โดยในขณะนี้ อินโดนีเซียผลิตรถยนต์ได้ 1.47 ล้านคัน ในปี 2022 และนับว่าเป็นจำนวนที่ขยับเข้าใกล้ไทยมากขึ้นเรื่อย ๆ
โดยรายละเอียดนี้ ได้รับการยืนยัน จากการประชุมระหว่างรองนายกรัฐมนตรีของเวียดนาม กับ Wang Chuanfu ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้ง และประธานของ BYD
จากภาพรวมของตลาดรถยนต์ในประเทศ ที่มียอดขายรวมทั้งสิ้น 849,388 คัน
โดยอินโดนีเซีย มีข้อได้เปรียบสำคัญ คือการมีแหล่งแร่นิกเกิล ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญของแบตเตอรี่ที่ใช้ในรถยนต์ไฟฟ้าทุกคัน
เป็นการหักปากกาเซียนของนักวิเคราะห์ต่าง ๆ ที่คาดการณ์ว่า จะต้องใช้เวลาจนถึงปี 2030 กว่ารถยนต์ EV จะครองส่วนแบ่งได้ราว 7 - 12%
ในปีนี้ ค่ายรถยนต์จากสหรัฐฯ ยุโรป และจีน ครองส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ไฟฟ้าไปได้มากกว่า 90% เหลือที่ว่างให้กับค่ายญี่ปุ่นเพียงไม่ถึง 5% เท่านั้น
ในปีนี้ ราคาของแบตเตอรี่ที่ใช้กับรถยนต์ไฟฟ้า ปรับตัวสูงขึ้น เป็น 151 ดอลลาร์สหรัฐต่อกิโลวัตต์ (ราว 5,250 บาท) สูงขึ้น 7% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
จาก 3 ปัจจัยสำคัญ คือ การสนับสนุนของภาครัฐ การพัฒนาทางเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะระยะทางต่อการชาร์จ และต้นทุนการใช้งานที่ต่ำกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมัน