ไฮเออร์ ประกาศความสำเร็จยอดขายครึ่งปีแรก 2563 เติบโต 31%
17 ก.ค. 2020
ไฮเออร์ ผู้นำด้านผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าระดับโลก และเป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านอันดับ 1 ของโลกติดต่อกัน 11 ปีซ้อน เติบโตสวนกระแส ด้วยยอดขายครึ่งปีแรก 2563 ประสบความสำเร็จเป็นไปตามเป้าถึง 31% เตรียมรุกตลาดสมาร์ทโฮมในปี 2563 นำทัพด้วยเครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น และเครื่องซักผ้า พร้อมชูกลยุทธ์แคมเปญใหม่ Haier “เย็นดีแค่ 4 บาท” เพื่อตอบสนองกับความต้องการของตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มาพร้อมกับวิกฤต COVID-19 นั่นเอง คาดตัวเลขครึ่งปีหลังยอดขายโตตามเป้ากว่า 34% หรือประมาณ 2,630 ล้านบาท
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เทรนด์พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ผู้บริโภคเกิดความคาดหวังใหม่ๆ จากแบรนด์สินค้า ซึ่งคำนึงถึงราคาและคุณภาพของสินค้าเป็นสำคัญ จึงทำให้เกิดการตัดสินใจในการเลือกซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้สร้างความท้าทายให้กับไฮเออร์เป็นอย่างมาก ที่นอกจากจะต้องปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์แล้ว ยังต้องวางแผนล่วงหน้าเพื่อรับมือกับสิ่งต่างๆ ที่เราไม่สามารถคาดการณ์ได้ล่วงหน้า แต่นี่คือสิ่งที่จุดประกายให้เป็นความท้าทายในการดำเนินธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าในยุค New Normal หรือโลกแห่งวิถีชีวิตปัจจุบันนั่นเอง
มร. จาง เจิ้งฮุ้ย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวในงาน Haier Press Conference 2020 ว่า “ไฮเออร์ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในปีนี้ โดยคาดการณ์รายได้รวมทุกหมวดผลิตภัณฑ์ประมาณ 6,205 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 38% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ในจำนวนนี้เป็นรายได้จากเครื่องปรับอากาศภายในบ้าน 2,940 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% ตู้เย็น 1,160 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45% เครื่องซักผ้า 835 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37% ตู้แช่ 590 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41% เครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ 365 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45% และผลิตภัณฑ์ประเภทอื่นๆ 322 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 65% และได้เตรียมรุกตลาดในช่วงครึ่งปีหลังอย่างแข็งแกร่ง พร้อมตั้งเป้ายอดขายปีนี้เติบโตเพิ่มขึ้น 38 %
