HOT POT กำลังเปลี่ยนตัวเอง เพื่อกำไร
22 ก.ค. 2019
ในวันที่ Market Think ได้นำเสนอเรื่องของร้านสุกี้บุฟเฟต์ HOT POT ถึงการปิดสาขาต่อเนื่องจนถึงการประสบปัญหาขาดทุน
จากนั้นเพียงไม่กี่วัน เราได้มีโอกาสเยี่ยมเยือนร้าน HOT POT พร้อมกับมีโอกาสได้สัมภาษณ์คุณ โชติวิทย์ เตชะอุบล ผู้บริหารระดับสูงและทีมผู้บริหารรุ่นใหม่ บริษัท เจซีเค ฮอสพิทอลลิตี้ จำกัด (มหาชน)
ที่จะมาเล่าและอธิบายถึงแผนธุรกิจที่จะพลิกฟื้นแบรนด์ HOT POT จากขาดทุนในวันนี้ให้กลับมามีกำไรอีกครั้งภายในปี 2563
ซึ่งต้องบอกว่าเป็นอะไรที่น่าติดตามว่า HOT POT จะเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างไร เพื่อชนะใจลูกค้าตัวเอง
โดยการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ มีสิ่งที่น่าสนใจก็คือ เป็นการเปลี่ยนทีมผู้บริหารใหม่หมดเข้ามาดูแล โดยเริ่มเข้ามาทำงานเต็มตัวในช่วงเดือน ธันวาคม ปี 2561
พร้อมกับเปิดใจรับฟังความเห็นของลูกค้าว่าที่ผ่านมา HOT POT มีปัญหาและจุดอ่อนอะไรเพื่อนำมาปรับปรุงพัฒนาให้ดีขึ้น
ถึงแม้ที่ผ่านมา จะมีการปิดสาขาที่ขาดทุนต่อเนื่อง แต่เหตุผลหลักๆ นั้นมาจากทำเลที่ยากต่อการทำธุรกิจ
ขณะเดียวกันสาขาที่ยังเปิดบริการ ทีมผู้บริหาร HOT POT ก็ค่อยๆ เริ่มปรับเปลี่ยนรีโนเวทสาขาเดิมให้มีดีไซน์เรียบง่าย โล่งสบาย ดูไม่อึดอัดเหมือนสาขารูปแบบเดิม อีกทั้งดีไซน์ในภาพรวมทั้งหมดแฝงเร้นไปด้วยความสดใส
โดยเวลานี้ปรับเปลี่ยนไปแล้ว 15 สาขาโดยแต่ละสาขาจะใช้เงินลงทุนประมาณ 1.2 - 1.4 ล้านบาท
ที่น่าสนใจ ไม่ใช่แค่บรรยากาศร้าน HOT POT อย่างเดียวที่เปลี่ยนไป แต่คุณภาพวัตถุดิบ อาหารนอกจากสดใหม่แล้วนั้นยังมีให้เลือกหลากหลาย
“เรามีโรงงานกลางที่ได้รับมาตรฐาน ISO วัตถุดิบที่จะกระจายไปยังแต่ละสาขา จะผ่านการ QC คุณภาพเข้มข้นมากกว่าในอดีต อีกทั้งในเรื่องการบริการลูกค้าของพนักงานก็มีทีมเทรนนิ่งเข้ามาดูแลในเรื่องนี้”
ผลลัพธ์ของการรีโนเวทสาขาและการปรับปรุงคุณภาพอาหารและพนักงาน ค่อยๆ เริ่มเห็นผล เมื่อยอดขายสาขารีโนเวทเพิ่มขึ้นถึง 30% หากเทียบกับสาขาเดิม
“คงต้องใช้เวลาในการค่อยๆ ปรับปรุง HOT POT เพราะแต่ละสาขาก็ต้องใช้เงินลงทุนและต้องค่อยๆ ปรับเปลี่ยนทัศนคติพนักงาน”
เมื่อทิศทางธุรกิจมีแนวโน้มกำลังฟื้นตัว ทำให้ทีมผู้บริหาร HOT POT มั่นใจว่าภายในปีหน้า 2563 บริษัทจะกลับมามีกำไรอีกครั้งในรอบ 6 ปี
อีกทั้งยังเตรียมแผนพัฒนาและขยายสาขาปิ้งย่าง Daidomon และร้านอาหาร Zheng Dou Express ซึ่งจะทำให้ปีหน้าบริษัทแห่งนี้ จะมีร้านอาหารทุกแบรนด์รวมกันมากกว่า 170 สาขา
เรื่องนี้จึงพอสรุปได้ว่า ในวันที่เราต้องมารับช่วงต่อกับธุรกิจ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือยอมรับฟังเสียงจากลูกค้าว่าปัญหาที่ผ่านมาคืออะไร
เพราะเมื่อผิดพลาด แล้วยอมรับในข้อผิดพลาดนั้น พร้อมแก้ไข พัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น
ในไม่ช้าลูกค้าก็จะเห็นการเปลี่ยนแปลง แล้วยอมรับให้แบรนด์ HOT POT เข้ามาอยู่ใน 1 มื้อพิเศษของตัวเอง