กรณีศึกษา แกรนด์สปอร์ต เจอดราม่า ชุดนักกีฬาโอลิมปิก​

กรณีศึกษา แกรนด์สปอร์ต เจอดราม่า ชุดนักกีฬาโอลิมปิก​

29 ก.ค. 2021
กลายเป็นอีกหนึ่งประเด็นร้อนที่ต้องจับตาดูกัน แบบติดขอบสนามเลยทีเดียว
สำหรับชุดที่ทัพนักกีฬาไทย ใช้ในการลงสนามเพื่อสู้ศึกโอลิมปิก 2020
เพราะเป็นกระแสที่มีการวิพากษ์วิจารณ์บนโลกโซเชียลไม่น้อย
ตั้งแต่ ยูนิฟอร์ม ที่เจ้าหน้าที่และนักกีฬาไทยใช้สวมใส่ เพื่อร่วมในขบวนพาเหรดในพิธีเปิดการแข่งขัน ไปจนถึง ชุดกีฬา ที่นักกีฬาสวมลงสนาม เพื่อชิงชัยในสนามแข่ง
เพราะผลงานที่ออกมา ทำเอาบางคนเห็นแล้วรู้สึกขัดใจ บ้างก็ว่าดีไซน์ไม่เข้าตา บ้างก็ติว่าชุดดูรุ่มร่าม ไม่ค่อยพอดีตัวนักกีฬา ทำให้แค่ระวังคู่ต่อสู้ไม่พอ ต้องคอยพะวงกับชุด
ตั้งแต่ ยูนิฟอร์ม ที่เจ้าหน้าที่และนักกีฬาไทยใช้สวมใส่ เพื่อร่วมในขบวนพาเหรดในพิธีเปิดการแข่งขัน ไปจนถึง ชุดกีฬา ที่นักกีฬาสวมลงสนาม เพื่อชิงชัยในสนามแข่ง
เรื่องนี้ก็ทำเอางานเข้า แกรนด์สปอร์ต แบรนด์ชุดกีฬาสัญชาติไทย ที่คนไทยคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีไปเต็ม ๆ เพราะอย่างที่รู้กันว่า ในมหกรรมโอลิมปิกครั้งนี้ แกรนด์สปอร์ต คือ แบรนด์ที่ได้เซ็นสัญญาเป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการ ของคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 4 ตั้งแต่ปี 2017-2020
ซึ่งหมายความว่า นอกจากแกรนด์สปอร์ต จะให้การสนับสนุนด้วยเงินสดปีละ 1.5 ล้านบาท
ยังต้องสนับสนุนผลิตภัณฑ์เสื้อผ้าชุดกีฬา ได้แก่ ชุดยูนิฟอร์ม, ชุดแข่งขัน, ชุดฝึกซ้อมนักกีฬาทีมชาติไทย ในการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติ 10 รายการ
ไม่ว่าจะเป็น การแข่งขันซีเกมส์ปี 2017 ที่ประเทศมาเลเซีย, เอเชียนเกมส์ที่อินโดนีเซียปี 2018 และโอลิมปิก 2020 ที่ประเทศญี่ปุ่น และการแข่งขันอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วง 4 ปีนี้
ทั้งนี้ ทางแกรนด์สปอร์ตได้ระบุว่า มูลค่าในการสนับสนุนของแกรนด์สปอร์ต อยู่ที่ประมาณ 181 ล้านบาท
ถามว่า ในฐานะผู้สนับสนุน แกรนด์สปอร์ตจะได้อะไรเป็นการตอบแทน ?
