เจาะลึกมุมมองการลงทุนปี 2024 Insight สำคัญจาก SCB 10X
18 ธ.ค. 2024
ปี 2024 ถือเป็นปีที่ท้าทายสำหรับนักลงทุนทั่วโลก เนื่องจากมีปัจจัยสำคัญหลายประการที่ส่งผลโดยตรงต่อการตัดสินใจและการจัดการพอร์ตการลงทุน
ปัจจัยแรก คือ การเลือกตั้งในประเทศเศรษฐกิจหลัก อย่างสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลต่อนโยบายเศรษฐกิจ การเงินและการค้าระหว่างประเทศ โดยสร้างความผันผวนให้กับตลาดทุนทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก
อีกปัจจัยสำคัญ คือ ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ เช่น ความตึงเครียดในเอเชียแปซิฟิก และสงครามในยูเครน ซึ่งส่งผลกระทบต่อราคาพลังงาน ห่วงโซ่อุปทาน และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวม
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีปัจจัยลบเหล่านี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงเติบโตอย่างโดดเด่น พร้อมสร้างผลตอบแทนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่สินทรัพย์หลากหลายประเภทยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่มีการวางกลยุทธ์อย่างเหมาะสม
ภาพรวมการลงทุนในปี 2024 น่าสนใจอย่างไร ?
MarketThink จะพาไปเจาะลึกข้อมูลและ Insight สำคัญจาก SCB 10X พร้อมสรุปสถานการณ์ล่าสุดของ Venture Capital (VC) แบบเข้าใจง่าย ๆ
MarketThink จะพาไปเจาะลึกข้อมูลและ Insight สำคัญจาก SCB 10X พร้อมสรุปสถานการณ์ล่าสุดของ Venture Capital (VC) แบบเข้าใจง่าย ๆ
1. ภาพรวมตลาดหุ้นโลกในปี 2024
ปี 2024 เป็นปีที่ตลาดหุ้นทั่วโลกมีความเคลื่อนไหวโดดเด่น โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลัก เมื่อพิจารณาผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี (ตุลาคม 2023 - ตุลาคม 2024) พบว่า
- Nasdaq (ตลาดหุ้นสหรัฐฯ) ผลตอบแทนสูงสุดที่ 45.3%
สะท้อนความแข็งแกร่งของหุ้นเทคโนโลยีและหุ้นเติบโต โดยเฉพาะบริษัทในกลุ่ม AI, Cloud Computing
สะท้อนความแข็งแกร่งของหุ้นเทคโนโลยีและหุ้นเติบโต โดยเฉพาะบริษัทในกลุ่ม AI, Cloud Computing
- S&P 500 (ตลาดหุ้นสหรัฐฯ) ผลตอบแทน 41.6%
ชี้ถึงความเชื่อมั่นในหุ้นขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ เช่น พลังงาน เทคโนโลยี และสินค้าอุปโภคบริโภค ที่ได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
ชี้ถึงความเชื่อมั่นในหุ้นขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ เช่น พลังงาน เทคโนโลยี และสินค้าอุปโภคบริโภค ที่ได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
- Nikkei 225 (ตลาดหุ้นญี่ปุ่น) ผลตอบแทน 26.9%
ได้รับแรงหนุนจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว มาตรการกระตุ้น และการส่งออกที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์และเทคโนโลยี
ได้รับแรงหนุนจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว มาตรการกระตุ้น และการส่งออกที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์และเทคโนโลยี
- FTSE 100 (ตลาดหุ้นอังกฤษ) ผลตอบแทน 12.7%
สะท้อนความท้าทายทางเศรษฐกิจในยุโรป เช่น ปัญหา Brexit และเงินเฟ้อในสหราชอาณาจักร
สะท้อนความท้าทายทางเศรษฐกิจในยุโรป เช่น ปัญหา Brexit และเงินเฟ้อในสหราชอาณาจักร