ภายในงานยังมีการแถลงนโยบาย พร้อมชูกลยุทธ์การตลาดในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 ไฮเออร์ยังเตรียมแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยชูจุดเด่นด้านคุณภาพสินค้า ดีไซน์ที่สวยงาม นวัตกรรมล้ำสมัย และฟังก์ชันที่สร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค รวมถึงมีผลิตภัณฑ์ Haier Smart Home เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ อีกทั้งจะทุ่มงบการตลาด 170 ล้านบาท เพื่อสร้างการรับรู้และส่งเสริมการขายทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ ขยายช่องทางการตลาด เจาะกลุ่มธุรกิจ B2B ปรับภาพลักษณ์ร้านตัวแทนจำหน่าย และพัฒนาบริการทั้งก่อนและหลังการขายให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
“ถึงแม้ว่าสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค แต่ไฮเออร์ยังมียอดขายเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์ เครื่องปรับอากาศและตู้เย็น ทั้งนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายรวมปีนี้ 6,205 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 38 จากปี 2563”
สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศปีนี้ ไฮเออร์ ได้มองถึงโอกาสทางการตลาด เปิดตัวแคมเปญรูปแบบใหม่ Smart Sharing AC “เย็นดีแค่ 4 บาท” มิติใหม่แห่งวงการเครื่องปรับอากาศ ที่ให้ทุกคนสามารถติดแอร์ที่บ้านได้ โดยคิดค่าใช้จ่ายเป็นชั่วโมงที่ใช้ ที่ 4 บาท/ต่อชั่วโมง มาพร้อมบริการและอุปกรณ์ติดตั้งฟรี มีบริการหลังการขาย รวมถึงเมื่อใช้ครบ 5,200 ชั่วโมง ภายในระยะเวลาสัญญา 3 ปี รับเครื่องปรับอากาศฟรี โดยไฮเออร์ได้ดึงเอานวัตกรรม NB-IoT จาก AIS มาใช้ โดยที่แอร์เราไม่ต้องต่อ Wi-Fi หรือใส่ซิมอะไรเลย เพราะเครื่องจะเชื่อมต่อกับสัญญาณ NB-IoT ของ AIS ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศแบบอัตโนมัติ พร้อมกับบันทึกและส่งข้อมูลทุกอย่างแสดงผลที่ Smart Sharing AC แอปบนสมาร์ทโฟน สามารถควบคุม ตรวจเช็กเครื่องปรับอากาศเราได้ทุกอย่างจากทุกที่ผ่านสมาร์ทโฟน เช่น การตั้งค่า เปิดปิดเครื่อง ไปจนถึงการควบคุมเครื่อง ปรับทิศทางลม ปรับอุณหภูมิ บริการเซอร์วิสเรียกช่างก็สามารถเรียกผ่านแอปได้
นอกจากนี้ ไฮเออร์ยังได้พัฒนาเทคโนโลยี Self-Cleaning เครื่องปรับอากาศที่ทำความสะอาดตัวเองได้ภายใน 20 นาที อีกทั้งเทคโนโลยี Self-Purify ฟอกอากาศและสามารถกรองฝุ่นได้เล็กถืง 0.3 ไมครอน เล็กกว่า PM 2.5 ถึง 8 เท่า กรองฝุ่นได้ 99.99% ด้วยแผ่นกรองอากาศ IFD Filter สำหรับปี 2563 ไฮเออร์พัฒนาไปอีกขั้นด้วยเทคโนโลยี Self-Hygiene เคลือบสาร Silver Nanoparticles เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียและยับยั้งการเติบโตของเชื้อราในเครื่องปรับอากาศ และ Hyper PCB แผงป้องกันการเกิดไฟฟ้าที่ไม่เสถียร ความชื้น รวมถึงสัตว์บางประเภท ทำให้เครื่องปรับอากาศมีความทนทานและประหยัดไฟ
