สรุปสเปก iPad Air 5 อย่างเป็นทางการ มาพร้อมชิป M1 และรองรับ 5G
8 มี.ค. 2022
จบกันไปแล้ว กับงาน Apple Event 2022 งานอีเวนต์แรกของปีที่ Apple จัดขึ้น
และเชื่อว่าแฟน ๆ สาวก Apple ต่างรอคอยว่า จะมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อะไรบ้าง
และเชื่อว่าแฟน ๆ สาวก Apple ต่างรอคอยว่า จะมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อะไรบ้าง
สำหรับหนึ่งในพระเอกของงานอีเวนต์ในครั้งนี้ ก็ไม่พ้น iPad Air รุ่นใหม่
ที่มาพร้อมกับสีใหม่ และรองรับ 5G ซึ่งจะมาแทนที่ iPad Air 4 ที่เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2020
ที่มาพร้อมกับสีใหม่ และรองรับ 5G ซึ่งจะมาแทนที่ iPad Air 4 ที่เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2020
แล้ว iPad Air รุ่นใหม่ หรือ iPad Air 5 นี้
มีอะไรน่าสนใจ และมีการปรับเปลี่ยนอะไรไปบ้าง ?
มีอะไรน่าสนใจ และมีการปรับเปลี่ยนอะไรไปบ้าง ?
-iPad Air รุ่นใหม่ มาพร้อมกับสีใหม่ ก็คือ สีม่วง, สีฟ้าน้ำทะเล (แทนสีสกายบลู) และสีสตาร์ไลท์
รวมถึงตัดสีเก่าบางสีออก ทำให้รวมแล้วมีทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีเทาสเปซเกรย์, สีชมพู, สีม่วง, สีฟ้าน้ำทะเล และสีสตาร์ไลท์
-ดีไซน์และตัวเครื่องยังคงมีลักษณะเหมือน iPad Air 4
จอภาพ Liquid Retina ขนาด 10.9 นิ้ว
รองรับพอร์ต USB-C, รองรับอุปกรณ์เสริมอย่าง Magic Keyboard และ Apple Pencil (รุ่นที่ 2)
แต่ยังไม่รองรับ Face ID โดยจะใช้ปุ่ม Touch ID ที่ปุ่ม Power เหมือนเดิม
จอภาพ Liquid Retina ขนาด 10.9 นิ้ว
รองรับพอร์ต USB-C, รองรับอุปกรณ์เสริมอย่าง Magic Keyboard และ Apple Pencil (รุ่นที่ 2)
แต่ยังไม่รองรับ Face ID โดยจะใช้ปุ่ม Touch ID ที่ปุ่ม Power เหมือนเดิม
-รองรับ 5G ในรุ่น Cellular เช่นเดียวกับ iPad Mini 6 ที่เปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้ว
-อัปเกรดชิปประมวลผลเป็น Apple M1 ซึ่งเป็นชิปที่ทรงพลัง แบบเดียวกับที่ใช้ใน iPad Pro และ MacBook
-กล้องหน้าแบบ Ultra-Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ที่ทำงานร่วมกับ Center Stage เหมือนอย่าง iPad Mini 6 ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้งานสะดวกสบายมากขึ้น
โดยเมื่อวิดีโอคอลบน FaceTime กล้องหน้าจะสามารถปรับให้แสดงภาพได้กว้างขึ้น และ Center Stage จะช่วยทำให้ใบหน้าและลำตัวของผู้ใช้งานอยู่ตรงกลาง แม้ว่าผู้ใช้งานจะเคลื่อนที่ไปรอบ ๆ ก็ตาม
ซึ่งในออกแบบ Apple ได้คำนึงถึงการใช้งานบน FaceTime เป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม Center Stage ยังสามารถทำงานร่วมกับแอปพลิเคชันวิดีโอของบริษัทอื่น ๆ ได้ เช่น Zoom
อย่างไรก็ตาม Center Stage ยังสามารถทำงานร่วมกับแอปพลิเคชันวิดีโอของบริษัทอื่น ๆ ได้ เช่น Zoom
-กล้องหลัง ยังคงมีเพียงเลนส์เดียวเท่านั้น เป็น Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล
แต่เพิ่มแฟลช True Tone แบบ LED 4 ดวง ที่ให้แสงสม่ำเสมอเต็มพื้นที่มากขึ้น
แต่เพิ่มแฟลช True Tone แบบ LED 4 ดวง ที่ให้แสงสม่ำเสมอเต็มพื้นที่มากขึ้น
ส่วนในเรื่องของราคา
-iPad Air 5 ความจุ 64GB เริ่มต้น 20,900 บาท
-iPad Air 5 ความจุ 256GB เริ่มต้น 25,900 บาท
(แพงขึ้นกว่าตอน iPad Air 4 เปิดตัว 1,000 บาท)
-iPad Air 5 ความจุ 64GB เริ่มต้น 20,900 บาท
-iPad Air 5 ความจุ 256GB เริ่มต้น 25,900 บาท
(แพงขึ้นกว่าตอน iPad Air 4 เปิดตัว 1,000 บาท)