วิเคราะห์กลยุทธ์ SangSom MOONLAB ตอกย้ำการเป็นแบรนด์เพื่องานอาร์ต ผ่าน Art Space ที่ “ทำถึง” จนโดนคนรุ่นใหม่เต็ม ๆ - MarketThink

กลับมาอีกครั้งแบบที่เรียกได้ว่า สมมง สมฐานะ ของแสงโสม

กับงานที่เพิ่งจบลงได้ไม่นานอย่าง SangSom MOONLAB งานอาร์ตแลนด์มาร์กสุดยิ่งใหญ่แห่งปี ที่บรรดาสายอาร์ตและสายปาร์ตี้ต่างเฝ้ารอ ตอบรับเทรนด์ที่คนเมืองต้องการ Art Space จนขายบัตรหมดเกลี้ยงภายในไม่กี่วัน

ถึงแม้ว่างานนี้จะจบลงไปแล้ว แต่เชื่อว่า ความประทับใจ ความอลังการ ยังคงตราตรึงอยู่ในใจของใครหลาย ๆ คน จนเฝ้ารอให้แสงโสมกลับมามอบประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้อีกครั้ง

วันนี้ MarketThink เลยอยากชวนทุกคนมารีแคปว่า งาน SangSom MOONLAB น่าประทับใจขนาดไหน ? แล้วทำไม แสงโสม ต้องสนับสนุนงานอาร์ต ?

เชื่อว่าหลาย ๆ คนอาจจะไม่เคยรู้มาก่อนว่า แสงโสม มีความหมายว่า “แสงจันทร์” จะเห็นได้ว่า งานอาร์ตในทุก ๆ ครั้งของแสงโสม จะมีพระจันทร์ดวงกลม ๆ สีขาวอมเหลืองสว่างสดใส เป็นองค์ประกอบในการสร้าง Experience ใหม่ ๆ เสมอ

ซึ่งการนำดวงจันทร์มาเป็นองค์ประกอบ ย่อมทำให้หลาย ๆ คนเกิดการรับรู้ และภาพจำ อธิบายง่าย ๆ ได้ว่า เมื่อไรที่หลายคนเห็นดวงจันทร์ ก็จะนึกถึงแบรนด์แสงโสมควบคู่กันมาด้วย

ในทางการตลาด การที่ลูกค้าจดจำ และระลึกถึงแบรนด์ได้ เรียกว่า “Brand Recall”
ซึ่งเมื่ออยู่ในจุดนี้แล้ว ก็ไม่ยากที่ในอนาคต แสงโสม จะขึ้นเป็น Top of Mind หรือแบรนด์ในดวงใจของใครหลาย ๆ คน

แถมการจัดงานอาร์ต ยังสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แบรนด์ ยกระดับให้มีความพรีเมียม
และยิ่งจัดงานแบบที่เรียกว่า “ทำถึง” ก็ยิ่งทำให้แบรนด์สามารถเข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้มากขึ้น

ซึ่งการกลับมาในคราวนี้ แสงโสมก็ยังไม่พลาด..
จัดงานอาร์ตแลนด์มาร์กสุดยิ่งใหญ่แห่งปี กับ SangSom MOONLAB ที่มาในคอนเซปต์ “Escape to the Moon” มิติลี้รัก.. ที่จะพาคุณหนีรักไปพักบนดวงจันทร์

โดยนำ Immersive Art กับดนตรีมาเจอกัน บนโลเคชันที่อาร์ตที่สุดของชาวกรุง อย่าง River City Bangkok

ซึ่งไฮไลต์ที่น่าสนใจสุด ๆ ของงานนี้ ที่ใครมาก็ต้องห้ามพลาด คือ “แลนด์มาร์กดวงจันทร์สุดอาร์ต” ตั้งตระหง่านบน Rooftop ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนของงาน ก็เห็นและถ่ายรูปได้สวยทุกมุม

