องก็จริง แต่ช่วงกลางคืน จะนำความรู้การปรุงยา ที่ได้ร่ำเรียนมาสมัยอยู่เมืองจีน มาคิดค้นสูตรและทำยาสมุนไพร เพื่อรักษาอาการป่วยของตัวเองและเพื่อนฝูง
ที่กลางวันต้องทำงานหาเลี้ยงปากท้องก็จริง แต่ช่วงกลางคืน จะนำความรู้การปรุงยา ที่ได้ร่ำเรียนมาสมัยอยู่เมืองจีน มาคิดค้นสูตรและทำยาสมุนไพร เพื่อรักษาอาการป่วยของตัวเองและเพื่อนฝูง
พอเห็นว่าได้ผลดี จึงหารายได้เสริมหลังเลิกงาน ด้วยการนำยาไปตระเวนฝากขาย ตามร้านขายยาต่าง ๆ
ทำไปทำมา อากงจุ้ยไซพบว่า แม้ตัวยาที่ปรุงออกมาจะดี แถมยังมีหลากหลายชนิด
ทั้ง ยาหม่อง, ยาแก้ปวดท้อง, ยาแก้หอบหืด, ยาหอม, ยาอมแก้ไอ
แต่สิ่งที่ขาดไป คือ ความน่าเชื่อถือ และสิ่งที่ช่วยให้ลูกค้าจดจำ
ดังนั้น อากงจุ้ยไซ จึงตั้งชื่อแบรนด์ คิดโลโกเองซะเลย
ทั้ง ยาหม่อง, ยาแก้ปวดท้อง, ยาแก้หอบหืด, ยาหอม, ยาอมแก้ไอ
แต่สิ่งที่ขาดไป คือ ความน่าเชื่อถือ และสิ่งที่ช่วยให้ลูกค้าจดจำ
ดังนั้น อากงจุ้ยไซ จึงตั้งชื่อแบรนด์ คิดโลโกเองซะเลย
เหตุผลที่เลือก “ตะขาบ 5 ตัว” ซึ่งหลายคนมองว่าน่ากลัว
เพราะในตอนนั้นเป็นปีที่เกิดน้ำท่วมใหญ่พอดี อากงจุ้ยไซเห็นตะขาบหนีน้ำขึ้นมาเกาะฝาบ้าน จึงเกิดไอเดียที่จะนำตะขาบมาเป็นเครื่องหมายการค้า
เพราะนอกจากตะขาบ จะมีลักษณะน่าเกรงขาม แถมยังมีพิษ ซึ่งคนจีนเชื่อว่าการรักษาโรคภัยไข้เจ็บต้องใช้ “พิษล้างพิษ” คล้ายหลักการของเซรุ่ม
เพราะในตอนนั้นเป็นปีที่เกิดน้ำท่วมใหญ่พอดี อากงจุ้ยไซเห็นตะขาบหนีน้ำขึ้นมาเกาะฝาบ้าน จึงเกิดไอเดียที่จะนำตะขาบมาเป็นเครื่องหมายการค้า
เพราะนอกจากตะขาบ จะมีลักษณะน่าเกรงขาม แถมยังมีพิษ ซึ่งคนจีนเชื่อว่าการรักษาโรคภัยไข้เจ็บต้องใช้ “พิษล้างพิษ” คล้ายหลักการของเซรุ่ม
เพียงแต่ ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจว่า จะให้แท็กทีมมากันถึง 5 ตัว ตั้งใจมีแค่ 2 ตัว ประกบข้าง
แต่พอดีไปเห็นว่ามีผู้ผลิตยารายหนึ่ง ใช้ตะขาบเป็นลัญลักษณ์เหมือนกัน
เพื่อป้องกันการสับสน เลยเพิ่มจำนวนตะขาบเข้าไปเป็น 5 เพราะเป็นเลขมงคลของคนจีน
ส่วนชื่อแบรนด์ ก็ตั้งตามโลโกที่เห็น
