
สรุป 6 ข้อ สร้างแบรนด์ ทำการตลาด ให้ถูกใจผู้บริโภค Gen Z จากงาน Gen Z Top Brand Award 2025
10 เม.ย. 2025
ล่าสุด BrandBuffet ได้จัดงานประกาศผลรางวัล Gen Z Top Brand Award 2025 ร่วมกับ อินเทจ (ประเทศไทย) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยด้านการตลาดชั้นนำ
โดยมีอินไซต์ที่น่าสนใจ เกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้บริโภค Gen Z ซึ่งกำลังกลายเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีศักยภาพ ในปัจจุบัน ดังนี้
- กลุ่มคน Gen Z จะกลายเป็นผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อหลัก ในตลาดทั่วโลก ภายในปี 2034 หรือในอีกไม่ถึง 10 ปี ข้างหน้านี้
โดยมีกำลังซื้อ (Spending Power) สูงถึง 8.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 308 ล้านล้านบาท)
เทียบกับกำลังซื้อของผู้บริโภคใน Gen อื่น ๆ
- ผู้บริโภค Gen Y มีกำลังซื้อ 8.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 305 ล้านล้านบาท)
- ผู้บริโภค Gen X มีกำลังซื้อ 7.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 260 ล้านล้านบาท)
- ผู้บริโภค Gen Baby Boomers มีกำลังซื้อ 1.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 48 ล้านล้านบาท)
ในขณะที่ผู้บริโภค Gen Z ยังเป็นผู้บริโภคที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้า ของผู้บริโภคใน Gen อื่น ๆ อีกด้วย เช่น การโน้มน้าวการตัดสินใจซื้อสินค้าของคนในครอบครัว
โดยพฤติกรรมของผู้บริโภค Gen Z จะใช้ “ข้อมูล” ตัดสินใจเลือกซื้อสินค้า ชอบสืบค้น ชอบเปรียบเทียบ ชอบวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเป็นเหตุเป็นผล และไม่ลังเลที่จะเปลี่ยนใจ หากแบรนด์ใดไม่ตอบโจทย์กับตัวเอง
แต่ที่น่าสนใจคือ จากผลการศึกษาของอินเทจ พบว่าแบรนด์ที่สามารถสร้าง Brand Love กับกลุ่มผู้บริโภค Gen Z ได้นั้น จะมีลักษณะร่วมกันบางอย่าง คือจะต้องสร้างคุณค่า 6 ข้อ ให้กับกลุ่มผู้บริโภค Gen Z ได้ ซึ่งได้แก่
1. Affordability
ความเข้าถึงง่าย ทั้งในด้านราคา และตัวเลือกที่มีให้กับผู้บริโภค
2. Accessibility
ความเข้าถึงง่าย ทั้งในด้านหน้าร้าน ออนไลน์ หรือแอปพลิเคชัน
3. Agile Experience
การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้บริโภค โดยเฉพาะประสบการณ์ออนไลน์ ที่ยังต้องมีความเป็นมนุษย์สูง
4. Affinity
สร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภค โดยเน้นไปที่การสร้างความมีส่วนร่วม เพื่อสร้าง Brand Loyalty
5. Authenticity
มีความน่าเชื่อถือ ให้ความสำคัญกับการสร้าง Trust Mark ซึ่งเป็นความน่าเชื่อถือของแบรนด์ มากกว่าการสร้าง Trade Mark ซึ่งเป็นการสร้างแบรนด์ให้มีชื่อเสียงเพียงอย่างเดียว
6. Accountability มีความรับผิดชอบ
ทั้งมีความรับผิดชอบต่อผู้บริโภค สังคม และสิ่งแวดล้อม ไปพร้อมกับการสร้างผลกำไรจากการทำธุรกิจของแบรนด์
นอกจากนี้ อินเทจ ยังได้แนะนำ แนวทางการตลาดรูปแบบใหม่ ที่เหมาะกับการทำการตลาดในยุคนี้
จากเดิม ที่มีการทำ STP Marketing ซึ่งว่าด้วยเรื่อง Segmentation, Targeting และ Positioning
ไปสู่ SATI Marketing ซึ่งมีองค์ประกอบ ดังนี้
- Segmentation of One
การจัดกลุ่มผู้บริโภค เพราะในโลกของการตลาด แบรนด์ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของทุกคนบนโลกได้
และแบรนด์ควรมองผู้บริโภคว่าเป็นคนคนหนึ่ง มากกว่าการเป็นผู้บริโภค ที่ซื้อสินค้าของแบรนด์เพียงอย่างเดียว
- Authentic Proposition
การสร้างคุณค่าให้ตรงใจผู้บริโภค แต่ต้องไม่ตามใจผู้บริโภค จนลืมจุดยืนของแบรนด์
- Trend Sensing
คอยสังเกตเทรนด์ที่เกิดขึ้นอยู่เสมอ มีความรอบรู้ แต่ต้องรู้ด้วยว่าอะไรขาด อะไรเกิน และต้องไม่ทำตามเทรนด์เพียงเพราะคนอื่นทำ
- Impact
ทำการตลาดที่สร้าง Impact ได้ใจ และเข้าไปอยู่ในใจของผู้คน ให้ได้มากที่สุด
อ้างอิง :
- ข้อมูลจากงาน Gen Z Top Brand Award 2025 โดย BrandBuffet และอินเทจ
- ข้อมูลจากงาน Gen Z Top Brand Award 2025 โดย BrandBuffet และอินเทจ