กรณีศึกษา WESERVE แอปดิลิเวอรี คนไทยที่กำลังโตก้าวกระโดด
2 มิ.ย. 2020
“เราขอเป็นแจ็คที่เดินเคียงคู่ยักษ์ ไม่ใช่แจ็คผู้ฆ่ายักษ์”
คุณณัฐชยา สืบศักดิ์ เจ้าของ App Delivery สัญชาติไทยที่ชื่อ WESERVE
ที่เธอกำลังบอกถึงสถานะธุรกิจตัวเอง ที่เวลานี้มีคู่แข่งเป็นยักษ์ใหญ่ต่างชาติอย่าง GrabFood, LINEMAN
คุณณัฐชยา สืบศักดิ์ เจ้าของ App Delivery สัญชาติไทยที่ชื่อ WESERVE
ที่เธอกำลังบอกถึงสถานะธุรกิจตัวเอง ที่เวลานี้มีคู่แข่งเป็นยักษ์ใหญ่ต่างชาติอย่าง GrabFood, LINEMAN
และรู้หรือไม่ว่า WESERVE ถือเป็นรายแรกๆ ที่ทำธุรกิจ Delivery ออนไลน์ในเมืองไทย
ซึ่งเกิดจากเมื่อ 4 ปีที่แล้ว คุณ ณัฐชยา เห็นว่าในจังหวัดภูเก็ตซึ่งเป็นบ้านเกิดของตัวเอง
มีจำนวนร้านอาหารเยอะมาก แต่หลายร้านกลับมีที่จอดรถให้ลูกค้าไม่เพียงพอ
ซึ่งเกิดจากเมื่อ 4 ปีที่แล้ว คุณ ณัฐชยา เห็นว่าในจังหวัดภูเก็ตซึ่งเป็นบ้านเกิดของตัวเอง
มีจำนวนร้านอาหารเยอะมาก แต่หลายร้านกลับมีที่จอดรถให้ลูกค้าไม่เพียงพอ
เธอจึงมีความคิดที่จะทำธุรกิจ Food Delivery ผ่านช่องทางเว็บไซต์ เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับคนที่ไม่ต้องการมานั่งรอทานอาหารที่ร้าน แต่มีคนไปยืนรอคิวแล้วส่งอาหารถึงบ้าน
โดยเธอว่าจ้างผู้พัฒนาเว็บไซต์เป็นบริษัทแห่งหนึ่ง
แต่ด้วยแต่ด้วยในขณะนั้นขาดความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีและด้วยความไว้ใจบริษัทดังกล่าว ในที่สุดก็พบกับความ ล้มเหลว
โดยเธอว่าจ้างผู้พัฒนาเว็บไซต์เป็นบริษัทแห่งหนึ่ง
แต่ด้วยแต่ด้วยในขณะนั้นขาดความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีและด้วยความไว้ใจบริษัทดังกล่าว ในที่สุดก็พบกับความ ล้มเหลว
แทนที่จะล้มเจ็บตัวแล้วเลิก กลับกลายเป็นว่านี่คือการล้มเพื่อเรียนรู้ข้อผิดพลาด
เมื่อเธอเลือกจะไม่ยอมแพ้ พร้อมกับรู้ว่าที่ผ่านมาเธอผิดพลาดอะไร
นั่นคือธุรกิจนี้จำเป็นจะต้องมีพนักงานฝ่ายเทคโนโลยีเป็นของตัวเอง ต้องมีความหลากหลาย
และที่สำคัญต้องเรียนรู้พฤติกรรมลูกค้าให้ได้แบบลึกซึ้ง
เมื่อเธอเลือกจะไม่ยอมแพ้ พร้อมกับรู้ว่าที่ผ่านมาเธอผิดพลาดอะไร
นั่นคือธุรกิจนี้จำเป็นจะต้องมีพนักงานฝ่ายเทคโนโลยีเป็นของตัวเอง ต้องมีความหลากหลาย
และที่สำคัญต้องเรียนรู้พฤติกรรมลูกค้าให้ได้แบบลึกซึ้ง
จากนั้นเธอก็ทำเว็บไซต์ Food Delivery อีกครั้งซึ่งได้รับความนิยมในระดับหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต
แล้วก็พัฒนาต่อยอดมาเป็น App ที่ชื่อว่า WESERVE ซึ่งตอนนี้มีอายุครบ 1 ปี
แล้วก็พัฒนาต่อยอดมาเป็น App ที่ชื่อว่า WESERVE ซึ่งตอนนี้มีอายุครบ 1 ปี
สามารถขยายพื้นที่บริการครอบคลุมภาคใต้ 8 จังหวัด และมียอดดาวน์โหลดกว่า 1 แสนราย