แต่พอดีไปเห็นว่ามีผู้ผลิตยารายหนึ่ง ใช้ตะขาบเป็นลัญลักษณ์เหมือนกัน
เพื่อป้องกันการสับสน เลยเพิ่มจำนวนตะขาบเข้าไปเป็น 5 เพราะเป็นเลขมงคลของคนจีน
ส่วนชื่อแบรนด์ ก็ตั้งตามโลโกที่เห็น
พอมีแบรนด์ มีโลโกที่ชัดเจน สินค้าก็เริ่มเป็นที่จดจำและน่าเชื่อถือ
ทำให้ในที่สุด อากงจุ้ยไซ สามารถเปิดร้านขายยาจีน และยาสำเร็จรูปของตัวเองได้สำเร็จ
ทำให้ในที่สุด อากงจุ้ยไซ สามารถเปิดร้านขายยาจีน และยาสำเร็จรูปของตัวเองได้สำเร็จ
ต่อมา เมื่ออากงจุ้ยไซ จากไป ธุรกิจที่สร้างมาด้วยน้ำพักน้ำแรงจึงถูกส่งต่อมายังทายาทรุ่นที่ 2
ซึ่งตัดสินใจปิดร้านขายยา หันมาลุยธุรกิจผลิตยาจริงจัง
ด้วยการตั้งโรงงาน และบริษัทห้าตะขาบ (ซิมเทียนฮ้อ) จำกัด
ซึ่งตัดสินใจปิดร้านขายยา หันมาลุยธุรกิจผลิตยาจริงจัง
ด้วยการตั้งโรงงาน และบริษัทห้าตะขาบ (ซิมเทียนฮ้อ) จำกัด
พร้อมกับเริ่มทำการตลาดอย่างจริงจัง เพื่อให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก และยังเพิ่มช่องทางจำหน่าย
จากเดิมที่จำหน่ายเฉพาะในร้านขายยา ขยายไปสู่ร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เกต ร้านค้าปลีก
และเริ่มส่งออกไปต่างประเทศ โดยส่งสินค้าไปขายที่ฮ่องกงเป็นประเทศแรก
จากเดิมที่จำหน่ายเฉพาะในร้านขายยา ขยายไปสู่ร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เกต ร้านค้าปลีก
และเริ่มส่งออกไปต่างประเทศ โดยส่งสินค้าไปขายที่ฮ่องกงเป็นประเทศแรก
จนมาถึงทายาทรุ่นที่ 3 แม้จะดูเหมือนเป็นช่วงที่ได้เก็บดอกผล จากธุรกิจที่รุ่นปู่และพ่อสร้างไว้
แต่เพราะเป้าหมายคือ ต้องการสานต่อให้ธุรกิจนี้ยั่งยืนเกินร้อยปี
จึงกลายเป็นที่มาของโจทย์ในการบริหารแบรนด์ระดับตำนานอย่างไร ให้ยังคงเป็นแบรนด์ที่เก๋าแต่ไม่ตกยุค
แต่เพราะเป้าหมายคือ ต้องการสานต่อให้ธุรกิจนี้ยั่งยืนเกินร้อยปี
จึงกลายเป็นที่มาของโจทย์ในการบริหารแบรนด์ระดับตำนานอย่างไร ให้ยังคงเป็นแบรนด์ที่เก๋าแต่ไม่ตกยุค
1. พัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ หรือวัยรุ่นมากขึ้น
นอกจากจะเพิ่มยาอมแก้ไอรสชาติใหม่ อย่างรสบ๊วย, มิ้นท์ และตะไคร้
