Zen Group เปิดเกมรุก ลับคม 5 ธุรกิจ พร้อมกลยุทธ์ Insightful Marketing เพื่อสร้างรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์

บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เผยความสำเร็จปี 2565 ผ่านการดำเนินงานใน 5 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจร้านอาหาร, ธุรกิจแฟรนไชส์, ธุรกิจจัดส่งอาหารและอีคอมเมิร์ซ, ธุรกิจอาหารค้าปลีก และส่วนการลงทุนในธุรกิจใหม่

ภาพรวมธุรกิจเติบโตกว่า 51% สู่รายได้รวม 3,413 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ของบริษัท และมีกำไร 154 ล้านบาท

โดยตั้งเป้าปี 2566 มีรายได้แตะ 4,500 ล้านบาท

พร้อมทุ่มงบลงทุนกว่า 400 ล้านบาท ลงทุนด้านการตลาดและเทคโนโลยี เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจ

สำหรับทิศทางองค์กร และแผนกลยุทธ์ในปี 2566 ของ Zen Group จะเน้นลับคมทั้ง 5 ธุรกิจหลัก เพื่อผลักดันบริษัทสู่เป้าที่ตั้งเอาไว้

1) ธุรกิจร้านอาหาร

ถือเป็นธุรกิจหลักของ Zen Group คิดเป็นสัดส่วนกว่า 70% ของธุรกิจทั้งหมด 

ตลอดระยะเวลาของการดำเนินธุรกิจกว่า 32 ปี ปัจจุบันมีร้านอาหารในเครือกว่า 10 แบรนด์ รวมแล้วกว่า 345 สาขา

ซึ่งปีที่ผ่านมาขยายไปแล้วกว่า 45 สาขา ทั้งสาขาที่ลงทุนเองและแฟรนไชส์ ครอบคลุมในไทยและต่างประเทศ

โดยเน้นการขยายไปที่น่านน้ำใหม่ เช่น ในพื้นที่ต่างจังหวัด เมืองหลักและเมืองรองที่บริษัทไม่เคยไป

ส่งผลให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในวงกว้าง และครอบคลุมการให้บริการทั่วประเทศ

ส่วนปีนี้ จะขยายเพิ่มอีกกว่า 90 สาขา ทั้งสาขาที่ลงทุนเองและแฟรนไชส์

สำหรับกลยุทธ์การบริหารจัดการร้านอาหาร บริษัทได้ขยายการนำวัตถุดิบคุณภาพที่มีมาตรฐานของบาง
แบรนด์ ไปต่อยอดกับทุก ๆ แบรนด์ในเครือฯ ทำให้บริษัทสามารถบริหารจัดการต้นทุนสินค้าได้ดีขึ้น ทั้งในแง่ของการจัดซื้อ การวางแผนและการบริหารจัดการสาขาอย่างมีประสิทธิภาพ

ส่วนกลยุทธ์ด้านเทคโนโลยี บริษัทก็ได้มีการนำเทคโนโลยี มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพต่อการทำงานของสาขา ไม่ว่าจะเป็น Robot, QR Ordering/Payment, Cashless และ CRM เข้ามาใช้ 

ทำให้บริษัทสามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในด้านบุคลากรของบริษัท ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ในด้านกลยุทธ์การตลาด ปีนี้ Zen Group ตั้งเป้าขยาย Customer Base ให้กว้างขึ้นในทุกมิติ ด้วยกลยุทธ์การทำการตลาดแบบ Insightful Marketing ที่ไม่ใช่แค่รู้จัก แต่ต้องเข้าใจความต้องการที่ซ่อนอยู่ของผู้บริโภคอย่างแท้จริง

-Insightful Product ที่ช่วยขยายฐานลูกค้าใหม่ : 

ดึงข้อมูลเชิงลึก ทั้งข้อมูลการขายและการวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้บริโภค จนพัฒนามาเป็น Product และบริการใหม่ ๆ เช่น เซ็น เรสเตอร์รอง มุ่งขยายไปยังกลุ่มคนทำงาน ที่มีความต้องการหลากหลาย ด้วยการออก Menu Mix ที่อร่อยได้ 2 เมนูใน 1 เซ็ต

หรือ เขียง ที่ออกเมนู “กะเพราสองรัก” เพราะเข้าใจผู้บริโภคว่า ในหนึ่งมื้อเขาอยากทานหลายเมนูในงบจำกัด จึงออกเป็นกะเพรา + ไก่กระเทียม

-Insightful Promotion ที่เข้าใจและเข้าถึงลูกค้าใหม่ : 

ทำการศึกษาพฤติกรรมของลูกค้าในทุกแง่มุม ทั้งโอกาสในการเข้ามารับประทาน และช่วงเวลาของการรับประทาน จนมองเห็นโอกาสทางธุรกิจที่จะต่อยอดแต่ละแบรนด์ได้

เช่น อากะ ยากินิกุ เริ่มขยายฐานไปสู่กลุ่มคนรักบุฟเฟต์ตั้งแต่วัยเรียน จึงออกแคมเปญ “ป่ะ ทาน นักเรียน” มอบส่วนลดสำหรับนักเรียนหลังเลิกเรียน 

