‘PCE’ รับปัจจัยบวกราคาน้ำมันปาล์มดิบปรับตัวสูงขึ้น วางเป้ายอดขายน้ำมันปาล์มปี 2567 เติบโต 10-15%

‘PCE’ รับปัจจัยบวกราคาน้ำมันปาล์มดิบปรับตัวสูงขึ้น วางเป้ายอดขายน้ำมันปาล์มปี 2567 เติบโต 10-15%

22 ต.ค. 2024
‘บมจ.เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์’ หรือ PCE เผยสถานการณ์ราคาน้ำมันปาล์มดิบไทยไตรมาส 4/ 2567 ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทะลุกว่า 40 บาทต่อกิโลกรัม จากปัจจัยความต้องการในประเทศและต่างประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น สวนทางกับปริมาณน้ำมันปาล์มดิบที่ออกสู่ตลาดลดลงตามช่วงฤดูกาล คาดแนวโน้มราคาน้ำมันปาล์มดิบยังไปต่อ ขณะที่ PCE รับปัจจัยบวกที่สามารถรองรับความต้องการบริโภคได้อย่างครอบคลุม หนุนผลประกอบการครึ่งปีหลัง 2567 เติบโตต่อเนื่อง พร้อมตั้งเป้าการขายทั้งปีเติบโต 10-15%
นายประกิต ประสิทธิ์ศุภผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PCE ผู้นำอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มแบบครบวงจรที่มีความพร้อมการจัดการระบบซัพพลายเชน เปิดเผยว่า สถานการณ์ราคาเฉลี่ยน้ำมันปาล์มดิบในประเทศในไตรมาส 4/2567 ล่าสุด (21 ต.ค.2567) ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องที่ระดับกว่า 40 บาทต่อกิโลกรัมจาก 37 บาทต่อกิโลกรัมเมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2566 เป็นไปตามการปรับราคาของตลาดโลกที่มาจากความต้องการที่เพิ่มขึ้น
ขณะที่ผลปาล์มสดในตลาดมีปริมาณลดลงซึ่งเป็นไปตามช่วงฤดูกาลจึงส่งผลต่อปริมาณน้ำมันปาล์มดิบที่ออกสู่ตลาดในประเทศลดลงตามทั้งนี้ ในไตรมาส 4/2567 ความต้องการใช้น้ำมันปาล์มดิบเพิ่มสูงขึ้น ทั้งจากการบริโภค อุปโภค และความต้องการด้านพลังงานในช่วงเทศกาล ตลอดจนความต้องการของประเทศอินโดนีเซีย ที่มีปริมาณน้ำมันปาล์มดิบคงคลัง ณ เดือน มิ.ย.2567 เหลืออยู่ที่ 2.51 ล้านตัน หรือลดลงราว 20% จากปี 2566 จากความต้องการใช้ในอุตสาหกรรมไบโอดีเซล เช่นเดียวกับประเทศมาเลเซีย ณ สิ้นไตรมาส 3/2567 มีปริมาณน้ำมันปาล์มดิบคงคลังอยู่ที่ 2.01 ล้านตัน ลดลงกว่า 10% และไทยมีปริมาณน้ำมันปาล์มดิบคงคลังอยู่ที่ 0.296 ล้านตัน ลดลง 18% จากปี 2566 แต่มีแนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันปาล์มดิบเพิ่มมากขึ้น “ราคาน้ำมันปาล์มดิบยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากปัจจัยผลปาล์มสดในประเทศของไตรมาส 4 ที่ลดลงตามฤดูกาลที่กล่าวมา
ซึ่งสวนทางกับความต้องการใช้น้ำมันปาล์มดิบเพื่ออุปโภคและบริโภค และด้านพลังงานในช่วงเทศกาลที่คาดว่าจะอยู่ที่ 6-7 แสนตัน ประกอบกับประเทศมาเลเซียมีความต้องการใช้น้ำมันปาล์มดิบเพิ่มขึ้น ขณะที่อินโดนีเซียต้องการใช้น้ำปาล์มดิบเพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมไอโบดีเซลในสัดส่วนการผสมไบโอดีเซลที่ 35% และจะมีการปรับสัดส่วนขึ้นเป็น 40% ในปี 2568 ซึ่งจะส่งผลให้มีความต้องการใช้เพิ่มขึ้นอีก 4-5 แสนตันต่อไตรมาส
ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันให้ราคาน้ำมันปาล์มดิบในตลาดโลกให้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอีก และจะเป็นปัจจัยบวกต่อ PCE ที่สามารถรองรับความต้องการบริโภคได้อย่างครอบคลุม และช่วยส่งเสริมให้ผลประกอบการในครึ่งปีหลัง 2567 จะเติบโตอย่างต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก โดยมีเป้าหมายการขายทั้งปีเติบโตที่ 10-15%” นายประกิตกล่าว
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.