สรุป Content Marketing Matrix เฟรมเวิร์กช่วยตัดสินใจ ว่าการตลาดของเรา เหมาะจะทำคอนเทนต์แบบไหน

สรุป Content Marketing Matrix เฟรมเวิร์กช่วยตัดสินใจ ว่าการตลาดของเรา เหมาะจะทำคอนเทนต์แบบไหน

14 ต.ค. 2024
ในปัจจุบัน หนึ่งในกลยุทธ์การตลาดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดรูปแบบหนึ่ง ก็คือ Content Marketing
Content Marketing อธิบายคือ เป็นกลยุทธ์การตลาดที่ใช้ “คอนเทนต์” โดยเฉพาะบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เพื่อสร้างการรับรู้ และดึงดูดความสนใจจากกลุ่มเป้าหมายให้กับแบรนด์ และทำให้เกิดเป็นการตัดสินใจซื้อสินค้า ไปในที่สุด
แต่คำถามสำคัญก็คือ เราจะรู้ได้อย่างไร ว่าคอนเทนต์ประเภทไหน ที่มีความเหมาะสม กับกลยุทธ์การตลาดที่วางแผนไว้ของแบรนด์
เพราะคอนเทนต์แต่ละประเภท ให้ผลลัพธ์ทางด้านการตลาดที่แตกต่างกัน..
อย่างไรก็ตาม คำตอบของคำถามนี้ อยู่ที่ Content Marketing Matrix ซึ่งเป็นเฟรมเวิร์ก ที่ใช้ในการจัดประเภทของคอนเทนต์ออนไลน์แต่ละแบบ ว่าให้ผลลัพธ์ทางด้านการตลาดอย่างไร
โดย Content Marketing Matrix นั้น จะมีลักษณะเป็นตาราง 4 ช่อง แทนคอนเทนต์ 4 ประเภท ได้แก่
1. คอนเทนต์ที่ให้ความบันเทิง (Entertain Content)
2. คอนเทนต์ที่สร้างแรงบันดาลใจ (Inspire Content)
3. คอนเทนต์ที่ให้ความรู้ (Educate Content)
4. คอนเทนต์ที่โน้มน้าวใจ (Convince Content)
โดยคอนเทนต์ที่อยู่ในตารางช่องด้านบน จะเป็นคอนเทนต์ที่ เน้นใช้อารมณ์ในการสื่อสาร
คอนเทนต์ที่อยู่ในตารางช่องด้านล่าง จะเป็นคอนเทนต์ที่ เน้นใช้ความเป็นเหตุเป็นผลในการสื่อสาร
ส่วนคอนเทนต์ที่อยู่ช่องด้านซ้าย จะเป็นคอนเทนต์ที่ เน้นให้ผลลัพธ์ทางด้านการรับรู้ (Awareness)
และคอนเทนต์ที่อยู่ช่องด้านขวา จะเป็นคอนเทนต์ที่ เน้นให้ผลลัพธ์ทางด้านการขายสินค้า (Conversion)
ทีนี้ เพื่อความเข้าใจที่มากขึ้น เรามาเจาะลึกคอนเทนต์แต่ละประเภทกัน..
- คอนเทนต์ที่เน้นให้ความบันเทิง (Entertain Content)
เป็นคอนเทนต์ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อมอบความบันเทิงโดยเฉพาะ โดยเน้นการสื่อสารด้วยอารมณ์มากกว่าเหตุผล
เช่น คอนเทนต์ไวรัลบนโซเชียลมีเดียทุกรูปแบบ เกมตอบคำถามชิงรางวัลจากแบรนด์ หรือควิซที่ให้คนทั่วไปร่วมสนุกและแชร์คำตอบของตัวเองให้เพื่อน ๆ
ซึ่งคอนเทนต์ประเภทนี้ มีจุดเด่นอยู่ตรงที่การสร้างความรู้สึกในเชิงบวกให้กับแบรนด์ รวมถึงทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก แต่ไม่ได้ทำให้แบรนด์ขายสินค้าได้ในทันทีจากคอนเทนต์ประเภทนี้
เพราะสิ่งที่คอนเทนต์ที่ให้ความบันเทิงทำได้ คือการสร้างการรับรู้ให้กับแบรนด์ โดยใช้ธรรมชาติของคนส่วนใหญ่ ที่ชอบบริโภคคอนเทนต์ที่ครบรส ทั้งสุข เศร้า เหงา ตลก และดรามา
คอนเทนต์ที่ให้ความบันเทิง จึงเหมาะกับแบรนด์ที่ต้องการสร้างการรับรู้ เพิ่มจำนวนผู้ติดตามในบัญชีโซเชียลมีเดียของตัวเอง หรือขยายฐานของกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ให้กว้างมากขึ้น
ซึ่งคนกลุ่มนี้จะกลายเป็นลูกค้าของแบรนด์ในอนาคต
- คอนเทนต์ที่เน้นสร้างแรงบันดาลใจ (Inspire Content)
เป็นคอนเทนต์ที่ใช้การสื่อสารด้วยอารมณ์ เหมือนอย่างคอนเทนต์ที่ให้ความบันเทิง เพียงแต่ไม่ได้มีผลลัพธ์ทางด้านการสร้างการรับรู้เพียงอย่างเดียวอีกต่อไป
เพราะทำหน้าที่ปิดการขาย ให้กลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ตัดสินใจซื้อสินค้า ด้วยคอนเทนต์ที่เป็นแรงบันดาลใจ
