เศรษฐกิจโลกในปัจจุบันมีแนวโน้มชะลอตัว แต่ไม่รุนแรงมากเท่าที่เคยคาดกันเอาไว้เมื่อปลายปี 2565
แม้ตัวเลขดังกล่าวจะคาดการณ์บนพื้นฐานว่าในปีหน้า จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามายังประเทศไทย เพิ่มขึ้นเป็น 19.2 ล้านคน จาก 10 ล้านคนในปีนี้
ท่ามกลางความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่เริ่มเพิ่มขึ้นในหลายประเทศ นำโดยสหรัฐฯ ในขณะที่เศรษฐกิจไทยเพิ่งจะอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการฟื้นตัว
โดย EIC ประเมินว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาไทย จะเพิ่มเป็น 10.3 ล้านคนในปีนี้ และ 28.3 ล้านคนในปี 2566 หลังจีนมีแนวโน้มเริ่มเปิดประเทศผ่อนคลายการท่องเที่ยวตั้งแต่ปลายปีนี้
แม้ไทยจะมีแรงส่งจากการใช้จ่ายภาครัฐที่ลดลงหลังสิ้นสุดหลายมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ กอปรกับมีการขาดดุลการค้าที่เพิ่มขึ้นตามการนำเข้าพลังงาน แต่เมื่อรวมผลจากจีดีพีไตรมาส 1/2565 ที่ออกมาดีกว่าที่คาด มุมมองการบริโภคภาคเอกชนที่ดีกว่าที่เคยประเมินเล็กน้อย
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ Economic Intelligence Center (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ ปรับลดประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทย ในปี 2565 เป็น 2.7% จากเดิมคาดไว้ที่ 3.2%
สำหรับผลกระทบต่อประเทศไทยในขณะนี้คือ ราคาน้ำมัน ยิ่งสถานการณ์มีความตึงเครียด ยิ่งส่งผลต่อต้นทุนพลังงาน ต้นทุนธุรกิจ ราคาสินค้าและอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งเป็นด้านที่กระทบต่อเศรษฐกิจไทยมากที่สุด
KKP Research ประเมินว่าสำหรับประเทศไทย การระบาดของโควิดรอบปัจจุบันจะเกิดขึ้นอย่างรุนแรงและกว้างขวาง แต่น่าจะจบลงเร็วกว่ารอบก่อน ๆ โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 1 - 2 เดือน
เมื่อพิจารณาลักษณะของภาคบริการไทยยังพบว่าส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มบริการแบบเก่า ซึ่งมีแนวโน้มจะเป็นตัวตามเศรษฐกิจมากกว่าตัวนำเศรษฐกิจ ซึ่งเกิดจาก
ตามการระบาดในประเทศระลอกที่สาม ที่รุนแรงและยืดเยื้อ ส่งผลให้การบริโภคภาคเอกชนได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติน้อยกว่าคาด จากความกังวลของสถานการณ์ระบาดในประเทศ
KKP Research โดยกลุ่มการเงินเกียรตินาคินภัทร วิเคราะห์ว่าการแข่งขันและความขัดแย้งทางเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐฯ และจีน จะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น และกำหนดว่าใครจะเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจในทศวรรษข้างหน้า