สรุปงาน LIV-24 Industrial Tech Revolution สัมมนาภาคอุตสาหกรรม ที่ภาครัฐ-เอกชน จับมือกันทำ

สรุปงาน LIV-24 Industrial Tech Revolution สัมมนาภาคอุตสาหกรรม ที่ภาครัฐ-เอกชน จับมือกันทำ

15 ส.ค. 2024
งานสัมมนา LIV-24 Industrial Tech Revolution: ก้าวข้ามขีดจำกัดสู่ยุคอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืนด้วย AI และ Industrial Tech มีผู้นำจากภาคธุรกิจต่าง ๆ เข้าร่วมกว่า 200 บริษัท
โดยถือเป็นครั้งแรกของประเทศ ที่ตัวแทนจากภาคเอกชน คือ LIV-24 จับมือกับภาครัฐผู้กำกับนโยบายอุตสาหกรรม คือกระทรวงอุตสาหกรรม กนอ. และ สภาอุตสาหกรรม เกิดเป็นงานสัมมนาใหญ่ขึ้นมา
ในงานชูประเด็นสำคัญในด้าน INDUSTRIAL TECH เพื่อมาผลักดันสมาร์ตนิคม เสริมแกร่งให้อุตสาหกรรมในไทย
โดยที่ประเด็นสำคัญ ๆ ในงานคือ
-ผู้ประกอบการเร่งปรับตัว รับเทรนด์โลก ระบุเทคโนโลยี INDUSTRIAL TECHNOLOGY
หรือโซลูชันอัจฉริยะ ที่เป็นกลไกเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ยกระดับประเทศไทยสู่ศูนย์กลางเมืองแห่งอุตสาหกรรมระดับโลก
-เรื่องห่วงโซ่การผลิต เทคโนโลยี การขนส่ง ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่ออุตสาหกรรม ซึ่งเป็นความเสี่ยงสำคัญ ที่กระทบธุรกิจ
คุณนิรมล ดิเรกมหามงคล กรรมการผู้จัดการ บริษัท LIV-24 จำกัด (ลีฟ ทเวนตี้โฟร์) เปิดเผยว่า
“ภาคอุตสาหกรรมเป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ ก่อให้เกิดการจ้างงานในหลากหลายกลุ่ม ตลอดจนผลักดันให้เกิดการพัฒนาและขับเคลื่อนเทคโนโลยีของประเทศ
วันนี้เราทำธุรกิจโดยใช้ AI เข้ามาช่วย สิ่งสำคัญคือ AI ไม่ใช่สิ่งที่ต้องรับมือ แต่เป็นเครื่องมือที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้ธุรกิจ กระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนการทำงานให้สอดคล้องกับบริบทของเศรษฐกิจและสังคมโลก
ซึ่งผู้ประกอบการไทยได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก มีการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ เข้ามาสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน
ตั้งแต่ต้นน้ำ (การวิจัยและพัฒนา การออกแบบ และการจัดหาวัตถุดิบ) กลางน้ำ (การผลิต การจัดการของเสีย) จนถึงปลายน้ำ (การขนส่ง กระจายสินค้า และบริการหลังการขาย)
เพื่อให้ธุรกิจมีความยืดหยุ่น รับมือต่อความเสี่ยงและปัจจัยภายนอก สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนมากขึ้น”

