Disney+ จะเริ่มไม่อนุญาตให้แชร์รหัสผ่านกับบุคคลภายนอกครัวเรือนอีกต่อไป และจะเริ่มมาตรการห้ามแชร์รหัสผ่าน อย่างจริงจัง ตั้งแต่เดือนกันยายนปีนี้
ในการปรับราคาขึ้นครั้งนี้ ถ้าอยากดูผ่านทีวี จะต้องจ่าย “แพ็กเกจพรีเมียม” ที่มีราคาอยู่ที่ 289 บาท/เดือน และ 2,290 บาท/ปี
และสาเหตุที่ทำให้ จำนวนสมาชิกทั้งหมดของ Disney+ ลดลง ก็เป็นเพราะ Disney+ Hotstar บริการสตรีมมิงที่ Disney เลือกจับกลุ่มคนดูในเอเชีย ไม่ว่าจะเป็น อินเดีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย
และเป็นครั้งแรกที่ Disney+ มีจำนวนสมาชิกลดลง นับตั้งแต่เริ่มเปิดให้บริการ Disney+ ในปี 2019 หรือเมื่อราว ๆ 4 ปีก่อน
เพื่อดึงดูดให้ลูกค้า ยอมเสียเงินสมัครสมาชิกต่อไป ด้วยสิทธิพิเศษที่มีให้ ท่ามกลางการแข่งขันอย่างรุนแรงในแวดวงสตรีมมิ่ง
Disney+ แพลตฟอร์มสตรีมมิง ประกาศออกแพ็กเกจใหม่แบบมีโฆษณา ที่มาในราคาเท่าเดิม คือ 7.99 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน (ราว 280 บาท)
ณ วันที่ 3 ก.ค. มียอดสมาชิกรวม (Paid Subscribers) 116.0 ล้านบัญชี เพิ่มขึ้น 12.4 ล้านบัญชี (+12%) เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ที่มีอยู่ 103.6 ล้านบัญชี
ทำเอาตลาดสตรีมมิงเมืองไทย สั่นสะเทือนไม่น้อย ไม่ใช่เพราะ Disney+ Hotstar แพลตฟอร์มสตรีมมิงระดับโลก ออกมาประกาศว่าจะเริ่มดูได้ 30 มิ.ย. นี้ แต่เพราะค่าบริการ ที่เห็นแล้วต้องขยี้ตาว่า ดูผิดไปหรือเปล่า
ความคืบหน้าล่าสุดนี้ มีขึ้นหลังจากที่ Robert Chapek ซีอีโอของ The Walt Disney แย้มกับนักวิเคราะห์ระหว่างแถลงผลประกอบการไตรมาส 2 ของงบการเงินปี 2564 ว่า Disney+ จะเปิดให้บริการที่ประเทศไทย ในวันที่ 30 มิถุนายน ตามมา
ส่วนแพลตฟอร์มสตรีมมิงอื่นๆ ของบริษัทอย่าง Hulu มียอดสมาชิกรวม 39.4 ล้านบัญชี เพิ่มขึ้น 30% จากปีก่อนหน้า ESPN+ มียอดสมาชิกรวม 12.1 ล้านบัญชี เพิ่มขึ้น 83% จากปีก่อนหน้า
Disney+ แพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิงของ Disney ที่นำเสนอคอนเทนต์แฟรนไชส์ชื่อดัง เช่น Star Wars, Marvel, FX และ National Geographic ได้เผยยอดสมาชิกผู้ใช้งานล่าสุด ฉลองครบรอบ 1 ปี
ธุรกิจ Streaming มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด โดยเฉพาะในปี 2019 ที่มี Streaming หน้าใหม่อย่าง Disney+ และ Apple TV+ ที่พร้อมจะมาเบียดเจ้าตลาดเดิมอย่าง Netflix