ออเดอร์เฉลี่ย 40,000 ครั้งต่อเดือน และมีคนขับกว่า 200 คน
ออเดอร์เฉลี่ย 40,000 ครั้งต่อเดือน และมีคนขับกว่า 200 คน
ส่วนเรื่องที่หลายคนอาจไม่รู้ก็คือแม้ WESERVE มีบริการใน App ถึง 5 บริการคือ ส่งอาหาร, จ่ายบิล, ส่งไปรษณีย์, ฝากซื้อ และขับส่งของ แต่บริการที่คิดเป็นรายได้หลักของบริษัทถึง 80% ก็คือ ส่งอาหาร
ซึ่งการเติบโตนี้ก็ได้ถูกท้าทายจาก App Food Delivery ยักษ์ใหญ่จากต่างชาติทั้ง GrabFood, LINEMAN ที่ขยายธุรกิจมาในภาคใต้
พอเรื่องเป็นแบบนี้หลายคนอาจจะคิดว่า WESERVE คงต้องมีรายได้น้อยลง แต่เรื่องนี้กลับตรงกันข้าม
บริษัท วีเสิร์ฟ ไลฟ์สไตล์ จำกัด
ปี 2561 รายได้ 8.1 ล้านบาท
ปี 2562 รายได้ 35 ล้านบาท
ปี 2562 รายได้ 35 ล้านบาท
ซึ่งเธอบอกว่าถึงรายได้จะเติบโตก้าวกระโดดแต่กำไร ณ วันนี้แค่พอหล่อเลี้ยงธุรกิจให้พอไปได้
แต่...หากมองไปที่งบลงทุนทั้งหมดที่ลงไปแล้วในธุรกิจนี้ 70 ล้านบาท ไม่ว่าจะมองมุมไหน ธุรกิจก็ยังขาดทุน
แต่...หากมองไปที่งบลงทุนทั้งหมดที่ลงไปแล้วในธุรกิจนี้ 70 ล้านบาท ไม่ว่าจะมองมุมไหน ธุรกิจก็ยังขาดทุน
แต่ที่เธอเลือกจะเดินหน้าสู้ต่อ ก็เพื่อให้คนภูเก็ตภูมิใจในความเป็นคนภูเก็ตและเป็นคนไทย ที่เป็นเจ้าของธุรกิจเทคโนโลยี มีแบรนด์เป็นของตัวเอง
ส่วนคำถามที่น่าสนใจก็คือแล้ว WESERVE ทำอย่างไรให้ธุรกิจนี้มีกำไร
เพราะอย่างที่รู้กันดี Food Delivery ต่างชาติรายใหญ่ที่เข้ามาทำธุรกิจในไทย
วันนี้แทบจะไม่มีใครได้กำไร เพราะเกมธุรกิจนี้หากใครไม่อยากเสียลูกค้าไปอยู่ในมือคู่แข่ง
สิ่งที่ต้องทำก็คือ ลดราคาค่าบริการบ่อยๆ และมีอยู่หลายครั้งต้องลดราคาต่ำกว่าต้นทุนตัวเอง
แต่ทุกรายก็พร้อมที่จะเจ็บตัว เพื่อให้ได้ลูกค้ามากที่สุด
วันนี้แทบจะไม่มีใครได้กำไร เพราะเกมธุรกิจนี้หากใครไม่อยากเสียลูกค้าไปอยู่ในมือคู่แข่ง
สิ่งที่ต้องทำก็คือ ลดราคาค่าบริการบ่อยๆ และมีอยู่หลายครั้งต้องลดราคาต่ำกว่าต้นทุนตัวเอง
แต่ทุกรายก็พร้อมที่จะเจ็บตัว เพื่อให้ได้ลูกค้ามากที่สุด
ซึ่งเธอบอกว่า WESERVE เป็นแค่ App เล็กๆ จะให้ลดค่าบริการรุนแรงเหมือนยักษ์ใหญ่คงเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้แต่สิ่งที่ “ทำได้” ก็คือ การมีบริการที่เหนือชั้นกว่า
เธอบอกว่าคนขับ 200 กว่าคนถูกคัดเลือกและเทรนด์มาอย่างดีเพื่อมอบบริการที่ใส่ใจทุกรายละเอียดของลูกค้า ซึ่งทำให้ทุกออเดอร์การส่งอาหารแทบไม่มีข้อผิดพลาด
ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้สามารถรักษาฐานลูกค้าอย่างเหนียวแน่น
ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้สามารถรักษาฐานลูกค้าอย่างเหนียวแน่น
และเมื่อมีบริการที่ดีกว่า ก็ย่อมมีค่าบริการที่แพงกว่านิดหน่อยหากเทียบกับคู่แข่ง