โดยปัจจัยสำคัญที่ผลักดันการเติบโตของตลาดหุ้นในปีนี้ มาจากทั้งปัจจัยมหภาคและกระแสเฉพาะกลุ่มที่น่าจับตามอง ไม่ว่าจะเป็น
- การปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 4 ปี โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ
ส่งผลให้เงินทุนย้ายจากสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น พันธบัตร ไปสู่หุ้นที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น ลดต้นทุนทางการเงินของบริษัท และสนับสนุนการลงทุนและการขยายกิจการ
- อัตราเงินเฟ้อที่ลดลง
จากจุดสูงสุดที่ 9.1% ในปี 2022 ลดลงเหลือ 3-4% ณ ไตรมาส 3 ของปีนี้ ใกล้เคียงเป้าหมายของ Fed ความสำเร็จนี้สร้างความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจยังคงเติบโตได้ ภายใต้สถานการณ์เงินเฟ้อที่ควบคุมได้
- ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ฟื้นตัวอย่างชัดเจน
โดยเฉพาะในกลุ่มเทคโนโลยี เช่น Apple, Microsoft และ Nvidia ซึ่งได้แรงหนุนจากความต้องการ AI และ Cloud Computing ผลประกอบการที่แข็งแกร่งดึงดูดเม็ดเงินลงทุนและหนุนความเชื่อมั่นในตลาด
- กระแสเมกะเทรนด์ในตลาดโลก
AI กลายเป็นแรงขับเคลื่อนหลักในหลายอุตสาหกรรม ส่งผลให้บริษัทอย่าง Nvidia และ Alphabet ได้รับประโยชน์จากความต้องการฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ AI ที่เพิ่มขึ้น การประยุกต์ใช้ AI ในกระบวนการผลิต การวิเคราะห์ข้อมูล และบริการลูกค้า ยังเร่งการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน IT เช่น ศูนย์ข้อมูลและระบบคลาวด์
2. การเติบโตของหุ้น Value และ Growth ในปี 2024
ปี 2024 สะท้อนความแตกต่างระหว่างหุ้น Value (เน้นพื้นฐานและความมั่นคง) และหุ้น Growth (เน้นการเติบโต) แม้ว่าผลตอบแทนรวมของทุกกลุ่มในช่วงเดือนมกราคมถึงกันยายน 2024 จะอยู่ที่ 6% แต่การเติบโตของหุ้นในแต่ละกลุ่มแสดงถึงความแตกต่างที่น่าสนใจ เช่น
- หุ้นขนาดใหญ่ (Large Cap)
หุ้น Value เติบโต 8.7% ขณะที่หุ้น Growth เติบโตเพียง 2.2% เนื่องจากในระยะสองปีที่ผ่านมา หุ้นในกลุ่มนี้มีอัตราการเติบโตที่สูงอย่างต่อเนื่อง
- หุ้นขนาดกลาง (Mid Cap)
หุ้น Value เติบโต 9.6% และหุ้น Growth เติบโต 6.0% การเติบโตที่สมดุลนี้ชี้ให้เห็นว่า Mid Cap มีความน่าสนใจทั้งในด้านความมั่นคงและศักยภาพในการเติบโต
- หุ้นขนาดเล็ก (Small Cap)
หุ้น Value เติบโต 9.7% และหุ้น Growth เติบโต 7% แสดงถึงศักยภาพในการเติบโตที่สูงของ Small Cap แม้ว่าจะมีความผันผวนที่สูงกว่า
สรุปได้ว่า หุ้น Value ยังคงเป็นที่สนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการความมั่นคง ขณะที่หุ้น Growth โดยเฉพาะในกลุ่ม Mid Cap และ Small Cap แสดงถึงโอกาสการเติบโตจากแรงหนุนของเมกะเทรนด์ เช่น AI ซึ่งยังคงมีศักยภาพในระยะยาว
3. การลงทุนใน Venture Capital (VC) ปี 2024
Venture Capital (VC) หมายถึง การลงทุนในธุรกิจใหม่หรือสตาร์ตอัปที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง โดยนักลงทุนมักคาดหวังผลตอบแทนจากการ “Exit” เช่น การเสนอขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ (IPO) หรือการควบรวมและเข้าซื้อกิจการ (M&A)
ในปี 2021 การลงทุนใน VC แตะจุดสูงสุด โดยในไตรมาส 4 มีมูลค่าถึง 1.81 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว ๆ 5.97 ล้านล้านบาท จาก 12,930 ดีล สะท้อนถึงการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของสตาร์ตอัปหลังวิกฤติโรคระบาด
