fruitzie ผลไม้อบแห้ง ใน 7-Eleven มีใครเป็นเจ้าของ ?

แม้จะไม่ใช่สาวก หรือคนที่ชอบกินผลไม้อบแห้ง
แต่เชื่อว่าหลายคนอาจเคยเดินผ่านชั้นวางสินค้าหมวด ผลไม้อบแห้งและสำเร็จรูป ในร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven

และหนึ่งในแบรนด์ที่เราเห็นบ่อย และรู้สึกคุ้นเคยมากที่สุด ก็คือ fruitzie (ฟรุทซี)
แบรนด์ผลไม้อบแห้งหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น มะละกอเค็ม, มะม่วงคลุกบ๊วย, มะขาม 4 รส และอื่น ๆ

แล้วเคยสงสัยกันไหมว่า
ใครเป็นเจ้าของ และผู้เริ่มนำสินค้าบ้าน ๆ ธรรมดา ๆ นี้
มาแต่งตัวแปรรูป อัดแพ็กเกจจิง แล้ววางขายในร้านสะดวกซื้อ ที่มีสาขามากสุดในประเทศ ได้สำเร็จ ?

คำตอบของคำถามนี้
คุณสุดใจ ผ่องแผ้ว จะเป็นผู้มาตอบกัน

คุณสุดใจ เป็นชาวชลบุรีโดยกำเนิด
เธอมีความคิดอยากเป็นเจ้าของธุรกิจมาตั้งแต่เด็ก ๆ
และก็ได้ทำตามเป้าหมายนั้น ด้วยการเปิดร้านขายของฝากเล็ก ๆ ขนาด 3 คูหา ที่ตลาดหนองมน จังหวัดชลบุรี
ร่วมกับสามีของเธอ คุณศุภชัย ผ่องแผ้ว เมื่อปี พ.ศ. 2535

โดยเริ่มแรกนั้น เขาทั้งคู่ได้เปิดร้านที่รับซื้อสินค้ามาจากผู้ผลิต แล้วขายปลีก เหมือนกับร้านค้าทั่วไป ซึ่งร้านสร้างรายได้ประมาณ 2 ล้านบาทต่อปี

แต่พอเปิดร้านไปได้สักระยะหนึ่ง คุณสุดใจก็รู้สึกว่าสินค้าที่วางขายตามร้านต่าง ๆ ในตลาด
แทบจะคล้ายกันไปหมด ไปร้านไหน ๆ ก็เจอแต่สินค้าเดิม ๆ
ไม่มีร้านไหน ที่มีสินค้าที่โดดเด่นวางขายเลย

เธอจึงคิดอยากจะลองสร้างความแตกต่าง ให้กับร้านของตัวเอง
ด้วยการผลิตสินค้าเองสักอย่าง มาวางขายภายในร้าน
คุณสุดใจจึงได้ลงทุนประมาณ 40,000 บาท ในการซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่าง ๆ มาทำทอฟฟีจุกขาย โดยใช้ชื่อแบรนด์ว่า “ศสิชล”

ซึ่งทอฟฟีจุก ศสิชล ได้ถูกเพิ่มมูลค่าด้วยการห่อด้วยกระดาษว่าวสีสดใส และใช้ถุงแก้ว ซึ่งมีราคาที่สูงกว่าถุงพลาสติกทั่วไป มาเป็นแพ็กเกจจิง
ทั้งหมดก็เพื่อให้ดูสะดุดตาและดูสวยที่สุด จนลูกค้าอยากเลือกหยิบสินค้าที่คุณสุดใจทำขึ้นมาเอง แทนที่จะหยิบสินค้าจากผู้ผลิตรายอื่น

พอทอฟฟีจุก ศสิชล ได้รับความนิยมและมีแนวโน้มขายดี
คุณสุดใจก็ไม่คิดหยุดขยายกิจการเพียงเท่านี้

แต่เธอได้ทำการออกแบรนด์ใหม่ อีก 2 แบรนด์ เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกัน
ได้แก่ แบรนด์ผลไม้อบแห้งแปรรูป “ยายเปรี้ยว” และแบรนด์ปลากรอบ “เรือทอง”

โดยจุดเริ่มต้นของการทำแบรนด์ผลไม้อบแห้ง ก็มาจากแรงบันดาลใจ ที่คุณสุดใจได้มาจากหนังสือเล่มหนึ่งที่ไปซื้อมา ที่มีชื่อว่า “ลุงขาวไขอาชีพ”
โดยเป็นหนังสือเกี่ยวกับการสอนทำอาหารทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นขนมและของกิน
ซึ่งเป็นเล่มที่ทำให้ชีวิตและธุรกิจของเธอ พบกับจุดเปลี่ยนสำคัญ

หลังจากที่ คุณสุดใจ ได้อ่านหนังสือเล่มนี้จนจบ
เธอก็ได้พบกับไอเดียที่อยากจะทำของกินใหม่ ๆ ให้กับธุรกิจ โดยเฉพาะของกินที่เป็นเส้น

บวกกับการสังเกตเห็นว่า คนไทยมักจะชอบกินอาหารรสจัด
ยกตัวอย่างเช่น เวลาไปซื้อมะม่วง ตามร้านผลไม้รถเข็น
สิ่งที่คนไทยขาดไม่ได้เลยคือ พริกเกลือที่เอาไว้จิ้ม นั่นเอง

