App Store สร้างเม็ดเงินในระบบกว่า 16 ล้านล้านบาท ในปี 2019
16 มิ.ย. 2020
Apple เผยว่า App Store ได้สร้างเม็ดเงินในอีโคซีสเต็ม หรือมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า
519,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 16.2 ล้านล้านบาท ในปี 2019
ซึ่งเทียบเท่า GDP ของประเทศไทยทั้งประเทศ
519,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 16.2 ล้านล้านบาท ในปี 2019
ซึ่งเทียบเท่า GDP ของประเทศไทยทั้งประเทศ
เม็ดเงินนี้ประเมินจากยอดบิลหรือยอดขายของธุรกรรมที่เกิดขึ้น
เช่น การซื้อแอปพลิเคชัน, ซื้อไอเท็ม หรือบริการในแอปพลิเคชัน
และกิจกรรมทางเศรษฐกิจอื่นๆ ที่เกิดขึ้นบนแอปของ iPhone และ iPad เช่น การขายโฆษณาภายในแอป
เช่น การซื้อแอปพลิเคชัน, ซื้อไอเท็ม หรือบริการในแอปพลิเคชัน
และกิจกรรมทางเศรษฐกิจอื่นๆ ที่เกิดขึ้นบนแอปของ iPhone และ iPad เช่น การขายโฆษณาภายในแอป
โดยมูลค่าทางเศรษฐกิจของ App Store 16.2 ล้านล้านบาท
ที่สร้างขึ้นผ่านแอป iPhone และ iPad ในปี 2019 ประกอบไปด้วย
ที่สร้างขึ้นผ่านแอป iPhone และ iPad ในปี 2019 ประกอบไปด้วย
-12.9 ล้านล้านบาท มาจากแอปที่ขายสินค้าและบริการที่จับต้องได้ (Physical oods & services)
ซึ่งประกอบด้วย แอปร้านค้าปลีกต่างๆ (8.4 ล้านล้านบาท) เช่น Amazon, Best Buy, Shopee, Lazada
แอปท่องเที่ยว (1.8 ล้านล้านบาท) เช่น Expedia, Traveloka, Booking
แอปเรียกรถ (1.2 ล้านล้านบาท) เช่น Uber, Lyft, Grab
แอปส่งอาหาร (1.0 ล้านล้านบาท) เช่น Just Eat, Deliveroo, Foodpanda
และแอปอื่นๆ (0.4 ล้านล้านบาท)
ซึ่งประกอบด้วย แอปร้านค้าปลีกต่างๆ (8.4 ล้านล้านบาท) เช่น Amazon, Best Buy, Shopee, Lazada
แอปท่องเที่ยว (1.8 ล้านล้านบาท) เช่น Expedia, Traveloka, Booking
แอปเรียกรถ (1.2 ล้านล้านบาท) เช่น Uber, Lyft, Grab
แอปส่งอาหาร (1.0 ล้านล้านบาท) เช่น Just Eat, Deliveroo, Foodpanda
และแอปอื่นๆ (0.4 ล้านล้านบาท)
-1.9 ล้านล้านบาท มาจากแอปที่ขายสินค้าและบริการดิจิทัล (Digital goods & services)
เช่น Tinder, Netflix, Spotify
เช่น Tinder, Netflix, Spotify
-1.3 ล้านล้านบาท มาจากการโฆษณาภายในแอป
เช่น Facebook, Twitter, Pinterest
เช่น Facebook, Twitter, Pinterest
อย่างไรก็ตาม 16.2 ล้านล้านบาทนี้ ไม่นับรวมรายได้ค่าสมัครสมาชิกของ Apple เช่น Apple Music
และยอดขายหรือเม็ดเงินที่เกิดขึ้นบน Android และ Windows
และยอดขายหรือเม็ดเงินที่เกิดขึ้นบน Android และ Windows
นอกจากนี้ เม็ดเงิน 16.2 ล้านล้านบาทในอีโคซีสเต็มของ App Store
ยังสามารถแบ่งมูลค่าตามภูมิศาสตร์ได้เป็น
ประเทศจีน 47%
สหรัฐฯ 27%
ยุโรป 10%
ญี่ปุ่น 7%
และประเทศอื่นๆ 9%
ยังสามารถแบ่งมูลค่าตามภูมิศาสตร์ได้เป็น
ประเทศจีน 47%
สหรัฐฯ 27%
ยุโรป 10%
ญี่ปุ่น 7%
และประเทศอื่นๆ 9%
ทั้งนี้ Apple มีการเก็บค่าคอมมิชชั่น 15% ถึง 30% จากการซื้อซอฟต์แวร์ สินค้าและบริการดิจิทัล
บนแอปที่ปล่อยให้ดาวน์โหลดใน App Store
บนแอปที่ปล่อยให้ดาวน์โหลดใน App Store
อย่างไรก็ตาม ทาง Apple กล่าวว่า 84% ของแอปใน App Store
ไม่ได้เสียส่วนแบ่งหรือรายได้ให้กับบริษัท เช่น พวกแอปให้ดาวน์โหลดฟรี
หรือ แอปที่ให้ผู้ใช้งานต้องไปสมัครและชำระเงินผ่านเว็บเบราว์เซอร์ ซึ่งไม่ผ่านแอป เช่น Netflix, Hulu
ไม่ได้เสียส่วนแบ่งหรือรายได้ให้กับบริษัท เช่น พวกแอปให้ดาวน์โหลดฟรี
หรือ แอปที่ให้ผู้ใช้งานต้องไปสมัครและชำระเงินผ่านเว็บเบราว์เซอร์ ซึ่งไม่ผ่านแอป เช่น Netflix, Hulu
ตอนนี้ทาง Apple กำลังเจอเรื่องร้องเรียนอย่างหนัก ทั้งจากนักพัฒนา และหน่วยงานรัฐ
ว่า App Store มีการผูกขาดแพลตฟอร์ม และคิดค่าคอมมิชชั่นที่ไม่ยุติธรรม
ว่า App Store มีการผูกขาดแพลตฟอร์ม และคิดค่าคอมมิชชั่นที่ไม่ยุติธรรม