เถ้าแก่น้อย เปิดตัว “WoW Nut” ถั่วลายเสือคั่ว GI แม่ฮ่องสอน เป็นรายแรก และรายเดียวของประเทศไทย

ถ้าพูดถึงของกินขึ้นชื่อของ อำเภอไชยา หลายคนอาจจะคิดถึง “ไข่เค็มไชยา”

ถ้าพูดถึงของกินขึ้นชื่อของ จังหวัดตรัง หลายคนอาจจะคิดถึง “หมูย่างเมืองตรัง”

ถ้าพูดถึงของกินขึ้นชื่อของ จังหวัดสุรินทร์ หลายคนอาจจะคิดถึง “ข้าวหอมมะลิสุรินทร์”

ไข่เค็มไชยา, หมูย่างเมืองตรัง และข้าวหอมมะลิสุรินทร์ รู้ไหมว่าสินค้าเหล่านี้เรียกว่า “สินค้า GI”

หรือสินค้าประจำท้องถิ่นที่ผ่านการรับรองจากกรมทรัพย์สินทางปัญญาว่ามีคุณภาพ และไม่สามารถหาจากแหล่งอื่นได้ หมายความว่าถ้าเราอยากซื้อของดีเหล่านี้ เราอาจจะต้องเดินทางไปยังสถานที่นั้น ๆ ถึงจะได้ซื้อ

แต่ล่าสุด “เถ้าแก่น้อย” หนึ่งในเจ้าตลาดขนมขบเคี้ยวของไทย เพิ่งทำเซอร์ไพรส์ ด้วยการเอาหนึ่งในสินค้า GI ระดับประเทศอย่าง “ถั่วลายเสือ” ของดีประจำจังหวัดแม่ฮ่องสอน เข้ามาขายใน 7-Eleven ทั่วประเทศ

รายละเอียดเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร ทำไมเถ้าแก่น้อยเอาสินค้า GI มาขายใน 7-Eleven ได้ ?
MarketThink จะสรุปให้ฟัง แบบเข้าใจง่าย ๆ

โดยเถ้าแก่น้อยเพิ่งเปิดตัวแบรนด์ใหม่ชื่อว่า “WoW Nut” เป็นขนม “ถั่วลายเสือคั่ว” สินค้าระดับ GI ของจังหวัดแม่ฮ่องสอน

โดยความพิเศษของ ถั่วลายเสือ WoW Nut ก็คือตัวเม็ดถั่วจะมีขนาดใหญ่ เกรด A และมีลายสีม่วง คล้าย ๆ เสือโคร่ง ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ ถั่วลายเสือ

สำหรับรสชาติ ถั่วลายเสือจะมีความอร่อยหวานมัน และกินเพลินมาก ๆ จนว่ากันว่า คนที่ซื้อถั่วลายเสือที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน จะมีน้อยคนมาก ๆ ที่สามารถเอาถั่วลายเสือออกมาจากจังหวัดได้

นั่นก็เพราะความอร่อยของถั่วลายเสือ จะทำให้หลาย ๆ คนกินเพลิน จนรู้ตัวอีกที ก็กินหมด ก่อนจะออกจากจังหวัดแม่ฮ่องสอนไปแล้วนั่นเอง

โดย WoW Nut ถั่วลายเสือคั่ว ของเถ้าแก่น้อยจะมีหมัดเด็ดคือ ใช้วิธีการคั่วแทนการทอด ทำให้ไม่มีคอเลสเตอรอล

และมีสารต้านอนุมูลอิสระ แถมสารอาหารที่มีประโยชน์ในถั่วก็ยังอยู่ครบ มีวิตามิน, แร่ธาตุ รวมถึง ใยอาหาร ซึ่งเหมาะมาก ๆ กับผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ และกำลังมองหา Healthy Snack

WoW Nut ถั่วลายเสือคั่ว จะมีให้เลือก 2 รสชาติ คือ รสออริจินัล และ รสเกลือชมพู มาพร้อมขนาด 25 กรัม และ 55 กรัม วางขายที่ 7-Eleven, Taokaenoi Land และร้านค้าชั้นนำทั่วประเทศ

