สรุป Use Case ใช้งานจริง GPT-4o AI ที่เข้าใกล้อารมณ์มนุษย์มาก

เมื่อไม่นานมานี้ OpenAI เพิ่งเปิดตัว “GPT-4o” ที่มีความฉลาดขึ้นและเร็วกว่า ChatGPT-4 เป็น 2 เท่า

โดย GPT-4o เป็น AI ตัวอัปเกรดล่าสุดจาก OpenAI เจ้าของ GPT ซึ่ง o มาจากคำว่า omni ที่สื่อถึงความหลากหลายกว่าเดิม ครบกว่าเดิม

แต่หากพูดถึงเรื่องความเร็วว่าสุดยอดแล้ว

GPT-4o มีเรื่องที่น่าเซอร์ไพรซ์ยิ่งกว่า คือเรื่องของ การแสดงอารมณ์

แล้วจากตัวอย่างวิดีโอเปิดตัว ที่เพิ่งจบไปนั้นมีความสามารถอะไรที่น่าสนใจบ้าง

MarketThink สรุปออกมาให้เข้าใจง่าย ๆ ใน 4 ข้อ

1. ป้อนข้อมูลได้ทั้ง “ข้อความ ภาพ เสียง”

ผู้ใช้งานสามารถป้อนข้อมูลผ่านสื่อทั้ง 3 รูปแบบ ซึ่ง GPT-4o จะนำสื่อที่เราป้อนเข้าไป มาใช้ในการตอบคำถามที่ต้องการ

ยกตัวอย่างจากในคลิป เช่น เราเอารูปถ่ายหน้าเพื่อนของเราโยนไปให้ GPT-4o และถามว่า

“หน้าตาเพื่อนคนนี้ กำลังรู้สึกอะไร”

สิ่งที่ GPT-4o สามารถสรุปออกมาได้ประมาณว่า หน้าตาของเขาดูมีความสุขเพราะมีรอยยิ้ม

โดยประโยคที่ตอบมานั้น จะให้ความรู้สึกเหมือนเราคุยกับเพื่อนอีกคนหนึ่ง ด้วยภาษาเป็นกันเอง

2. เป็นผู้ฟังที่ดี เป็นเพื่อนคลายเหงาให้เราได้

เช่น เมื่อเราถามคำถามไป และ GPT-4o ยังอยู่ในช่วงตอบคำถามก่อนหน้าของเราอยู่ 

แต่เราดันถามเข้าไประหว่างที่ GPT-4o กำลังตอบคำถามเราอยู่ GPT-4o จะหยุดเพื่อฟังเรา และปรับปรุงคำตอบต่อไปทันที

เรียกว่าหากเราต้องการบ่นปัญหาชีวิต หรือต้องการผู้ช่วยแก้ปัญหาชีวิต เจ้า GPT-4o ก็สามารถเป็น “เพื่อนแก้เหงา” หรือคนที่คอยรับฟัง ได้อย่างดีได้อีกช่องทางหนึ่ง

3. กล้องสมาร์ตโฟน คือตาของ GPT-4o

กล้องสมาร์ตโฟนในเวลาปกติ คือ ทำหน้าที่บันทึกรูปภาพ แต่เมื่อทำงานบน GPT-4o จะกลายเป็นดวงตาของ AI ทันที

ยกตัวอย่างเช่น เราสามารถเขียนโจทย์คณิตศาสตร์และให้ GPT-4o คำนวณได้ เพียงแค่ถ่ายภาพ หรือเอสรูปโจทย์คณิตศาสตร์ให้ดู

หรือให้ GPT-4o สรุปเนื้อหา เกี่ยวกับรูปกราฟที่เราถ่ายแล้วป้อนเข้าไปได้

4. ฟีเชอร์ล่ามแปลภาษา ไปกับเราทุกที่

จากตัวอย่างในคลิปเปิดตัว คือหากเราเป็นคนจีน และเรามีเพื่อนเป็นคนไทย เราสามารถสั่ง GPT-4o ได้ว่า แปลภาษาจากจีนเป็นไทย และไทยเป็นจีน

ซึ่ง GPT-4o ก็สามารถแปลภาษาได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ไม่ว่าจะสั่งเป็นคำพูด หรือพิมพ์ป้อนเข้าไป

โดยรวมคือ GPT-4o ณ ตอนนี้ ทำให้เรารู้สึกว่า สมาร์ตโฟนมันไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่คือเพื่อนอีกคนหนึ่งที่พร้อมแก้ปัญหาให้เราอยู่เสมอ

ไม่ว่าจะเป็นด้านการตอบคำถาม ความสามารถในการตอบโต้ที่รวดเร็ว การใส่อารมณ์กับน้ำเสียง พร้อมกับประโยคสนทนาแบบภาษาพูด

ซึ่งฟีเชอร์หรือความสามารถที่กล่าวไปข้างต้น ก็เป็นเพียงการใช้งานเบื้องต้นเท่านั้น

แต่ GPT-4o จะยิ่งเก่งขึ้นอีก ถ้าคนป้อนคำสั่ง รู้ว่าต้องคุยกับ GPT อย่างไร ให้มันตอบได้ดีที่สุด..