อินโดนีเซีย จะเก็บภาษีดิจิทัลกับ Facebook และ TikTok
8 ส.ค. 2020
เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา อินโดนีเซีย ได้ประกาศใช้กฎหมายเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) 10% จากบริษัทเทคโนโลยีต่างชาติ เช่น Amazon, Netflix, Spotify และ Google
ที่ไม่มีบริษัทตั้งอยู่ในอินโดนีเซีย แต่ขายสินค้าและบริการดิจิทัลให้กับลูกค้าชาวอินโดนีเซีย
ที่ไม่มีบริษัทตั้งอยู่ในอินโดนีเซีย แต่ขายสินค้าและบริการดิจิทัลให้กับลูกค้าชาวอินโดนีเซีย
เนื่องจากรัฐบาลอินโดนีเซีย หวังเพิ่มรายได้ให้รัฐอีกช่องทาง
ท่ามกลางโรคระบาดโควิด-19 ที่กระทบกับการเงินของรัฐบาล
โดยรัฐบาลอินโดนีเซีย คาดว่ารายรับของรัฐจะลดลง 13% ในปีนี้ เพราะกิจกรรมทางเศรษฐกิจหยุดชะงักไป
ท่ามกลางโรคระบาดโควิด-19 ที่กระทบกับการเงินของรัฐบาล
โดยรัฐบาลอินโดนีเซีย คาดว่ารายรับของรัฐจะลดลง 13% ในปีนี้ เพราะกิจกรรมทางเศรษฐกิจหยุดชะงักไป
ซึ่งล่าสุดเมื่อวานนี้ อินโดนีเซีย ก็ได้เพิ่มรายชื่อบริษัทที่จะถูกเก็บภาษีดิจิทัลเข้าไปอีก
ได้แก่ Facebook, TikTok, The Walt Disney, Apple Distribution International และบริษัทในเครือของ Amazon เช่น Audible และ Alexa
ได้แก่ Facebook, TikTok, The Walt Disney, Apple Distribution International และบริษัทในเครือของ Amazon เช่น Audible และ Alexa
ทั้งนี้ อินโดนีเซีย เป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในอาเซียน ด้วยจำนวนกว่า 273.8 ล้านคน และมีอัตราการเติบโตของตลาดออนไลน์ค่อนข้างสูง
ที่น่าสนใจคือ ทาง Facebook ได้กล่าวว่า บริษัทจะปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าว
“ในอินโดนีเซีย เราจะเริ่มเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2020 ภายใต้กฎหมายของอินโดนีเซีย” โฆษกของ Facebook กล่าว
“ในอินโดนีเซีย เราจะเริ่มเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2020 ภายใต้กฎหมายของอินโดนีเซีย” โฆษกของ Facebook กล่าว
ส่วนบริษัทอื่นๆ ยังไม่มีการแสดงความเห็นแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ประเทศอื่นๆในอาเซียน ที่กำลังพิจารณาเรียกเก็บภาษีดิจิทัล กับบริษัทเทคโนโลยีต่างชาติ ก็อย่างเช่น
ฟิลิปปินส์ ที่ได้เสนอร่างกฎหมายฉบับใหม่เข้ารัฐสภา เพื่อเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 12% จากบริษัทเทคโนโลยีต่างชาติ
และไทย ที่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ครม. ได้เห็นชอบ ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขประมวลรัษฎากรฯ จัดเก็บภาษี "อี-เซอร์วิส" หรือเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%
จากแพลตฟอร์มดิจิทัลของบริษัทต่างประเทศ ที่ได้ให้บริการในไทย แต่ไม่มีบริษัทลูกในประเทศไทย เช่น Facebook, Google, Netflix, Spotify ไปจนถึงการซื้อแอปฯ จาก Play Store, App Store