วิเคราะห์ก้าวใหม่ ของ MK GROUP รุกตลาดต่างประเทศ ผ่านมุมมองการตลาด
24 ก.ค. 2024
MK อาณาจักรสุกี้ที่คนไทยคุ้นเคย วันนี้กำลังจะสร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่
ด้วยการสยายปีกต่อยอดเป็นมากกว่าธุรกิจเครือร้านอาหารในประเทศไทย
ก้าวสู่การเป็นผู้นำโซลูชันด้านอาหารครบวงจร (All Food Supply Chain Solutions) เพื่อ “เติมเต็มความสุขให้ทุกครอบครัว”
ด้วยการสยายปีกต่อยอดเป็นมากกว่าธุรกิจเครือร้านอาหารในประเทศไทย
ก้าวสู่การเป็นผู้นำโซลูชันด้านอาหารครบวงจร (All Food Supply Chain Solutions) เพื่อ “เติมเต็มความสุขให้ทุกครอบครัว”
โดยหนึ่งในเป้าหมายการขยายธุรกิจของ MK ที่น่าสนใจ คือ การขยายตลาดสู่ต่างประเทศ นำร่องด้วยการเปิดรับคู่ค้าธุรกิจแฟรนไชส์แบรนด์ร้านอาหารในเครือ เสริมความแข็งแรงด้วยบริการโลจิสติกส์ และรุกตลาดอื่น ๆ ด้วยสินค้ารีเทลภายในเครือ
แล้วทำไม MK ถึงไม่ขยายตลาดไปต่างประเทศเอง ?
แล้ว MK มีศักยภาพอะไรที่จะมาตอบโจทย์พาร์ตเนอร์ทางธุรกิจ ?
โอกาสในตลาดอื่นของ MK ยังมีอะไรให้ขยายไปได้อีก ?
แล้ว MK มีศักยภาพอะไรที่จะมาตอบโจทย์พาร์ตเนอร์ทางธุรกิจ ?
โอกาสในตลาดอื่นของ MK ยังมีอะไรให้ขยายไปได้อีก ?
ไปหาคำตอบกันเลย
ด้วยวิสัยทัศน์ของ MK ที่ต้องการ “เติมเต็มความสุขให้ทุกครอบครัว” (Nourish Happiness in Every Family) การขยาย International Franchise ของ MK Group จึงเป็นการต่อยอดโอกาสทางธุรกิจจากควาสำเร็จเดิมในธุรกิจเชนร้านอาหาร ด้วยการไปแสวงหาโอกาสในน่านน้ำใหม่ ๆ
โดยการหาพาร์ตเนอร์ที่มีความชำนาญมาช่วยกันติดปีกธุรกิจ ซึ่งถือว่าตอบโจทย์โลกธุรกิจยุคนี้ ที่โตเพียงลำพังอาจจะไปได้ไม่ไกลเท่ากับการมีพาร์ตเนอร์ที่ใช่
แม้ MK Group จะมีแบรนด์ร้านอาหารในพอร์ตโฟลิโอมากมาย แต่เหตุผลที่ต้องเป็น MK Restaurants และ แหลมเจริญซีฟู้ด เพราะ MK เป็นแบรนด์สุกี้ อันดับ 1 ที่อยู่คู่คนไทยมากว่า 38 ปี ปัจจุบันมีสาขาร่วม 500 สาขาทั่วประเทศไทยและในญี่ปุ่น, เวียดนาม และลาว มียอดขายกว่า 363,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ มีลูกค้ามากกว่า 3,000,000 คนต่อปี ใช้บริการอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่แหลมเจริญซีฟู้ด เป็นร้านอาหารไทยซีฟู้ด อันดับ 1 ที่อยู่คู่คนไทยมากกว่า 44 ปี เริ่มจากร้านอาหารทะเลเล็ก ๆ ที่ปากน้ำจังหวัดระยอง ปัจจุบันมีสาขามากกว่า 45 สาขาในประเทศไทย และอีก 3 สาขาในประเทศมาเลเซีย ยอดขาย 32,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ
ด้วยจุดแข็งของทั้งสองธุรกิจ ทำให้เหมาะสมกับการเป็นเรือธง ที่จะดึงดูดพาร์ตเนอร์ ที่มองหาโอกาสในการสร้างธุรกิจร้านอาหารไทยในต่างประเทศ
อีกหนึ่งจุดแข็งที่ทำให้ MK และ แหลมเจริญซีฟู้ด เป็นแบรนด์แม่เหล็กที่น่าสนใจ คือหลังบ้านที่แข็งแกร่ง ด้วยระบบการจัดการที่มีมาตรฐานระดับโลก ตั้งแต่การจัดซื้อและจัดหาวัตถุดิบ การผลิตอาหารและโลจิสติกส์ที่ทันสมัย ความสามารถในการหาพื้นที่ ออกแบบและก่อสร้างร้าน รวมไปถึงการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในแต่ละพื้นที่ การอบรมบุคลากร การบริหารจัดการร้านสาขาที่มีประสิทธิภาพ และระบบประกันคุณภาพ ให้แบรนด์มีมาตรฐานสูงอย่างยั่งยืน
แน่นอนว่า เมื่อจิกซอว์นี้จาก MK Group จะเติมเต็มด้วยความชำนาญจากพาร์ตเนอร์ที่แข็งแกร่งในการทำการตลาดในแต่ละประเทศไทย ด้วยมุมมองอินไซต์ของลูกค้า และมีโลเคชันที่ดีในการเปิดสาขา ผนึกกันจะทำให้การทำธุรกิจกลายเป็นภาพใหญ่ที่สมบูรณ์
อีกหนึ่งไพ่ใบสำคัญ ที่จะมาเติมเต็มให้โมเดลแฟรนไชส์ต่างประเทศของ MK Group สมบูรณ์แบบและครอบคลุมมากขึ้น คือ ธุรกิจ M-Senko Logistics ผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์แบบ One Stop Services สำหรับธุรกิจทุกประเภท รองรับสินค้าทั้ง Food และ Non-Food