เธอจึงตัดสินใจว่า จะลองเอามะม่วง มาหั่นเป็นเส้น ๆ แล้วใส่พริก ใส่เกลือ และมะนาวลงไป
เพื่อดูว่าสินค้าจะออกมาหน้าตาเป็นแบบไหน และจะมีรสชาติเป็นอย่างไร
ซึ่งคุณสุดใจก็ได้ทำการทดลองอยู่หลายครั้ง กว่าจะได้เป็นสูตรที่ต้องการ และกลายเป็นผลไม้อบแห้ง แบรนด์ “ยายเปรี้ยว” ในที่สุด

และในขณะนั้น ทาง 7-Eleven เอง ก็กำลังมีนโยบายหาสินค้าที่เป็นเอกซ์คลูซิฟ เข้าไปวางขาย
โดยแบรนด์ ยายเปรี้ยว ก็ได้รับการติดต่อมา และได้รับการคัดเลือกจากทาง 7-Eleven ให้นำสินค้าไปวางขายได้ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2541

ช่วงแรก ๆ ที่วางขายใน 7-Eleven จะขายแค่ในสาขาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ก่อนจะขยายสาขามาภาคกลาง, ภาคตะวันตก และครอบคลุมทั่วประเทศ
จากเริ่มต้นยอดขายหลักแสนบาทต่อเดือน ก็เพิ่มขึ้นเป็นหลักล้านบาทต่อเดือน

ซึ่งพอขายทั่วประเทศแล้ว พนักงานของคุณสุดใจ ก็มาทำการเสนอแนะว่า
คุณสุดใจน่าจะทำการรีแบรนด์ ยายเปรี้ยว กันสักหน่อย เพื่อให้ดูทันสมัยมากขึ้น
เธอและพนักงานเลยศึกษาวิจัย เพื่อหาชื่อที่เหมาะสมให้กับแบรนด์

จนสุดท้ายก็ได้ชื่อ “fruitzie (ฟรุทซี)”
ที่มาจากคำว่า fruit ที่แปลตรงตัวว่า ผลไม้ บวกกับ zie ที่จะสื่อว่า วิตามินซี

การเป็นพันธมิตรกับ 7-Eleven ซึ่งมีมากกว่า 12,000 สาขาทั่วประเทศ
ได้ทำให้แบรนด์ fruitzie เป็นที่รู้จักกันมากขึ้นในวงกว้าง และทำให้ธุรกิจขยายตัวอย่างรวดเร็ว

คุณสุดใจจึงต้องก่อสร้างโรงงาน มูลค่ากว่า 50 ล้านบาท บนเนื้อที่กว่า 2 ไร่ ที่จังหวัดชลบุรี
พร้อมกับจดทะเบียนจัดตั้งเป็น บริษัท หนองมน เอสเอ็มเจ โปรดักส์ จำกัด ขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2542
เพื่อให้สามารถผลิตสินค้าได้ทันกับความต้องการ ที่เพิ่มมากขึ้น

บริษัท หนองมน เอสเอ็มเจ โปรดักส์ จำกัด
ปี 2561 มีรายได้ 36 ล้านบาท
ปี 2562 มีรายได้ 40 ล้านบาท

จากร้านขายของฝากเล็ก ๆ ในตลาด
ปัจจุบันกลายเป็นแบรนด์ผลไม้อบแห้ง ที่วางขายเกือบทั่วประเทศ
จนหลายคนอาจเคยเห็นผ่านตา เมื่อได้เดินเข้าร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven
และมีรายได้หลักสิบล้านบาท ก็ถือว่ามาไกลไม่น้อยเลยทีเดียว

ตลอดระยะเวลาการทำธุรกิจที่ผ่านมา
คุณสุดใจได้ยึดหลักคิดในเรื่องของ “ความรอบคอบ” และการเติบโตอย่าง “ค่อยเป็นค่อยไป” ในการดำเนินธุรกิจ

ก็คือ เวลาจะทำอะไร เธอจะศึกษาเรื่องนั้น ๆ ให้ดีเสียก่อน ไม่รีบด่วนตัดสินใจ แต่ทำอะไรต้องรอบคอบไว้ก่อน

และจะไม่ทำอะไรเกินตัว เช่น ไม่กู้เงินธนาคารเกินความสามารถ เพื่อมาขยายธุรกิจ
เพราะจะช่วยลดความเสี่ยงทางธุรกิจ เวลาเจอวิกฤติเศรษฐกิจ หรือเกิดเรื่องที่ไม่คาดฝันขึ้นได้

นอกจากนี้ คุณสุดใจยังบอกอีกว่า
เส้นทางของการ เริ่มต้นเป็นเจ้าของธุรกิจนั้น ต้องมีความพร้อมอยู่ 4 อย่างด้วยกัน
เพื่อเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จ ในการทำธุรกิจ ได้แก่

ความพร้อมทางด้านจิตใจ, ความพร้อมทางด้านองค์ความรู้, ความพร้อมที่จะทำธุรกิจ และความพร้อมทางด้านครอบครัว..

อ้างอิง :
-กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
-https://mgronline.com/smes/detail/9540000074032
-https://www.youtube.com/watch?v=Evr2kkQTEbk&t=120s
-https://www.sanook.com/money/9915/