คอนเทนต์ที่สร้างแรงบันดาลใจ ต้องหาทางเชื่อมโยงเข้ากับอารมณ์ และความรู้สึกของกลุ่มเป้าหมายให้ได้ เพื่อโน้มน้าวให้เกิดการตัดสินใจซื้อสินค้า
เช่น คอนเทนต์รีวิวของอินฟลูเอนเซอร์ คนดัง
รีวิวสินค้าบนเว็บไซต์
รีวิวจากการใช้งานจริงบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ
โดยข้อมูลสำคัญที่ควรนำเสนอในคอนเทนต์ประเภทนี้ คือ ข้อดี จุดเด่นของสินค้า ที่สามารถแก้ไขปัญหา (Pain Point) ที่กลุ่มเป้าหมายกำลังเผชิญอยู่
- คอนเทนต์ที่เน้นให้ความรู้ (Educate Content)
เป็นคอนเทนต์ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้ นำเสนอด้วยความเป็นเหตุเป็นผล มีความน่าเชื่อถือสูง มีการอธิบายข้อมูลอย่างละเอียด
เป็นคอนเทนต์ที่ทำให้แบรนด์ของเราเป็นที่รู้จัก (สร้าง Awareness ได้ดี) ทว่าไม่ได้ทำให้กลุ่มเป้าหมายเกิดการตัดสินใจซื้อสินค้าในทันทีจากคอนเทนต์ประเภทนี้
แต่เราอาจสามารถสอดแทรกข้อมูลสินค้าของเราลงไปด้วยก็ได้ เพื่อทำให้กลุ่มเป้าหมาย รู้ถึงข้อดี ของสินค้าของเรา ว่าจะช่วยแก้ไขปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่ได้อย่างไร
ที่น่าสนใจคือ คอนเทนต์ประเภทนี้ มักได้รับความสนใจจากคนทั่วไปเป็นอย่างมาก
โดยเฉพาะคอนเทนต์บนโซเชียลมีเดีย เช่น บทความ อินโฟกราฟิก รายงานทิศทางการทำธุรกิจ และอุตสาหกรรม ที่หลายครั้งเราจะเห็นคนทั่วไปชอบแชร์คอนเทนต์ที่ให้ความรู้เหล่านี้ เก็บไว้อ่านในภายหลัง
ซึ่งแน่นอนว่า ข้อดีของคอนเทนต์ประเภทนี้ ที่แบรนด์จะได้รับเป็นอย่างแรก ก็คือการทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น แม้จะไม่ได้สร้างยอดขายโดยตรงก็ตาม
- คอนเทนต์ที่เน้นโน้มน้าวใจ (Convince Content)
เป็นคอนเทนต์ที่เรียกได้ว่า มีไว้สำหรับขายสินค้าของแบรนด์โดยตรง โดยใช้การสื่อสารที่มีความเป็นเหตุเป็นผลสูง เข้าไปกระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายตัดสินใจซื้อสินค้า
คอนเทนต์ประเภทนี้ เป็นเหมือน “ด่านสุดท้าย” ที่กระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมาย ตัดสินใจซื้อสินค้าในที่สุด หลังจากที่ได้ผ่านคอนเทนต์ทั้ง 3 ประเภทก่อนหน้ามาแล้ว
คอนเทนต์ประเภทนี้ ไม่ได้หวังเรื่องการสร้างการรับรู้ แต่จะเป็นคอนเทนต์ที่เน้นให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวสินค้าของเรา
เช่น คุณสมบัติของสินค้าในแต่ละรุ่น คุณสมบัติของสินค้าเปรียบเทียบกับแบรนด์อื่น ๆ ในท้องตลาด ข้อดี
หรือจุดเด่นที่จะได้รับจากการใช้สินค้าชิ้นนี้ รวมถึงข้อมูลทางด้านราคา และโปรโมชันต่าง ๆ อีกด้วย
ทีนี้ หลังจากที่เราได้ทำความเข้าใจคอนเทนต์แต่ละประเภทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เรามาสรุปแบบเข้าใจง่าย ๆ อีกครั้งหนึ่งได้ว่า
- หากวัตถุประสงค์ของแบรนด์ คือการสร้างการรับรู้ (Awareness) ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในวงกว้าง
คอนเทนต์ที่เหมาะสม คือ
คอนเทนต์ที่ให้ความบันเทิง (Entertain Content)
และคอนเทนต์ที่ให้ความรู้ (Educate Content)
- แต่หากวัตถุประสงค์ของแบรนด์ คือการขายสินค้า (Conversion)
คอนเทนต์ที่ตอบโจทย์ คือ
คอนเทนต์ที่สร้างแรงบันดาลใจ (Inspire Content)
และคอนเทนต์ที่โน้มน้าวใจ (Convince Content)
ทั้งหมดนี้ ก็คือ Content Marketing Matrix เฟรมเวิร์กที่ช่วยบอกได้ว่า การตลาดของเราควรทำคอนเทนต์แบบใด จึงเหมาะกับวัตถุประสงค์ที่แบรนด์ได้ตั้งไว้
แม้ว่าเฟรมเวิร์กนี้ จะไม่ใช่สูตรสำเร็จ แต่ก็เป็นไกด์ไลน์ที่ดี ที่แบรนด์ต่าง ๆ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.