ที่น่าสนใจ ดวงจันทร์ดวงนี้สามารถเดินเข้าไปได้ ซึ่งข้างในจะเป็น Immersive Art ที่มีงานศิลปะฉายโอบล้อมรอบตัวเรา ให้ความรู้สึกราวกับหลุดไปอีกมิติ

งานนี้ยังมี Live Band ให้ทุกคนได้จอยกับวงดนตรีตัวท็อปแบบสนุกสุดเหวี่ยง 10 วัน 10 คืน

รวมถึงโซน Silent Disco ที่เรียกได้ว่า เป็นครั้งแรกกับประสบการณ์งานดิสโก้แบบไร้เสียง ที่จะให้ทุกคนใส่หูฟัง แล้วสนุกกับดนตรีจาก DJ ได้แบบส่วนตัว

โซนนี้จึงเป็นโซนที่ถูกใจความ Individual ของคนสมัยนี้แบบสุด ๆ..

สุดท้าย SangSom MOONLAB ยังมอบประสบการณ์ด้านแสงแบบใหม่แบบล้ำ อย่าง Moon Walk, Moon Warp และ Moon Bar ร่วมกับ Immersive Art ที่หันกล้องไปทางไหน ก็สวยอาร์ตทุกมุม

และแน่นอนว่า เมื่อ Sustainability คือเรื่องสำคัญสำหรับคนรุ่นนี้ แสงโสมจึงตอกย้ำการเป็นแบรนด์เพื่อสิ่งแวดล้อม จัดกิจกรรมรักษ์โลก แต่ไม่ฝืนธรรมชาติของสายปาร์ตี้

ซึ่งที่ผ่านมา แสงโสม ก็เคยจัดกิจกรรมหรือแคมเปญรักษ์โลกมาแล้วหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็น แคมเปญดื่มไม่เขี่ย : DRINK DON’T DUMP หรือ Moonlight Lounge บาร์ที่มอบชีวิตให้ขวดแก้วกว่า 11,000 ใบ

สำหรับ SangSom MOONLAB กับการรักษ์โลกในครั้งนี้ เริ่มตั้งแต่การเข้างานแบบ Paperless ที่ใช้วิธีแสตมป์บนแขน แทนการรับริสต์แบนด์ และใครที่นำแก้วหรือ Bucket มาจากบ้าน เพื่อลดการใช้พลาสติก ก็รับเครื่องดื่มไปแบบฟรี ๆ

ทั้งหมดนี้ ถ้าให้วิเคราะห์ในมุม MarketThink ว่า ทำไม แสงโสม ถึงเลือกจัดงานอาร์ตแลนด์มาร์ก SangSom MOONLAB และสนับสนุนงานอาร์ตอื่น ๆ อีกมากมาย ?

หลัก ๆ ก็เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นของ แสงโสม ที่อยากทำให้ศิลปะ เป็นเรื่องที่ทุกคนเข้าถึงได้
เรื่องนี้ต้องย้อนกลับไปถึงจุดเริ่มต้นของ แสงโสม ที่มีความเชื่อว่า คนไทยมีความสามารถ มีความคิดสร้างสรรค์ มีฝีมือในงานอาร์ต งานศิลปะ แต่กลับไม่ค่อยเป็นที่สนใจ

ทำให้แสงโสมอยากสนับสนุนในด้านนี้ เพราะเชื่อว่า คนไทยตั้งใจทำอะไร ไม่แพ้ชาติใดในโลก..

สุดท้ายนี้ นอกจากกลยุทธ์ต่าง ๆ ต้องยอมรับว่า SangSom MOONLAB จัดออกมาแบบ “ทำถึง” ทำให้โดนใจกลุ่มคนรุ่นใหม่แบบเต็ม ๆ

จึงคงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจว่า ทำไมใคร ๆ ถึงนิยามว่า “แสงที่ดี คือ แสงโสม”

สำหรับใครที่พลาดงาน SangSom MOONLAB ในปีนี้ไป บอกเลยว่า ให้จับตารอปีหน้า แสงโสมจะกลับมาพร้อมดวงจันทร์และประสบการณ์ล้ำ ๆ อะไรบ้าง คงต้องมาลุ้นกัน