สรุป 5 เทรนด์ประกันรถยนต์ ที่มาแรงในปี 2024 จาก Priceza Money
16 พ.ค. 2024
วันนี้ Priceza Money จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวอีเวนต์ InsureX Forum 2024
ซึ่งเป็นงานอัปเดตเทรนด์เทคโนโลยี และการตลาด สำหรับคนในวงการธุรกิจประกันภัยโดยเฉพาะ
ซึ่งเป็นงานอัปเดตเทรนด์เทคโนโลยี และการตลาด สำหรับคนในวงการธุรกิจประกันภัยโดยเฉพาะ
โดยภายในงานช่วงหนึ่ง คุณสิรวิชญ์ ฉายะวาณิชย์ Co-Founder & Head of Priceza Money
ได้บอกเล่าเรื่องราว 5 เทรนด์ประกันภัยรถยนต์ในปี 2024 ที่น่าสนใจ ดังนี้
ได้บอกเล่าเรื่องราว 5 เทรนด์ประกันภัยรถยนต์ในปี 2024 ที่น่าสนใจ ดังนี้
1. เบี้ยประกันรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ปี 2024 มีแนวโน้มสูงกว่าปี 2023
Priceza Money ยกตัวอย่างเบี้ยประกันรถยนต์ไฟฟ้าของ BYD รุ่น ATTO 3 พบว่า
- ปี 2023 ทุนประกัน 960,000 บาท ต้องจ่ายเบี้ยประกัน 22,500 บาท
- ปี 2024 ทุนประกัน 860,000 บาท ต้องจ่ายเบี้ยประกัน 28,000 บาท
- ปี 2023 ทุนประกัน 960,000 บาท ต้องจ่ายเบี้ยประกัน 22,500 บาท
- ปี 2024 ทุนประกัน 860,000 บาท ต้องจ่ายเบี้ยประกัน 28,000 บาท
ในขณะที่รถยนต์ไฟฟ้า BYD รุ่น DOLPHIN
- ปี 2023 ทุนประกัน 850,000 บาท ต้องจ่ายเบี้ยประกัน 19,000 บาท
- ปี 2024 ทุนประกัน 690,000 บาท ต้องจ่ายเบี้ยประกัน 28,000 บาท
- ปี 2023 ทุนประกัน 850,000 บาท ต้องจ่ายเบี้ยประกัน 19,000 บาท
- ปี 2024 ทุนประกัน 690,000 บาท ต้องจ่ายเบี้ยประกัน 28,000 บาท
(ข้อมูลดังกล่าวอ้างอิงจากประกันภัยชั้น 1 ของบริษัทประกันเดิม และรถยนต์รุ่น Extended Range)
ซึ่งเหตุผลที่เบี้ยประกันรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2024 เพิ่มสูงขึ้นก็เป็นเพราะ
ในปีที่แล้วมีกระแสการจองรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้นมาก ทำให้บริษัทประกันภัยหลายแห่ง ต้องใช้กลยุทธ์ลดราคาเบี้ยประกันให้ถูกลง เพื่อจูงใจลูกค้าให้หันมาซื้อประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า กับบริษัทตัวเองมากขึ้น
เมื่อเข้าสู่ปี 2024 บริษัทประกันภัยมีฐานลูกค้า ที่ขับรถยนต์ไฟฟ้ากันบ้างแล้ว
จึงทยอยปรับราคาเบี้ยประกันภัยให้สูงขึ้น และครอบคลุมความเสี่ยง ที่บริษัทประกันภัยต้องรับภาระด้วย
จึงทยอยปรับราคาเบี้ยประกันภัยให้สูงขึ้น และครอบคลุมความเสี่ยง ที่บริษัทประกันภัยต้องรับภาระด้วย
2. ประกันรถยนต์ที่ออกแบบตามใจผู้ขับขี่ ได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ
ในอดีตการคิดเบี้ยประกันภัยรถยนต์ ของผู้ขับขี่รถยนต์แบรนด์เดียวกัน รุ่นเดียวกัน จะมีอัตราเท่ากันทุกราย
ส่งผลให้เกิดความไม่แฟร์ กับผู้ขับขี่บางรายที่ขับรถด้วยความระมัดระวัง หรือไม่ได้ขับรถยนต์บ่อย ๆ
เพราะต้องเสียเบี้ยประกันภัย เท่ากับคนที่ขับรถแบบโลดโผน หรือต้องขับรถทุกวัน
เพราะต้องเสียเบี้ยประกันภัย เท่ากับคนที่ขับรถแบบโลดโผน หรือต้องขับรถทุกวัน
ทำให้ประกันภัยรถยนต์ที่ออกแบบตามใจผู้ขับขี่ (Personalized Insurance) ได้รับความนิยมมากขึ้น
โดยเฉพาะผู้ที่มีรายได้น้อย ได้มีโอกาสเข้าถึงผลิตภัณฑ์เหล่านี้มากขึ้น
โดยเฉพาะผู้ที่มีรายได้น้อย ได้มีโอกาสเข้าถึงผลิตภัณฑ์เหล่านี้มากขึ้น
- เป็นประกันภัยที่ให้เรามีสิทธิ์ เลือกเพิ่ม-ลดความคุ้มครองได้เอง