แน่นอนว่า การที่นักกีฬาทีมชาติทุกคนต้องสวมเสื้อผ้าชุดกีฬาจากแกรนด์สปอร์ต
ก็เท่ากับว่า นี่คืออีกเวทีสำคัญที่โลโก “ลายปีกนก” ของแกรนด์สปอร์ต ที่บ่งบอกถึงความอ่อนนุ่ม และความประณีตได้ถูกโชว์ต่อสายตาแฟนกีฬาทั่วโลก
นอกจากจะเป็นความภาคภูมิใจในฐานะแบรนด์ไทย ที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งในการร่วมกับทัพนักกีฬาไทย ในการสู้ศึกในการแข่งขันต่าง ๆ
ถ้ามองในแง่การตลาด การที่โลโกของแกรนด์สปอร์ต ได้ปรากฏต่อสายตาแฟนกีฬานับล้าน ที่ชมการแข่งขันมหกรรมกีฬาระดับโลกในรายการต่าง ๆ นับว่าเป็นการยิงปืนนัดเดียว แต่ได้นกทั้งฝูง
เพราะฉะนั้น ในเมื่อเดิมพันครั้งนี้ แลกด้วยชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของประเทศ
เมื่อเกิดกระแสบนโลกออนไลน์ แกรนด์สปอร์ต จึงไม่รอช้า ต้องเร่งออกมาแก้เกม
ด้วยการแสดงสปิริตน้อมรับ พร้อมแก้ไขด้วยการเปิดโอกาสให้แฟนกีฬาชาวไทย ได้ร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับชุดนักกีฬา ในการแข่งขันครั้งนี้ ผ่านแบบสอบถามออนไลน์
เพื่อนำไปปรับปรุงชุดกีฬา เพื่อทีมชาติไทยในวาระต่อไป
แต่ที่ดูเหมือนจะได้ใจคอกีฬา คือ การยอมให้เปลี่ยนชุดการแข่งขัน​ของ เมย์-รัชนก อินทนนท์ นักแบดมินตันขวัญใจชาวไทย ในนัดที่เมย์ลงสนามคว้าชัยรอบ 16 คนสุดท้าย
แทนที่จะใส่ชุดแข่งขันที่มีโลโกแกรนด์สปอร์ต ให้เปลี่ยนไปใส่เสื้อแขนกุดของแบรนด์ Yonex ลงสนามแทน
เพราะรู้ดีว่า ถ้าจะมัวแต่ดื้อแพร่ง รอส่งเสื้อล็อตใหม่ไปเปลี่ยน ก็คงไม่ทันการณ์
สู้เปิดทางให้แบรนด์ที่ตอบโจทย์ดีกว่า
นับว่าเป็นการรับมือกับกระแสออนไลน์ที่น่าสนใจไม่น้อย สำหรับแบรนด์ชุดกีฬาสัญชาติไทยในตำนาน
ซึ่งไม่น่าเชื่อว่า อยู่คู่คนไทยมาถึงปีนี้ ก็เป็นปีที่ 60 แล้ว
หลายคนอาจไม่รู้ว่า เส้นทางของแกรนด์สปอร์ตนั้น ก่อตั้งโดย คุณกิจ พฤกษ์ชะอุ่ม อดีตนักบาสเกตบอล ที่มีความฝันว่า อยากจะเห็นประเทศไทย มีแบรนด์เสื้อผ้ากีฬาเป็นของคนไทย
คุณกิจ ปลุกปั้นแบรนด์แกรนด์สปอร์ต ในปี พ.ศ. 2504 โดยเริ่มจากห้องแถวเล็ก ๆ ในย่านวงเวียน 22 กรกฎา เพื่อจำหน่ายเสื้อผ้ากีฬาและอุปกรณ์กีฬา
นอกจากจะสร้างชื่อให้กับแบรนด์ แกรนด์สปอร์ตยังเป็นผู้สร้างมิติใหม่ ให้กับธุรกิจชุดกีฬาในบ้านเราหลายอย่าง
ไม่ว่าจะเป็นการติดตรา "Made in Thailand" บนเสื้อผ้ากีฬา เพื่อให้ชื่อเสียงของสินค้าเป็นที่รู้จัก, ก่อตั้งแผนกวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ขึ้นภายในองค์กร
จนมาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญ เมื่อแกรนด์สปอร์ต ได้รับเลือกให้เป็นชุดกีฬาในการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 6 ซึ่งประเทศไทย เป็นเจ้าภาพ ในปี พ.ศ. 2514
และหลังจากนั้นแกรนด์สปอร์ต ก็ยังเป็นสนับสนุนทีมชาติไทยในอีกหลากหลายรายการแข่งขัน
ไม่ว่าจะเป็น ซีเกมส์, เอเชียนเกมส์ และโอลิมปิก
ทำให้หนึ่งในภาพจำของคนไทย ที่มาพร้อมกับภาพของเหล่าฮีโรนักกีฬาไทย คือ สัญลักษณ์ลายปีกนก
ปัจจุบัน แกรนด์สปอร์ต อัปเลเวลจากร้านห้องแถว มาสู่ บริษัท แกรนด์สปอร์ต กรุ๊ป จำกัด
และส่งต่อมาถึงมือทายาทรุ่นที่ 2 คือ คุณ ธิติ พฤกษ์ชะอุ่ม
ที่มีเป้าหมายในใจ ที่อยากจะสร้างชื่อให้แบรนด์แกรนด์สปอร์ต
โดยตั้งเป้าพาแบรนด์ไทย ติดท็อปแบรนด์กีฬาในเอเชีย ผ่านการสนับสนุนกีฬาในภูมิภาคต่าง ๆ
จะเห็นว่า นอกเหนือจากรายได้ หรือ ยอดขาย ที่เป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญในการทำธุรกิจ
สิ่งที่แกรนด์สปอร์ตให้ความสำคัญมาตลอด คือ ภาพลักษณ์ ที่เคียงข้างทัพนักกีฬาไทย
จึงไม่แปลกเลย ที่ครั้งนี้ เพื่อแลกกับภาพลักษณ์ และความภาคภูมิใจของคนไทย ที่ได้เห็นทัพนักกีฬาไทยได้แสดงผลงานอย่างเต็มที่ แกรนด์สปอร์ตจึงยอมที่จะใส่เกียร์ถอยอย่างไม่ลังเล
แม้ไม่รู้ว่าเบื้องลึก เบื้องหลังจะเป็นอย่างไร แต่การตัดสินใจของแกรนด์สปอร์ตครั้งนี้ ก็ได้ใจคนจำนวนไม่น้อย
โดยเฉพาะเมื่อเห็นชัยชนะของ เมย์ รัชนก ยิ่งทำให้หัวใจคนไทยกระชุ่มกระชวย
แต่ถ้ามองในเชิงธุรกิจ แกรนด์สปอร์ต ก็ต้องยอมแลกไม่น้อย เพราะอย่าลืมว่า เมย์ รัชนก ซึ่งไม่ใช่แค่ขวัญใจคนไทย แต่เป็นนักแบดมิดตันมือวางอันดับ 6 ของโลก
การที่เมย์ รัชนก ไม่ได้สวมชุดแข่งขันที่มีโลโกแกรนด์สปอร์ต ลงสนาม ทำให้แบรนด์พลาดโอกาสที่จะได้ประชาสัมพันธ์ไปอย่างน่าเสียดาย
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าติดตามต่อจากนี้ คือ การแข่งขันของ เมย์ รัชนก ในนัดต่อไป ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 30 ก.ค.
นอกจากคนไทยจะต้องส่งแรงเชียร์สุดใจ เพราะ เมย์ รัชนก จะเจองานหินอย่างการผ่านด่าน ไต้ จื่อ อิง นักแบดมินตันมือ 1 ของโลกคนปัจจุบัน จากไต้หวัน
สิ่งที่เชื่อว่าหลายคนจ้องตาไม่กระพริบ คือ เมย์ รัชนก จะปรากฏตัวในลุคไหนลงสนาม..
เพราะนัดนี้ เชื่อว่า จะเป็นอีกหนึ่งนัดหยุดโลก ที่ไม่ได้แค่มีแฟนแบดมิดตัน ชาวไทยและไต้หวัน รอคอย
แต่รวมถึงแฟนแบดมินตันทั่วโลก
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.