นอกจากจัดส่งสินค้าได้ทุกประเภทได้ทั่วไทย ยังรองรับการทำ Forwarding การนำเข้าและส่งออกสินค้าที่ครบทุกความต้องการพร้อมระบบติดตามการขนส่งแบบเรียลไทม์ตามมาตรฐานสากล ให้บริการขนส่งทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ ครอบคลุมพื้นที่ทั้งในเอเชีย ยุโรป และสหรัฐอเมริกา ซึ่งมาตรฐานและเป็นการหลอมรวมความเชี่ยวชาญของ MK Group ที่มีประสบการณ์อย่างยาวนานในธุรกิจอาหาร กับ Senko Group Holdings ผู้นำด้านโลจิสติกส์ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีจุดแข็งและองค์ความรู้เกี่ยวกับบริการโลจิสติกส์แบบห้องเย็น เพื่อส่งสินค้ามายาวนานกว่า 100 ปี
นอกจากจะขยายโมเดลธุรกิจร้านอาหารในต่างประเทศ อีกหนึ่งธุรกิจใหม่ในเครือ MK Group คือสินค้ารีเทลภายใต้หลาย ๆ แบรนด์ในเครือ อาทิเช่น น้ำจิ้มสุกี้เอ็มเค แบบขวด สินค้าทางเลือกเพื่อสุขภาพของคนไทย แบรนด์ เอ็มเค เวลเนส (MK Wellness) ที่ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าโดย Mark One Innovation Center โดยพัฒนาสินค้าบนแนวคิดเพื่อสุขภาพที่ดีของคนไทยและทุกคน
นำทัพด้วย น้ำจิ้มสุกี้ MK แบบขวด น้ำจิ้มไทยต้นตำรับยอดนิยมของ MK Restaurants ชูจุดเด่น ไม่ใส่ผงชูรส สี และสารกันเสีย เก็บได้นาน 1 ปีหากยังไม่เปิดขวด เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคได้รับประทานน้ำจิ้ม MK นอกร้านกับมื้ออร่อยที่หลากหลาย อร่อยได้ทุกที่ เติมสุขได้ทุกเวลา หรือเป็นเครื่องปรุงประกอบอาหารมื้อสำคัญ
หลังเปิดตัวได้จัดจำหน่ายที่ร้าน MK ทุกสาขาและร้านสะดวกซื้อทั่วประเทศไทย พร้อมส่งออกไปเกาหลี อังกฤษ แคนาดา และสหรัฐอเมริกา พร้อมตั้งเป้าขยายการเติบโตส่งออกในหลายประเทศทั่วโลก และมุ่งเจาะกลุ่มธุรกิจ HORECA เพื่อผลักดันน้ำจิ้มต้นตำรับของไทยไปสู่ครัวโลก
สำหรับสินค้าแบรนด์ MK Wellness คือ ชูมาตรฐานการผลิตโดยศูนย์นวัตกรรม ซึ่งวิจัยค้นคว้าร่วมกับหน่วยงานและสถาบันชั้นนำระดับนานาชาติ เช่นมหาวิทยาลัยขอนแก่น, มหาวิทยาลัยเทนเนสซี สหรัฐอเมริกา, สถาบันวิทยาศาสตร์สุขภาพและการกีฬาของมหาวิทยาลัยสึคุบะ ประเทศญี่ปุ่น
อีกทั้งยังเน้นสนับสนุนเกษตรกรไทย เห็นได้จากงานวิจัยที่เริ่มต้นจากการนำผลมัลเบอร์รีมาศึกษา เพราะเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่ขายไม่ได้ราคา และมีปริมาณล้นตลาด จนสามารถนำสารสกัดที่มีประโยชน์มาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่มแบรนด์ MK Wellness
ซึ่งนอกจากจะช่วยเหลือกลุ่มเกษตรกรให้มีรายได้เพิ่มขึ้น ยังสร้างความยั่งยืนของชุมชนไปพร้อมกัน
ที่สำคัญ Mark One Innovation Center ยังคงมุ่งมั่นวิจัยและพัฒนาสินค้าเพื่อสุขภาพอย่างต่อเนื่อง จนมีสินค้าเพื่อสุขภาพที่หลากหลายรวมกว่า 30 รายการ
ที่สำคัญ Mark One Innovation Center ยังคงมุ่งมั่นวิจัยและพัฒนาสินค้าเพื่อสุขภาพอย่างต่อเนื่อง จนมีสินค้าเพื่อสุขภาพที่หลากหลายรวมกว่า 30 รายการ
อาทิ นมยูเอชทีและนมอัดเม็ด Memberry, ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Memplus และ Fiber Plus, เอ็มเค วิตามิน กัมมี่, ผักกรอบเอ็มเคพร้อมทาน เป็นต้น
ปัจจุบันไม่เพียงวางจำหน่ายที่ร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เก็ต และห้างสรรพสินค้าชั้นนำ แต่ยังส่งออกไปยังต่างประเทศ
เรียกได้ว่า เป็นอีกหนึ่งธุรกิจของ MK Group ที่ไม่เพียงเติบโตล้อไปกับเทรนด์รักสุขภาพ แต่ยังสามารถต่อจิกซอว์ธุรกิจ MK Group ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการตีตลาดต่างประเทศ
Tag:MK Group