ยังนำนวัตกรรมเข้ามาใส่ในสินค้า ไม่ว่าจะเป็น
ยาแก้ไอแบบสเปรย์พ่น, ยาแก้ไอแบบซอฟต์เจล เม็ดใส ๆ ดูทันสมัย อมแล้วลิ้นไม่ดำ รวมไปถึงแพ็กเกจแบบตลับ ที่พกพาสะดวก
นอกจากจะเพิ่มยาอมแก้ไอรสชาติใหม่ อย่างรสบ๊วย, มิ้นท์ และตะไคร้
ยังนำนวัตกรรมเข้ามาใส่ในสินค้า ไม่ว่าจะเป็น
ยาแก้ไอแบบสเปรย์พ่น, ยาแก้ไอแบบซอฟต์เจล เม็ดใส ๆ ดูทันสมัย อมแล้วลิ้นไม่ดำ รวมไปถึงแพ็กเกจแบบตลับ ที่พกพาสะดวก
2. ย้อนวัยให้แบรนด์ ดูวัยรุ่นและเข้าถึงง่าย
หนึ่งในแคมเปญที่สร้างกระแสบนโลกโซเชียลไม่น้อยคือ การ Collaboration กับแบรนด์แฟชั่นระดับตำนาน อย่าง Greyhound
ด้วยการนำโลโก หรือ ตัวตะขาบที่เป็นซิกเนอเจอร์ของแบรนด์ มาออกแบบในคอลเลกชัน ไม่ว่าจะเป็นเสื้อฮาวาย หมวก เสื้อทีเชิ้ต กระเป๋าผ้า
หนึ่งในแคมเปญที่สร้างกระแสบนโลกโซเชียลไม่น้อยคือ การ Collaboration กับแบรนด์แฟชั่นระดับตำนาน อย่าง Greyhound
ด้วยการนำโลโก หรือ ตัวตะขาบที่เป็นซิกเนอเจอร์ของแบรนด์ มาออกแบบในคอลเลกชัน ไม่ว่าจะเป็นเสื้อฮาวาย หมวก เสื้อทีเชิ้ต กระเป๋าผ้า
เปลี่ยนภาพจำของแบรนด์ที่ดูเชยให้ทันสมัย ด้วยการนำแฟชั่นเข้ามาช่วยลดความน่ากลัวของตะขาบ และเพิ่มความน่าสนใจให้โลโก
หรืออย่างเมื่อเร็ว ๆ นี้ โลโกแบรนด์ตะขาบ 5 ตัว ก็ไปปรากฏบนสเก็ตบอร์ด ที่กำลังเป็นกระแสฮอตฮิตด้วย
เสียดายที่งานนี้ ยังไม่มีการยืนยันว่าเป็นการ Collaboration ระหว่าง ตะขาบ 5 ตัว กับผู้ผลิตสเก็ตบอร์ดหรือไม่
เสียดายที่งานนี้ ยังไม่มีการยืนยันว่าเป็นการ Collaboration ระหว่าง ตะขาบ 5 ตัว กับผู้ผลิตสเก็ตบอร์ดหรือไม่
แต่ที่แน่ ๆ ทางตะขาบ 5 ตัว ไม่ยอมตกเทรนด์ นำภาพผลงานสเก็ตบอร์ดสุดเก๋มาโพสต์ลงเพจ เพื่อเชิญชวนเหล่าทายาทอสูรมาเป็นเจ้าของ
นอกจากนั้น ยังพยายามสร้าง Engage กับคนรุ่นใหม่ผ่านโซเชียลมีเดีย
ด้วยการนำโลโกของแบรนด์ มาสร้างสีสันในเทศกาลต่าง ๆ อย่างเช่น
-ช่วงวันฮาโลวีน กรี๊ดให้สนั่น! ไม่กลัวเจ็บคอร์ พร้อมทำภาพโลโกเป็นแดรกคูลา
ด้วยการนำโลโกของแบรนด์ มาสร้างสีสันในเทศกาลต่าง ๆ อย่างเช่น
-ช่วงวันฮาโลวีน กรี๊ดให้สนั่น! ไม่กลัวเจ็บคอร์ พร้อมทำภาพโลโกเป็นแดรกคูลา
