ตอนนี้ “น้ำมัน” ไม่ได้แค่กำลังล้นตลาด แต่กำลังจะล้นคลังเก็บแล้ว

ในปัจจุบัน ความต้องการน้ำมันตกต่ำลงอย่างมาก
เนื่องจากธุรกิจการบินและขนส่ง ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมหลักที่ใช้น้ำมัน
มีกิจกรรมทางธุรกิจลดลง โดยบางรายอาจถึงขั้นต้องหยุดบิน เพราะไม่มีผู้โดยสาร

รวมไปถึงอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่มีความต้องการใช้น้ำมันลดลง จากภาวะเศรษฐกิจถดถอย
เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรค COVID-19

เมื่อความต้องการใช้น้ำมันลดลง ราคาน้ำมันในตลาดก็จะมีแนวโน้มลดลงเช่นกัน

แต่โดยปกติ ถ้าราคาน้ำมันลดลง ผู้ผลิตน้ำมันจะหันมาลดกำลังการผลิตน้ำมันลง
เพื่อพยุงไม่ให้ราคาน้ำมันร่วงลงจนเกินไป

แต่.. สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ มันกลับตรงกันข้ามกัน

พอชาติผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ อย่างซาอุดีอาระเบีย และรัสเซีย ทำสงครามน้ำมันกัน
ไม่ลดกำลังการผลิตไม่พอ ซาอุดีอาระเบียยังเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันขึ้นอีก
โดยตอนนี้สูงถึง 13 ล้านบาร์เรลต่อวัน..

ซึ่งความไม่สอดคล้องกันระหว่างอุปสงค์และอุปทานอย่างสุดขั้วนี้เอง
นอกจากทำให้ราคาน้ำมันโลกร่วงอย่างหนักแล้ว
ยังได้สร้างปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
นั่นคือ “น้ำมัน” กำลังไม่มีที่เก็บในคลัง..

ทั้งราคาน้ำมันที่ตกต่ำ
บวกกับต้องแบกรับต้นทุนค่าเก็บรักษา หรือสร้างโกดังเก็บสินค้าเพิ่ม
นี้ก็นับเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ของธุรกิจน้ำมัน

ซึ่งทางเดียวที่จะป้องกันปัญหานี้คือ ชาติผู้ผลิตน้ำมันจะต้องชะลอ
หรือถึงขั้นยุติการผลิตลงก่อน ที่น้ำมันจะล้นคลังภายใน 3 เดือน

และตัวอย่างของเรื่องนี้คือ
ตอนนี้ปากีสถานได้ระงับการนำเข้าน้ำมันดิบ เข้ามาในประเทศแล้ว
เนื่องจากคลังน้ำมันในประเทศเต็ม ไม่มีเก็บ

วันนี้ความต้องการน้ำมันทั่วโลกหายไปอย่างมาก
เพราะผู้คนกว่า 3 พันล้านคนทั่วโลก ต้องกักตัวอยู่ในบ้าน

จนราคาน้ำมันดิบอยู่ที่ประมาณ 20 ล้านบาร์เรลต่อวัน
และคาดว่าน้ำมันดิบจะมีอุปทานส่วนเกินสูงถึง 12.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในไตรมาสที่สองของปีนี้

ท้ายที่สุดแล้ว
ก็หวังว่าเราจะได้เห็นเครื่องบินได้กลับไปโลดแล่นบนท้องฟ้า
เห็นคนทั่วโลกได้เดินทางท่องเที่ยวกันอย่างมีความสุขอีกครั้ง
และหวังว่าเราคงจะไม่ได้เห็นน้ำมันล้นสต๊อก จนไม่มีที่เก็บจริงๆ จนเป็นเรื่องชินตา..

อ้างอิง: https://www.marketwatch.com/…/the-world-is-running-out-of-t…