สรุปงาน Apple เปิดตัว iPad ตัวใหม่ ในรอบปีกว่า จอ OLED ชิปใหม่ M4 แรงกว่าเดิม 50%
7 พ.ค. 2024
จบกันไปแล้ว กับงาน Let Loose งานแรกของปี 2024 ที่ Apple จัดขึ้น
เรียกได้ว่าทำ “เซอร์ไพรส์” กันเลยทีเดียวเนื่องจากไม่มีการเปิดตัว iPad ใหม่ตั้งแต่ตุลาคมปี 2022
เรียกได้ว่าทำ “เซอร์ไพรส์” กันเลยทีเดียวเนื่องจากไม่มีการเปิดตัว iPad ใหม่ตั้งแต่ตุลาคมปี 2022
ซึ่งในปีนี้มีการเปิดตัว iPad ใหม่พร้อมกันถึง 2 รุ่นคือ iPad Air และ iPad Pro
นอกจากนี้ยังมีสินค้าใหม่ตามมาด้วยไม่ว่าจะเป็น Apple Pencil รุ่นที่ 3, Magic Keyboard รุ่นใหม่ พร้อมทั้งอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ
นอกจากนี้ยังมีสินค้าใหม่ตามมาด้วยไม่ว่าจะเป็น Apple Pencil รุ่นที่ 3, Magic Keyboard รุ่นใหม่ พร้อมทั้งอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ
เริ่มต้นที่พระเอกของงาน iPad รุ่นใหม่ 2 รุ่น คือ iPad Air และ iPad Pro
แล้วสเป็กของ iPad Air ตังใหม่ รุ่นที่ 6 มีอะไรน่าสนใจบ้าง ?
- ดิไซน์และตัวเครื่องยังคงมีลักษณะเหมือน iPad Air 5
ปรับเปลี่ยนเพียงแค่การวางกล้องมาอยู่ในแนวนอน
และหน้าจอมี 2 ขนาดคือจอภาพ Liquid Retina ขนาด 11 นิ้ว และ ขนาด 13 นิ้ว
ทั้ง 2 รุ่นใช้จอภาพแบบ LCD และมีค่า Refresh Rate อยู่ที่ 60 Hz
และหน้าจอมี 2 ขนาดคือจอภาพ Liquid Retina ขนาด 11 นิ้ว และ ขนาด 13 นิ้ว
ทั้ง 2 รุ่นใช้จอภาพแบบ LCD และมีค่า Refresh Rate อยู่ที่ 60 Hz
- อัปเกรดชิปประมวลผลเป็น Apple M2
ซึ่งเป็นชิปที่ทรงพลัง แบบเดียวกับที่ใช้ใน iPad Pro รุ่นก่อนหน้า
ซึ่งเร็วแรงกว่า iPad Air รุ่นชิปประมวลผล M1 ถึง 50%
ซึ่งเร็วแรงกว่า iPad Air รุ่นชิปประมวลผล M1 ถึง 50%
- กล้องหน้าแบบ Ultra-Wide
ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล มีระบบ Center Stage หรือก็คือ
มุมกล้องจะเคลื่อนที่ตามตัวเราเพื่อให้หน้าเราอยู่ตรงกลาง
มุมกล้องจะเคลื่อนที่ตามตัวเราเพื่อให้หน้าเราอยู่ตรงกลาง
โดยมุมมองภาพที่ได้จะมีลักษณะคล้ายกับ iPad 10 เนื่องจากมีการวางมุมกล้องในลักษณะเดียวกัน
- กล้องหลังเลนส์ Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล
- iPad Air รุ่นใหม่ มาพร้อมกับสีใหม่ ทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีม่วง, สีฟ้า, สีทอง และสีเทา
รองรับพอร์ต USB-C, รองรับอุปกรณ์เสริมอย่าง Magic Keyboard และ Apple Pencil (รุ่นที่ 2) และ Apple Pencil Pro
สเป็กของ iPad Pro หรือปัจจุบันก็คือ iPad Pro รุ่นที่ 5 มีอะไรน่าสนใจบ้าง ?
- ดิไซน์และตัวเครื่องโดยรวมยังคงมีลักษณะเหมือน iPad Pro 4 หรือก็คือรุ่น M2
แต่มีขนาดที่บางกว่าเดิมพร้อมทั้งปรับเปลี่ยนเพียงแค่การวางกล้องมาอยู่ในแนวนอน
หน้าจอมี 2 ขนาดคือ ขนาด 11 นิ้ว และ ขนาด 13 นิ้ว มีขอบบางลงเล็กน้อย
ทั้ง 2 รุ่นใช้หน้าจอแบบ Ultra Retina XDR
หน้าจอมี 2 ขนาดคือ ขนาด 11 นิ้ว และ ขนาด 13 นิ้ว มีขอบบางลงเล็กน้อย
ทั้ง 2 รุ่นใช้หน้าจอแบบ Ultra Retina XDR
และเป็นจอภาพแบบ OLED ซึ่งให้ความสดใสของสี และความแตกต่างสีมากกว่าเดิม
โดยมีค่า Refresh Rate อยู่ที่ 120 Hz พร้อมด้วยเทคโนโลยี ProMotion หรือก็คือการปรับค่า Refresh Rate โดยอัตโนมัติ
โดยมีค่า Refresh Rate อยู่ที่ 120 Hz พร้อมด้วยเทคโนโลยี ProMotion หรือก็คือการปรับค่า Refresh Rate โดยอัตโนมัติ
- อัปเกรดชิปประมวลผลเป็น Apple M4
เรียกได้ว่าน่าตกใจมาก เนื่องจากข้ามการใช้ M3 ไปเลย
ซึ่งเร็วกว่า M2 ถึง 50% และมี Ray tracing ช่วยการประมวลกราฟิกให้สวยงามมากขึ้น ซึ่งมาพร้อม Neural Engine สำหรับ AI โดยเฉพาะ
ซึ่งเร็วกว่า M2 ถึง 50% และมี Ray tracing ช่วยการประมวลกราฟิกให้สวยงามมากขึ้น ซึ่งมาพร้อม Neural Engine สำหรับ AI โดยเฉพาะ
- กล้องเหลือเพียงตัวเดียวและมีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล
- มาพร้อม 2 สีเหมือนเดิม คือ สีเทา และสีเงิน
มาพร้อมความจุเริ่มต้นใหม่คือ 256 GB
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมาพร้อมอุปกรณ์เสริมใหม่ได้แก่ Magic Keyboard รุ่นใหม่และ Apple Pencil Pro
โดย Magic Keyboard รุ่นใหม่นี้จะมีการเปลี่ยนวัสดุไปใช้อะลูมิเนียม พร้อมกับปุ่มปรับแสงหน้าจอและฟีเชอร์ต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้น
และอุปกรณ์ใหม่ที่หลายคนรอคอยก็คือ Apple Pencil Pro
ซึ่งมีฟีเชอร์ใหม่คือ “แรงบีบ” และ “การสั่น”
สามารถบีบเพื่อเรียกใช้งานเมนูลัด พร้อมทั้งสามารถหมุนปากกาเพื่อปรับมุมในการเขียนได้
และสามารถใช้ Find my เพื่อป้องกันการหายได้อีกด้วย..
และสามารถใช้ Find my เพื่อป้องกันการหายได้อีกด้วย..