นอกจากตัวสินค้าจะน่าสนใจแล้ว.. รู้ไหมว่าเบื้องหลังของ WoW Nut ก็น่าสนใจไม่แพ้กันเลย

เพราะ WoW Nut เกิดจากการที่ คุณต๊อบ-อิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ เจ้าของแบรนด์เถ้าแก่น้อยและทีมงาน

ได้ลงพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน แล้วพบว่ามีพืชเศรษฐกิจที่น่าสนใจก็คือ ถั่วลายเสือ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียน GI ว่า เป็นของดีมีคุณภาพ และมีลักษณะเฉพาะที่ไม่สามารถหาได้จากที่อื่น นอกจากแม่ฮ่องสอน จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา

จัดเป็นสินค้าระดับเดียวกับ ไข่เค็มไชยา, หมูย่างเมืองตรัง และอีกหลาย ๆ อย่าง

แต่ก็น่าเสียดายว่า แม้จะมีพืชเศรษฐกิจระดับสินค้า GI แบบนี้ในจังหวัด แต่คุณภาพชีวิตของเกษตรกรในแม่ฮ่องสอนกลับยังไม่ดี ต้องพบเจอกับความยากจนและขัดสน

คุณต๊อบเลยเกิดความตั้งใจ อยากช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรตรงนี้ให้ดีขึ้น

ผ่านแนวทาง 4 ข้อ ตามหลัก ESG (Environment, Social และ Governance) หรือ การพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ไปพร้อม ๆ กันอย่างยั่งยืน

โดยอาศัยสรรพกำลังของเถ้าแก่น้อย และความร่วมมือของอีกหลาย ๆ หน่วยงานเข้าด้วยกัน เพื่อให้ออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ WoW Nut เริ่มตั้งแต่

1. รับซื้อผลผลิตในราคาที่เป็นธรรม

เถ้าแก่น้อยจะรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรที่ปลูกถั่วลายเสือในราคาที่เป็นธรรม ก่อนเอาผลผลิตเหล่านั้นมาเพิ่มมูลค่า โดยใช้ทีม R&D (Research and Development) ของเถ้าแก่น้อยเอง

โดยเบื้องต้นมีข้อมูลว่าเถ้าแก่น้อยใช้เวลาเป็นปี ๆ กว่าจะพัฒนาสูตร และปรับปรุงกระบวนการผลิตของถั่วลายเสือให้ได้คุณภาพ ก่อนจะออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ WoW Nut

2. สนับสนุนพื้นที่เกษตรกรรม สร้างอาชีพให้คนในชุมชน และเกษตรกรไทย

เถ้าแก่น้อยสนับสนุนให้เกษตรกรปลูกถั่วลายเสือที่มีคุณภาพ ด้วยการขยายพื้นที่เพาะปลูกกว่า 200 ไร่ เพื่อดึงดูดให้มีเกษตรกรสนใจหันมาปลูกถั่วลายเสือกันมากขึ้น

ซึ่งในช่วงแรกก่อนเถ้าแก่น้อยมีไอเดียจะเริ่มทำ WoW Nut ที่แม่ฮ่องสอนมีเกษตรกรที่ปลูกถั่วลายเสือเพียง 88 รายเท่านั้น ก่อนจะเพิ่มขึ้นมาเป็น 207 ราย และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกอย่างต่อเนื่อง

3. ช่วยทำการตลาดให้คนรู้จักถั่วลายเสือมากขึ้น

ผลิตภัณฑ์ WoW Nut ที่ใช้วัตถุดิบตั้งต้นจากเกษตรกรจังหวัดแม่ฮ่องสอน จะถูกเอาไปวางขายที่ 7-Eleven ทุกสาขา หมายความว่าคนทั้งประเทศจะได้มีโอกาสรู้จักถั่วลายเสือเยอะขึ้น ผ่านชั้นวางสินค้าของ 7-Eleven

แถมเถ้าแก่น้อยยังมีแผนนำถั่วลายเสือไปทำตลาดที่ “ประเทศจีน” ตลาดใหญ่ที่คนนิยมกินถั่วกันอยู่แล้วอีกด้วย

4. ร่วมมือกับกรมป่าไม้สร้าง Know-How ให้เกษตรกรทำกินได้ โดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม