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ปี 2022 การลงทุนใน VC ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 3 ของปี 2024 มูลค่าลดเหลือเพียง 5.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว ๆ 1.82 ล้านล้านบาท จาก 6,056 ดีล ซึ่งลดลงถึง 69.6% ภายในระยะเวลาเพียง 3 ปี
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาด VC ชะลอตัว ได้แก่
- การขาดโอกาสในการ Exit เช่น การเสนอขายหุ้น IPO และการควบรวมกิจการ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถถอนทุนและทำกำไร
- ความสนใจในดีลขนาดใหญ่ลดลง โดยเฉพาะการลงทุนในสตาร์ตอัประดับ Late-stage
- ความไม่แน่นอนในเศรษฐกิจโลก ทำให้นักลงทุนมีความระมัดระวังมากขึ้นในการลงทุนในโครงการใหม่
- ความสนใจในดีลขนาดใหญ่ลดลง โดยเฉพาะการลงทุนในสตาร์ตอัประดับ Late-stage
- ความไม่แน่นอนในเศรษฐกิจโลก ทำให้นักลงทุนมีความระมัดระวังมากขึ้นในการลงทุนในโครงการใหม่
รู้หรือไม่ว่า ? แม้ตลาด VC จะชะลอตัว แต่ Generative AI กลับโดดเด่น โดยในปี 2024 หนึ่งในสามของเงินลงทุน VC ถูกจัดสรรให้กับบริษัทในกลุ่มนี้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของ AI ในการเปลี่ยนแปลงธุรกิจและวิถีชีวิตในอนาคต
4. การออก IPO และการควบรวมกิจการ (M&A) ความหวังสำหรับอนาคต
แม้กิจกรรมการ Exit อย่าง IPO และ M&A ในปี 2024 ยังคงต่ำกว่าช่วงก่อนปี 2021 แต่เริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวที่น่าสนใจ
- การ IPO ของบริษัทเทคโนโลยี เช่น Astera Labs และ Tempus AI สะท้อนศักยภาพของตลาดในเทคโนโลยีใหม่และความสนใจในธุรกิจนวัตกรรม
- การ M&A มีจำนวนดีลกว่า 6,252 ดีลในปีนี้ เติบโตเล็กน้อยที่ 0.4% จากปีก่อน แสดงถึงความเคลื่อนไหวในตลาดที่เริ่มกลับมา
มาถึงตรงนี้ จะเห็นว่า แม้ปีที่ผ่านมา จะเต็มไปด้วยความท้าทาย แต่การฟื้นตัวของการ IPO และ M&A ในปี 2025 อาจเป็นก้าวสำคัญในการคืนความเชื่อมั่นและขับเคลื่อนการเติบโตของตลาดทุน โดยเฉพาะกับการ IPO ของบริษัทชั้นนำอย่าง Klarna, Revolut และ Databricks ที่มีศักยภาพในการสร้างแรงกระตุ้นใหม่ให้กับตลาดอย่างมีนัยสำคัญ
ท้ายที่สุด ปี 2024 เป็นบทเรียนสำคัญสำหรับนักลงทุน การเตรียมพร้อมด้วยข้อมูลที่แม่นยำ จับกระแสแนวโน้มที่สำคัญ และจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ คือกุญแจสู่ความสำเร็จในโลกการลงทุนที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
หมายเหตุ:
- ผลตอบแทนตลาดหุ้น ระหว่างเดือนตุลาคม 2023 - ตุลาคม 2024
- ผลตอบแทนของหุ้นกลุ่ม Value และ Growth ระหว่างเดือนมกราคม 2024 - กันยายน 2024
- ผลตอบแทนตลาดหุ้น ระหว่างเดือนตุลาคม 2023 - ตุลาคม 2024
- ผลตอบแทนของหุ้นกลุ่ม Value และ Growth ระหว่างเดือนมกราคม 2024 - กันยายน 2024
อ้างอิง:
- บทวิเคราะห์จาก SCB 10X “Global public equities have continued to experience significant gains, while private VC funding has declined for the eleventh consecutive quarter since Q4 2021”
- บทวิเคราะห์จาก SCB 10X “Global public equities have continued to experience significant gains, while private VC funding has declined for the eleventh consecutive quarter since Q4 2021”
Tag:SCB 10X