ทำไม คาเฟ่ อเมซอน ถึงเชื่อว่า กาแฟที่ดี ต้องแฟร์กับคนทั้งโลก ?
25 ก.ค. 2023
การสร้างแบรนด์ในยุค 2023 แค่สินค้าดี มีคุณภาพ รวมถึงความจริงใจที่มีให้กับผู้บริโภค อาจจะไม่เพียงพออีกต่อไป
เพราะ “ความเท่าเทียม” และ “ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม” เป็นสิ่งที่คน Gen Z ที่จะเติบโตไปพร้อมกับแบรนด์ มีความกังวล และคาดหวังให้แบรนด์ ตระหนักถึงสิ่งเหล่านี้เช่นกัน
โดยกลุ่ม Gen Z (ผู้ที่มีอายุระหว่าง 13-23 ปี) มีจำนวนมากถึง 1 ใน 3 ของประชากรโลกกว่า 7,000 ล้านคน
ในขณะที่ประเทศไทย มีประชากรกลุ่มนี้อยู่ประมาณ 30%
ในขณะที่ประเทศไทย มีประชากรกลุ่มนี้อยู่ประมาณ 30%
นอกจากนั้น Wunderman Thompson Intelligence ได้ทำการศึกษาผู้บริโภคกลุ่ม Gen Z ใน 9 ประเทศ ได้แก่ จีน, ฮ่องกง, อินโดนีเซีย, ญี่ปุ่น, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, ไต้หวัน, เวียดนาม และไทย จากจำนวนกลุ่มตัวอย่าง 4,500 คน (500 คน คือจำนวนกลุ่มตัวอย่างของประเทศไทย) ที่มีอายุระหว่าง 13-23 ปี แล้วพบว่า
- 43% ของคน Gen Z ในประเทศไทย มีความกังวลเรื่องของ “มลพิษและสิ่งแวดล้อม”
- 33% กังวลเรื่องของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
- 33% กังวลเรื่องของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
จากตัวเลขดังกล่าว สะท้อนให้เห็นว่า คน Gen Z มีความกังวลเรื่อง สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และพวกเขาต้องการเห็นโลกดีขึ้น
ซึ่งในมุมของแบรนด์ ถือเป็นความท้าทาย ว่าจะทำอย่างไร ให้ผู้บริโภคทุกเจเนอเรชัน รวมถึงคน Gen Z เห็นว่าแบรนด์ของเรายืนหยัดเพื่ออะไร ?
จึงเป็นที่มาของแนวคิดของงานโฆษณาในแคมเปญ “กาแฟที่แฟร์กับคนทั้งโลก”
เพราะคาเฟ่ อเมซอน เชื่อว่า การทำธุรกิจที่ยึดแนวคิด SDG (Small People, Diversified Business, Green) ในแบบฉบับของ โออาร์ จะส่งผลเชิงบวกกับทุก ๆ คน ที่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับแบรนด์ ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ซึ่งจะเกิดเป็นความยั่งยืน และการส่งต่อสิ่งดี ๆ ต่อไปแบบไม่รู้จบ
รวมถึงเชื่อว่า “คุณค่า” คือสิ่งที่มีอยู่ในตัวเราทุกคน และ “โอกาส” คือสิ่งที่ทุกคนสมควรได้รับอย่างเท่าเทียม
ดังนั้น การดำเนินธุรกิจของคาเฟ่ อเมซอน จึงเน้นไปที่การให้ความสำคัญกับ “คุณค่าของผู้คน” ผ่านการสร้างโอกาส สร้างงาน สร้างอาชีพ และการให้ความรู้ เพื่อเพิ่มคุณค่าแก่ผู้คน รวมทั้งเพิ่มมูลค่าของผลผลิต
ประกอบกับการดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิด Circular Economy ที่จะต้องทำธุรกิจอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในทุกกระบวนการการผลิตกาแฟ ตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ
แล้ว กาแฟที่แฟร์กับคนทั้งโลก ในมุมของ คาเฟ่ อเมซอน เป็นอย่างไร ?
สิ่งที่ถูกถ่ายทอดมาอยู่ในงานโฆษณาทั้งหมด ทั้งโฆษณาออนไลน์ที่เป็นภาพยนตร์โฆษณาและภาพ คือ “ความจริง” ที่แบรนด์คาเฟ่ อเมซอน ทำจริง
หากได้เห็นภาพโฆษณาที่เป็นแก้วกาแฟ Bio Cup ที่ย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติของคาเฟ่ อเมซอน ผ่านตา ก็จะได้เห็นถึงความกล้าในการนำความจริงที่แบรนด์ทำ มาเล่า ในแบบที่ไม่ห่วงเรื่องความสวยงาม
และสิ่งเหล่านี้ได้ถูกหลอมรวมเข้าไปในการดำเนินธุรกิจ ที่กลายเป็นตัวตนของแบรนด์คาเฟ่ อเมซอน ในทุกวันนี้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นความเชื่อที่ว่า กาแฟที่ดี จะต้องแฟร์กับทุกชีวิตบนโลกนี้
โดยความแฟร์ที่ว่านี้ ครอบคลุมไปถึง 3 เรื่องด้วยกัน คือ
1) แฟร์กับธรรมชาติ
เพราะแก้ว Bio Cup ของคาเฟ่ อเมซอน ที่ย่อยสลายได้เอง
ตามธรรมชาติ ช่วยลดขยะได้มากกว่า 278 ตันต่อปี
เพราะแก้ว Bio Cup ของคาเฟ่ อเมซอน ที่ย่อยสลายได้เอง
ตามธรรมชาติ ช่วยลดขยะได้มากกว่า 278 ตันต่อปี
2) แฟร์กับโลกใบนี้
เพราะเสื้อบาริสต้าของคาเฟ่ อเมซอน ที่ผลิตจากขวดพลาสติกใช้แล้ว
ช่วยลดขยะมากกว่า 2.2 ตันต่อปี
เพราะเสื้อบาริสต้าของคาเฟ่ อเมซอน ที่ผลิตจากขวดพลาสติกใช้แล้ว
ช่วยลดขยะมากกว่า 2.2 ตันต่อปี
3) แฟร์กับทุกคน
เพราะคาเฟ่ อเมซอน สร้างอาชีพให้บาริสต้าผู้พิการทางการได้ยิน ผู้สูงอายุ
และผู้ขาดโอกาสมากกว่า 180 ชีวิต
เพราะคาเฟ่ อเมซอน สร้างอาชีพให้บาริสต้าผู้พิการทางการได้ยิน ผู้สูงอายุ
และผู้ขาดโอกาสมากกว่า 180 ชีวิต
จะเห็นว่า ทั้งหมดที่ คาเฟ่ อเมซอน ทำ สิ่งสำคัญ ไม่ใช่กำไรที่เกิดจากการดำเนินธุรกิจ แต่คือการนำกำไรนั้นมาต่อยอดและเพิ่มคุณค่า เพื่อช่วยโลก ช่วยธรรมชาติ รวมถึงช่วยสร้างโอกาสให้มนุษย์ด้วยกันเอง ซึ่งถือเป็นการตอกย้ำจุดยืนในการเป็น “กาแฟที่แฟร์กับคนทั้งโลก” อีกด้วย
Tag:Café Amazon