เถ้าแก่น้อยได้ร่วมมือกับกรมป่าไม้ในการสร้าง Know-How ให้เกษตรกรจังหวัดแม่ฮ่องสอนได้เรียนรู้วิธีเตรียมการเพาะปลูกแบบใหม่ ๆ แทนการเผากลบ

เช่น “วิธีไถกลบ” เพื่อใช้ซากต่าง ๆ มาทำเป็นปุ๋ย ซึ่งเป็นวิธีที่ช่วยลดอัตราการเผากลบ ที่เป็นต้นเหตุของปัญหาสภาพอากาศได้อย่างน่าสนใจเลย

อ่านถึงตรงนี้ หลายคนน่าจะเห็นภาพคร่าว ๆ แล้วว่า เบื้องหลังของถั่วลายเสือ WoW Nut ไม่ใช่แค่ผลิตภัณฑ์ที่ทำมาแค่เพื่อขายเฉย ๆ ในเชิงธุรกิจ

แต่ยังเต็มไปด้วยเรื่องราวและโอกาสของเกษตรกรในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่จะได้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

นอกจากนี้แล้ว.. ความพิเศษของ WoW Nut ที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ จะได้ตรา GI แบบพิเศษจากทางกรมทรัพย์สินทางปัญญาด้วย

โดยความแตกต่างของตราสัญลักษณ์ GI ทั่วไป กับตราสัญลักษณ์ GI บนผลิตภัณฑ์ WoW Nut ก็คือ
ปกติแล้ว สินค้าที่ได้ตราสัญลักษณ์ GI จะต้องเพาะปลูกและมีกระบวนการผลิตในพื้นที่เท่านั้น

แต่สัญลักษณ์ GI บนผลิตภัณฑ์ WoW Nut ถั่วลายเสือคั่ว ทางกรมทรัพย์สินทางปัญญาได้ออกแบบพิเศษขึ้นมาใหม่เป็นพิเศษ

เพื่อแสดงให้เห็นว่า WoW Nut ถั่วลายเสือคั่ว เป็นผลิตภัณฑ์ ที่นำวัตถุดิบไปผลิตยังโรงงานที่ได้มาตรฐานนอกพื้นที่ได้ ทำให้ WoW Nut เป็นเจ้าแรกและเจ้าเดียวในประเทศไทย ที่ใช้ตรา GI แบบนี้

เมื่อเห็นตรา GI นี้ ผู้บริโภคจะมั่นใจได้ว่า ถั่วลายเสือคั่วทุกเม็ดเป็นสินค้ามีคุณภาพ มาจากบ้านน้ำบ่อสะเป่ อำเภอปางมะผ้า 1 ใน 4 อำเภอของจังหวัดแม่ฮ่องสอนที่ขึ้นทะเบียนของ GI อย่างถูกต้องนั่นเอง

สุดท้ายนี้ทางเถ้าแก่น้อยตั้งเป้าไว้ว่า WoW Nut จะทำรายได้ประมาณ 70 - 100 ล้านบาท
โดยในอนาคตมีแผนจะขยายตลาดไปยังต่างประเทศ ที่เถ้าแก่น้อยมีฐานเดิมอยู่แล้ว

คือภูมิภาคอาเซียน และประเทศจีน ซึ่งถือเป็นตลาดใหญ่และมีกลุ่มลูกค้าที่นิยมกินถั่วกันอยู่แล้ว..

และสำหรับใครที่อยากลองชิม WoW Nut ถั่วลายเสือคั่ว จากแม่ฮ่องสอนแท้ ๆก็สามารถหาที่ร้าน 7-Eleven ทุกสาขา, Taokaenoi Land และร้านค้าของทางจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้แล้วตอนนี้
และในเดือนมิถุนายนที่ซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำทั่วประเทศ

ใครที่อยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมก็ติดตามข่าวสารของ WoW Nut ได้ที่เฟซบุ๊ก Wow by Taokaenoi..

#WoWNut
#ถั่วลายเสือWoWNut
#WoWNutbyTaokaenoi
#WoWbyTaokaenoi
#อร่อยจนร้องว้าว