ไฮเออร์ยังได้เผยโฉมตู้เย็นอัจฉริยะใหม่ IOT Smart Series รุ่นHRF-MD758 ก้าวสู่ยุคแห่งอนาคตด้วยนวัตกรรมที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคได้ดีที่สุด ล้ำหน้าด้วยจอทัชสกรีนขนาดใหญ่ พร้อมผู้ช่วยอัจฉริยะ ที่สั่งการด้วยเสียง หรือสอบถามสภาพอากาศ สะดวกยิ่งขึ้นด้วย Food Manage สามารถจัดการและจดบันทึกรายการอาหาร ภายในตู้ติดตั้ง Ultra cam ที่จะช่วยเช็คสต็อกอาหารผ่านทางหน้าจอหรือมือถือ อีกทั้งยังสั่งซื้อของผ่าน Groceries ออนไลน์ ทำให้ชีวิตง่ายมากยิ่งขึ้น เพิ่มอรรถรสด้วย Entertainment อย่าง Youtube, Facebook ที่จะทำให้การทำอาหารไม่น่าเบื่ออีกต่อไป ด้วยคอนเซ็ปต์ Internet of things
นอกจากนั้นยังมีผลิตภัณฑ์ในกลุ่มตู้แช่เย็น Ice Bar เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคระดับ พรีเมี่ยมที่ได้รวมฟังก์ชั่นหลาย ๆ ฟังก์ชั่นไว้ในตู้เดียว สามารถแยกการใช้งานได้หลากหลาย โดย Ice Bar รุ่น LC-132 ได้ถูกออกแบบมาอย่างเรียบหรูและใช้วัสดุพรีเมี่ยม โดยชั้นบนได้ถูกออกแบบให้เป็นที่เก็บไวน์ ทำจากไม้บีซ ลดแรงสั่นสะเทือน เพื่อรักษารสชาติของไวน์, ชั้นกลาง สำหรับเก็บวัตถุดิบสำหรับทำอาหาร และยังมีลิ้นชักสำหรับเก็บผักและผลไม้ที่มาพร้อมระบบ HCS เพื่อป้องกันความชื้นภายใน ช่วยคงความสดของผักและผลไม้ได้นานยิ่งขึ้น และยังมี Multi-Zone ช่องแยกพิเศษสำหรับทำอุณหภูมิอิสระได้ 3 ระดับ คือ 4 °C เหมาะสำหรับแช่นมแม่, 5 °C แช่ใบชาแห้ง, 0°C แช่เครื่องดื่ม อีกด้วย
อีกทั้งยังมีนวัตกรรม เครื่องซักผ้าฝาบนรุ่นใหม่ รุ่น Self-cleaning ที่มี Smart Ball ที่สามารถทำความสะอาดถังซักด้านในได้ทุกครั้งที่ซักผ้า โดยสามารถกำจัดสิ่งสกปรกด้านในถังซักได้มากถึง 99.9% และยังมีมอเตอร์ต่อตรง Direct Motion ที่ทำงานเงียบ นิ่ง และประหยัดพลังงาน และได้มีการออกแบบแผงควบคุมอยู่ด้านหลังเพื่อความสะดวกในการใช้งาน และรูปลักษณ์ภาพนอกยังหรูหราสวยงาม โดยเครื่องซักผ้ารุ่น Self-cleaning มีความจุ 2 ขนาด คือ 13 และ 14 กิโลกรัม วางขายตั้งแต่เดือนกรกฏาคม 2563 นี้เป็นต้นไป
นอกจากนี้ ยังมีโทรทัศน์ Android Smart AI TV เป็นโทรทัศน์อัจฉริยะที่สามารถเชื่อมต่อกับระบบรักษาความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นกล้องวงจรปิด กริ่งประตู หรือแม้แต่ควบคุมการทำงานของระบบไฟฟ้าได้อีกด้วย
“ด้านการตลาดในครึ่งปีหลังนี้ 2563 นี้เรายังคงเน้นทำการตลาดแบบครบวงจร ทั้งด้านออนไลน์และออฟไลน์ เพิ่มโฆษณาทางโทรทัศน์ให้กับผลิตภัณฑ์ตู้เย็น และยังคงใช้แบรนด์แอมบาสเดอร์ในการสร้างการรับรู้ผลิตภัณฑ์เช่นเดิม พร้อมทั้งเสริมกลยุทธ์ผลักดันภาพลักษณ์แบรนด์ด้วย Haier Brand Shop ซึ่งปัจจุบันเรามีร้านไฮเออร์แบรนด์ช็อปที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ในกรุงเทพฯ แล้ว โดยจะทำการขยายช่องทางการขายต่อไปอย่างต่อเนื่อง รวมถึงช่องทางธุรกิจ B2B และปรับภาพลักษณ์ร้านตัวแทนจำหน่ายไฮเออร์ รุกช่องทางการตลาดใหม่ๆ ที่จะช่วยผลักดันธุรกิจของไฮเออร์ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง” มร.จาง เจิ้งฮุ้ย กล่าวทิ้งท้าย