หรือ แบรนด์ตำมั่ว ออกโปรโมชัน “เบิ้ลเครื่อง” เพราะมาจากข้อมูลที่คอยสังเกตลูกค้าว่า ลูกค้ามักจะขอเพิ่มส่วนผสมพิเศษอื่น ๆ ที่ตัวเองชื่นชอบ

-Insightful Communications สื่อสารถูกใจในรูปแบบใหม่ : 

การสร้าง Awareness แบบทั่วไป ไม่เพียงพอ ทุกวันนี้เราต้องแข่งกับ Content ที่หลากหลายในมือของผู้บริโภค ลองหาวิธีที่จะทำอย่างไร ให้พวกเขาหันมามองแบรนด์ของเรา “Call Attention with Engagement”

ประเดิมต้นปีด้วยแบรนด์ เซ็น เรสเตอร์รอง ที่ออกแคมเปญ “Dear Boss” ที่ชวนบอสทั่วไทย เปิดโอกาสให้หนุ่มสาวออฟฟิศ ลุกจากหน้าคอม ออกไปทานมื้อเที่ยงแบบมีคุณภาพที่ เซ็น เรสเตอร์รอง เพื่อสร้าง Work Lunch Balance ให้ชีวิตชาวออฟฟิศ ซึ่งสร้างเสียงฮือฮาผ่านข้าวหน้าบอสชั้นนำในไทย

ส่วน ออน เดอะ เทเบิ้ล ก็วางแผนขยายผลต่อหลังจากเปิดตัวโต๊ะจัง ตัวแทนสาวรุ่นใหม่ที่ช่วยพาแบรนด์ติดลมบน ปีนี้ยังเตรียมคอลแลปและครีเอตกิจกรรมสนุก ๆ อีกมากมาย

2) ธุรกิจแฟรนไชส์

Zen Group เตรียมแผนขยายฐานลูกค้าใหม่ และมองหาตลาดใหม่ ผลักดันแบรนด์ ตำมั่ว และเขียง บุกหนักตลาดในประเทศอาเซียน เช่น ไทย มาเลเซีย กัมพูชา เวียดนาม ลาว

และสร้างโอกาสในการเติบโตกับตลาดใหม่ ให้ครอบคลุมประเทศในภูมิภาคเอเชีย เช่น เกาหลีใต้

รวมถึงมุ่งเน้นเรื่องการขายวัตถุดิบให้แฟรนไชส์ เพื่อสร้างมาตรฐานเดียวกันให้เกิดขึ้นในทุกสาขา

3) ธุรกิจอาหารค้าปลีก

หลังจากปีที่แล้วที่ทาง Zen Group ได้ดึง “คิง มารีน ฟู้ดส์” และ “เซ็น แอนด์ โกสุม อินเตอร์ฟู้ดส์” เสริมทัพพอร์ตธุรกิจอาหารในเครือ สามารถช่วยสร้างรายได้ของบริษัทฯ ไปไม่น้อยในปีที่ผ่านมา

ปีนี้ได้มีการวางแผนที่จะเร่งสร้างยอดขายธุรกิจอาหารค้าปลีกให้ได้ตามเป้าหมาย 

พร้อมกับการขยายช่องทางการจัดจำหน่าย และศูนย์กระจายสินค้าในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมถึงการปรับปรุงโรงงานและคลังสินค้า ให้รองรับกับยอดขายที่เติบโตขึ้น

4) ธุรกิจจัดส่งอาหารและอีคอมเมิร์ซ

ปรับปรุงระบบสนับสนุนการขายให้ไร้รอยต่อ และคล่องตัวมากยิ่งขึ้น 

ปักหมุดขยายธุรกิจจาก B2C เป็น B2B โดยเน้นการขาย Voucher แก่องค์กร พร้อมกับการสร้างการรับรู้ระบบ และเพิ่มยอดสมาชิก ผ่านแอพพลิเคชัน ZEN GROUP ให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น

และ 1376 Delivery บริการจัดส่งอาหาร โดยเน้นรูปแบบ Big Order ชูความแตกต่าง เน้นคุณภาพการบริการ และศักยภาพในการจัดส่งอาหารในจำนวนมากได้อย่างมีประสิทธิภาพ

5) การลงทุนในธุรกิจใหม่

ทาง Zen Group ยังคงมองหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจใหม่ ที่มีความน่าสนใจ เข้ามาเสริมทัพพอร์ตธุรกิจอาหารในเครือ ให้มีขนาดใหญ่และแข็งแกร่งมากขึ้นต่อไป

ซึ่งคาดว่าปี 2566 สัดส่วนรายได้ของแต่ละธุรกิจในเครือ Zen Group จะมาจาก 

-ธุรกิจร้านอาหาร 74% 

-ธุรกิจแฟรนไชส์ 7% 

-ธุรกิจอาหารค้าปลีก 13% 

-ธุรกิจจัดส่งอาหารและอีคอมเมิร์ซ 6%