จึงทำให้ลูกค้าของ WESERVE เป็นลูกค้าที่ค่อนข้างมีกำลังซื้อ เป็นตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market)แตกต่างจากคู่แข่งที่มีลูกค้าในกลุ่มตลาดมวลชน คนจำนวนมาก
จึงทำให้ลูกค้าของ WESERVE เป็นลูกค้าที่ค่อนข้างมีกำลังซื้อ เป็นตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market)แตกต่างจากคู่แข่งที่มีลูกค้าในกลุ่มตลาดมวลชน คนจำนวนมาก
ขณะเดียวกันวิธีการขยายพื้นที่บริการก็ยังแตกต่างกับคู่แข่ง
รู้หรือไม่ว่าแนวคิดของ WESERVE คือตัวเองไม่จำเป็นจะต้องเป็นเจ้าของเพียงคนเดียว
ทำให้ใน 8 จังหวัดในภาคใต้นั้นมีถึง 6 จังหวัดเป็นการร่วมทุนกับนักธุรกิจท้องถิ่น
ทำให้ใน 8 จังหวัดในภาคใต้นั้นมีถึง 6 จังหวัดเป็นการร่วมทุนกับนักธุรกิจท้องถิ่น
แม้วิธีนี้ WESERVE จะต้องแบ่งรายได้ให้กับผู้ร่วมทุน
แต่ข้อดีก็คือตัวเองไม่ต้องลงทุนด้วยเงินก้อนใหญ่คนเดียว
อีกทั้งการมีนักธุรกิจท้องถิ่นร่วมทุน ซึ่งมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับร้านอาหารในจังหวัดนั้นๆ
ก็จะทำให้การรวมร้านอาหารเข้ากับ App เป็นเรื่องง่ายและรวดเร็ว
แต่ข้อดีก็คือตัวเองไม่ต้องลงทุนด้วยเงินก้อนใหญ่คนเดียว
อีกทั้งการมีนักธุรกิจท้องถิ่นร่วมทุน ซึ่งมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับร้านอาหารในจังหวัดนั้นๆ
ก็จะทำให้การรวมร้านอาหารเข้ากับ App เป็นเรื่องง่ายและรวดเร็ว
และวิธีนี้ได้กลายเป็นยุทธศาสตร์หลัก เตรียมจะขยายพื้นที่บริการไปถึง 32 จังหวัดเมื่อถึงกลางปี 2564
พร้อมกับรวบรวมเทรนด์ใหม่ๆ ไว้ใน WESERVE เพื่อให้คนไทยปรับตัว
เป็น Digital Provider อย่างชาญฉลาดและยั่งยืน
พร้อมกับรวบรวมเทรนด์ใหม่ๆ ไว้ใน WESERVE เพื่อให้คนไทยปรับตัว
เป็น Digital Provider อย่างชาญฉลาดและยั่งยืน
ส่วนเป้าหมายต่อไปของบริษัท เธอบอกว่าภายใน 5 ปี ต้องทะยานเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์
เรื่องนี้ถือว่าเป็นอะไรที่น่าสนใจ เพราะใครจะคิดว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง
กล้าทำความฝันของตัวเองให้มีชีวิตขึ้นมา
กล้าทำความฝันของตัวเองให้มีชีวิตขึ้นมา
เธอกล่าวปิดท้ายโดยนิยามความฝันนี้ ไว้อย่างน่าสนใจ
เรากำลังสร้างสินทรัพย์ที่ไม่มีตัวตน ให้กลายเป็นสินทรัพย์ ที่มีค่า สร้างรายได้
เพราะในอนาคต สินทรัพย์ที่มีค่ามากที่สุดอาจไม่ใช่ เงินทองมหาศาล
แต่มันคือ “ความรู้ + เทคโนโลยี” ที่เราสามารถใช้ได้ไม่มีวันหมด
เรากำลังสร้างสินทรัพย์ที่ไม่มีตัวตน ให้กลายเป็นสินทรัพย์ ที่มีค่า สร้างรายได้
เพราะในอนาคต สินทรัพย์ที่มีค่ามากที่สุดอาจไม่ใช่ เงินทองมหาศาล
แต่มันคือ “ความรู้ + เทคโนโลยี” ที่เราสามารถใช้ได้ไม่มีวันหมด
Tag:WESERVE