แล้ว LIV-24 เป็นใคร ?
-LIV-24 คือผู้เชี่ยวชาญการออกแบบโซลูชันที่ตอบโจทย์ผู้ประกอบการได้ทุกรูปแบบ ดูแลครอบคลุมหลายธุรกิจกว่า 130 โครงการ
โดยดูแลผ่านมาแล้ว 500,000 เคส และมีเคสอันตรายที่เกิดกับชีวิตและทรัพย์สินเป็น 0 เคส และเป็นโซลูชันสำหรับอุตสาหกรรมรายแรกของประเทศไทย
โดยนำ INDUSTRIAL TECHNOLOGY ที่ใช้เทคโนโลยี AI ผสานเข้ากับประสบการณ์ของมนุษย์ ที่ออกแบบมาให้ตอบโจย์กับความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า กลุ่มอุตสาหกรรม
เช่น ระบบป้องกันอัคคีภัย กล้องอัจฉริยะตรวจจับความผิดปกติ การดูแลระบบ เครื่องจักรต่างๆ ระบบขนส่ง การจัดการน้ำเสีย และการจัดการพลังงาน
โดยมีการเชื่อมต่อเข้าสู่ศูนย์ควบคุมส่วนกลาง (Command Centre) ที่สามารถดูแลแบบ Real-Time 24 ชั่วโมง ตลอด 7 วัน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก ช่วยให้โรงงานทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ลดเวลาที่เสียไปและเพิ่มผลผลิต เพิ่มความปลอดภัย ด้วยระบบตรวจจับและเตือนภัยอัจฉริยะ 24 ชั่วโมง ป้องกันความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ สร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัย
ลดต้นทุนในการใช้พลังงานช่วยดูแลรักษาอุปกรณ์ และลดการปล่อยคาร์บอนสู่ชุมชน ส่งผลให้ลดต้นทุนรวมของธุรกิจได้มากถึง 20%
ปัจจุบันกลุ่มลูกค้าหลัก ได้แก่ โรงงานอุตสาหกรรม มิกซ์ยูสโครงการอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มอาคารสำนักงาน มีมูลค่าทรัพย์สินที่ดูแลรวมกันกว่า 300,000 ล้านบาท
คุณนิรมล เล่าอีกว่า
“ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรม ประกอบไปด้วย
ห่วงโซ่การผลิต, เทคโนโลยี, โครงสร้างพื้นฐานทางการขนส่ง, ความสะดวกในการดำเนินธุรกิจ, เงินทุน และความพร้อมด้านวัตถุดิบ
ทั้งหมดนี้ มีความสำคัญต่อความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการ
และ LIV-24 จะเป็นอีกหนึ่ง key driver สำคัญในการสร้างโซลูชันที่สมบูรณ์แบบ เราสามารถวิเคราะห์ข้อมูลและคาดการณ์ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว
ขณะที่มนุษย์จะเข้ามาช่วยในการตัดสินใจและแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงที
ซึ่งความร่วมมือครั้งสำคัญในวันนี้ จะช่วยสนับสนุนให้ภาคอุตสาหกรรมไทยมีความแข็งแกร่ง เพิ่มความสามารถในการแข่งขันในระดับนานาชาติ
นับเป็นอีกหนึ่งก้าวที่สำคัญเพื่อยกระดับประเทศสู่เป้าหมายการเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมและนวัตกรรมในภูมิภาคต่อไป”
รศ. วีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ได้กล่าวเสริมว่า
“กนอ.ในฐานะรัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมขับเคลื่อนแผนขององค์กรให้บรรลุเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ
ซึ่ง-กนอ. ตระหนักถึงความสำคัญของการลงทุนของภาคเอกชนต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ในปีนี้ กนอ. ได้กำหนดแผนฟื้นฟูการลงทุน
โดยลดบทบาทการเป็นหน่วยงานกำกับดูแล (regulator) มาเป็นผู้อำนวยความสะดวก (facilitator)
ที่มุ่งเน้นอำนวยความสะดวกและสนับสนุนผู้ประกอบการในทุกด้าน
เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนอย่างเต็มที่ควบคู่ไปกับการนำนิคมอุตสาหกรรมสู่มาตรฐานสากลด้วยนวัตกรรมอย่างยั่งยืน
ซึ่งประกอบไปด้วย ยกระดับนิคมอุตสาหกรรมสู่การเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Industrial Town), ส่งเสริมให้เกิดการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก มุ่งเน้นจัดการกากของเสียให้มีประสิทธิภาพ
และเชื่อมั่นว่าภาคอุตสาหกรรมในประเทศไทยยังคงเป็นอีกหนึ่ง sector ที่แข็งแกร่ง แม้จะเผชิญกับความท้าทายต่าง ๆ
และ LIV-24 จะเป็นอีกหนึ่งโซลูชั่นที่สำคัญ ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ธุรกิจ ด้วยเทคโนโลยี AI อัจฉริยะ
และเข้ามามีส่วนร่วมในการผลักดันสมาร์ทนิคม พร้อมทั้งยกระดับอุตสาหกรรมไทยให้เทียบชั้นกับนานาชาติ”
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.