- ประกันภัยแบบ Subscription
- ประกันภัยเลือกจ่ายความคุ้มครองแบบวันต่อวัน
- ประกันภัยแบบ Subscription
- ประกันภัยเลือกจ่ายความคุ้มครองแบบวันต่อวัน
3. การซื้อประกันภัยรถยนต์ออนไลน์แบบ 100%
ข้อมูลสัดส่วนการซื้อประกันผ่านอินเทอร์เน็ต หรืออิเล็กทรอนิกส์ จากคปภ. ระบุว่า
- ปี 2020 คิดเป็นสัดส่วน 0.06%
- ปี 2021 คิดเป็นสัดส่วน 0.21%
- ปี 2022 คิดเป็นสัดส่วน 0.27%
- ปี 2023 คิดเป็นสัดส่วน 1.20%
- ปี 2024 คิดเป็นสัดส่วน 5.49%
- ปี 2021 คิดเป็นสัดส่วน 0.21%
- ปี 2022 คิดเป็นสัดส่วน 0.27%
- ปี 2023 คิดเป็นสัดส่วน 1.20%
- ปี 2024 คิดเป็นสัดส่วน 5.49%
จะเห็นได้ว่า แนวโน้มคนซื้อประกันภัยผ่านอินเทอร์เน็ตเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ มาตั้งแต่ปี 2020
ซึ่งเหตุผลที่คนซื้อประกันภัยทางอินเทอร์เน็ต ก็เป็นเพราะ
ซึ่งเหตุผลที่คนซื้อประกันภัยทางอินเทอร์เน็ต ก็เป็นเพราะ
- คนเริ่มคุ้นเคยกับการซื้อของทางออนไลน์มากขึ้น
- ประกันภัยที่ซื้อทางออนไลน์มีราคาถูกกว่า และสามารถใช้โคดส่วนลดได้
ทำให้ราคาสุดท้ายของเบี้ยประกันภัย ถูกกว่าการซื้อผ่านตัวแทนขายประกันภัยค่อนข้างมาก
ทำให้ราคาสุดท้ายของเบี้ยประกันภัย ถูกกว่าการซื้อผ่านตัวแทนขายประกันภัยค่อนข้างมาก
- การมาของเทรนด์ Personalized Insurance ที่ให้ลูกค้าเลือกเพิ่ม-ลด รูปแบบความคุ้มครองได้เอง
4. ธุรกิจประกันภัยหันมาใช้กลยุทธ์การทำ Content Marketing เพิ่มขึ้น
ในอดีตธุรกิจประกันภัยมักขับเคลื่อนด้วยตัวแทนขายประกัน ทำให้ภาพลักษณ์ของธุรกิจประกันถูกมองว่าเน้นขายของอย่างเดียว จนไม่ได้มองถึงความต้องการของลูกค้า
แต่ปัจจุบันที่ลูกค้าสามารถหาข้อมูลได้เอง ความสำคัญของตัวแทนขายประกันก็เริ่มลดลง อีกทั้งลูกค้าส่วนใหญ่ยังชอบศึกษาและหาข้อมูลด้วยตัวเองมากกว่า
จึงทำให้กลยุทธ์การตลาดแบบ Content Marketing มีความสำคัญมากขึ้น
ดังจะเห็นได้จากการทำคอนเทนต์เชิงให้ความรู้ประกันภัย บนแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ มีมากขึ้น
ดังจะเห็นได้จากการทำคอนเทนต์เชิงให้ความรู้ประกันภัย บนแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ มีมากขึ้น
5. ความน่าเชื่อถือของแบรนด์มาก่อนราคาเบี้ยประกัน
ในอดีตก่อนเกิดวิกฤติโรคระบาด ลูกค้าที่ซื้อประกันส่วนใหญ่เลือกที่จะดูราคาเบี้ยประกันที่ต้องจ่าย ก่อนดูที่ความน่าเชื่อถือของบริษัทประกันภัย
ดังนั้นลูกค้าส่วนใหญ่จึงเลือกซื้อประกันภัย กับบริษัทประกันภัยขนาดเล็กที่จ่ายเบี้ยประกันภัยในราคาถูก มากกว่าเลือกซื้อประกันภัยกับบริษัทขนาดใหญ่ น่าเชื่อถือ แต่ต้องจ่ายเบี้ยประกันในราคาแพงกว่า
อย่างไรก็ตาม หลังเกิดวิกฤติโรคระบาด พฤติกรรมผู้บริโภคก็เปลี่ยนแปลงไป
เพราะบริษัทประกันภัยหลายแห่งล้มละลายลง จากการไม่มีกระแสเงินสดมาจ่ายให้ผู้เอาประกันภัยได้ทั้งหมด
เพราะบริษัทประกันภัยหลายแห่งล้มละลายลง จากการไม่มีกระแสเงินสดมาจ่ายให้ผู้เอาประกันภัยได้ทั้งหมด
ด้วยเหตุนี้ ปัจจุบันลูกค้าหลายรายจึงเลือกทำประกันภัย กับบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือมากกว่าเลือกประกันภัยที่เบี้ยประกันราคาถูก แต่บริษัทมีความเสี่ยงที่จะไม่จ่ายเงินเอาประกัน
#InsureX
#ประกันภัยรถยนต์
#เทรนด์การตลาด
#ประกันภัยรถยนต์
#เทรนด์การตลาด