-ตอนที่มีการ Work From Home แอดมินเพจก็เล่นใหญ่ ด้วยการโชว์โลโกที่ไม่มีอากงจุ้ยไช เพราะ Work From Home อยู่บ้าน
-พอช่วงวันแม่ ก็ชวนทุกคนมาเล่นกิจกรรมชิงหมอน ที่เป็นรูปโลโกของแบรนด์ แถมยังเล่นมุกว่า กอดหมอน นอนกับแม่ แม่จะรักหรือจะหลอน
การปรับตัวของแบรนด์ตะขาบ 5 ตัว ในวันนี้ พอจะเฉลยให้เห็นแล้วว่า
ทำไมยาอมบ้าน ๆ ที่ขายกันซองละไม่กี่สิบ ถึงมียอดขายปีละเฉียด 500 ล้านบาท
ทำไมยาอมบ้าน ๆ ที่ขายกันซองละไม่กี่สิบ ถึงมียอดขายปีละเฉียด 500 ล้านบาท
บริษัท ห้าตะขาบ (ซิมเทียนฮ้อ) จำกัด ผู้ผลิตยาภายใต้แบรนด์ “ตะขาบ 5 ตัว”
ปี 2560 มีรายได้ 473 ล้านบาท กำไร 105 ล้านบาท
ปี 2561 มีรายได้ 505 ล้านบาท กำไร 156 ล้านบาท
ปี 2562 มีรายได้ 462 ล้านบาท กำไร 120 ล้านบาท
ปี 2560 มีรายได้ 473 ล้านบาท กำไร 105 ล้านบาท
ปี 2561 มีรายได้ 505 ล้านบาท กำไร 156 ล้านบาท
ปี 2562 มีรายได้ 462 ล้านบาท กำไร 120 ล้านบาท
เพราะ สิ่งที่ทำให้แบรนด์ตะขาบ 5 ตัว ยืนหยัดมาถึงวันนี้
ท่ามกลางความท้าทาย และโจทย์ที่หลายคนมองว่าค่อนข้างหิน สำหรับการสร้างแบรนด์
ไม่ว่าจะเป็นตัวสินค้า โลโกแบรนด์ หรือแม้แต่ชื่อแบรนด์ ที่ล้วนเปลี่ยนแปลงได้ยาก
ท่ามกลางความท้าทาย และโจทย์ที่หลายคนมองว่าค่อนข้างหิน สำหรับการสร้างแบรนด์
ไม่ว่าจะเป็นตัวสินค้า โลโกแบรนด์ หรือแม้แต่ชื่อแบรนด์ ที่ล้วนเปลี่ยนแปลงได้ยาก
คือ การที่แบรนด์เลือกโฟกัสในคุณภาพของสินค้าที่ไม่เหมือนใคร
พร้อมกับมองหานวัตกรรมมาเสริมทัพสินค้าที่เป็น Core Value
ไม่ว่าจะเป็นบรรจุภัณฑ์ที่พกพาสะดวก หรือ การขยายไลน์สินค้าให้ใช้ง่ายมากขึ้น
พร้อมกับมองหานวัตกรรมมาเสริมทัพสินค้าที่เป็น Core Value
ไม่ว่าจะเป็นบรรจุภัณฑ์ที่พกพาสะดวก หรือ การขยายไลน์สินค้าให้ใช้ง่ายมากขึ้น
ควบคู่ไปกับการนำกลยุทธ์การตลาดที่ร่วมสมัยมาใช้
เพื่อให้ยาอมตะขาบ 5 ตัว ยังคงเป็นหนุ่มใหญ่ที่ดูน่าค้นหา เข้าถึงง่าย มากกว่าจะเป็นคนแก่ที่น่าเคารพ แต่เข้าถึงยาก..
เพื่อให้ยาอมตะขาบ 5 ตัว ยังคงเป็นหนุ่มใหญ่ที่ดูน่าค้นหา เข้าถึงง่าย มากกว่าจะเป็นคนแก่ที่น่าเคารพ แต่เข้าถึงยาก..