ความลับที่ซ่อนอยู่ของ Facebook ทำไมถึงเลือกใช้ “สีน้ำเงิน” ในการปั้นแบรนด์
1 พ.ค. 2023
Twitter, Facebook, Skype, LinkedIn, Telegram
เคยสงสัยไหมว่า ทำไมแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย หรือแพลตฟอร์มชื่อดังเหล่านี้ ถึงเลือกใช้โทนสีฟ้าและสีน้ำเงินในการสร้างแบรนด์
อย่างที่หลายคนรู้กันอยู่แล้วว่า “สี” ส่งผลต่อบุคลิกภาพของแบรนด์ (Brand Personality)
ยกตัวอย่างเช่น สีเหลือง ทำให้แบรนด์ดูมีชีวิตชีวา, สีเขียว ทำให้แบรนด์ดูเป็นมิตร หรือสีแดง ที่กระตุ้นความสนใจให้ลูกค้าเลือกซื้อ
แต่ก่อนที่จะถึงเรื่องการใช้สีน้ำเงินในการสร้างแบรนด์
บทความนี้ จะชวนมาเจาะลึกเบื้องหลัง Facebook ว่ามีเหตุผลพิเศษอะไร ถึงเลือกใช้ “สีน้ำเงิน” เป็นสีประจำแบรนด์ ?
Facebook แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ที่มีผู้ใช้งานเกือบ 3,000 ล้านบัญชีต่อเดือน เกิดจากพ่อหนุ่ม “มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก” ผู้ชายที่หลาย ๆ คนรู้จักกันดี
ในปี 2004 สมัยที่ มาร์ก ยังเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
เขาได้สร้างเว็บไซต์ที่มีชื่อว่า TheFacebook สำหรับเป็นเว็บไซต์ที่เชื่อมทุกคนในมหาวิทยาลัยเข้าด้วยกัน
ซึ่งก็ได้รับเสียงตอบรับจากนักศึกษาเป็นอย่างดี จนขยายการใช้งานไปสู่มหาวิทยาลัยอื่น ๆ และขยายมาสู่แพลตฟอร์ม Facebook ที่เราใช้งานกันถึงทุกวันนี้
ตลอดระยะเวลาการก่อตั้งจาก TheFacebook สู่ Facebook ได้มีการเปลี่ยนแปลงสิ่งใหม่ ๆ มากมาย
ยกตัวอย่างเช่น การเพิ่ม News Feed หรือหน้าฟีดที่คอยอัปเดตว่า เพื่อน ๆ กำลังทำอะไรอยู่ หรือตอนนี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง
รวมถึงการเข้าซื้อกิจการ Instagram, Oculus และ WhatsApp เพื่อขยายบริษัทให้ใหญ่ขึ้น
แต่รู้หรือไม่ว่า สิ่งเดียวที่แทบไม่เปลี่ยนไปเลยก็คือ “สีน้ำเงิน”
สีที่อยู่ในทุก ๆ ส่วน ทั้งองค์ประกอบต่าง ๆ ของแพลตฟอร์ม และโลโกของแพลตฟอร์ม ที่ใช้สีน้ำเงินมานับตั้งแต่ก่อตั้ง หรือราว 19 ปีมาแล้ว
จนเรียกได้ว่า สีน้ำเงิน กลายเป็นอัตลักษณ์ของแบรนด์ (Brand CI) ที่ทุก ๆ คนจดจำกันได้เป็นอย่างดี
ครั้งหนึ่ง มาร์ก เคยให้สัมภาษณ์ถึงเบื้องหลังที่ Facebook เลือกใช้สีน้ำเงิน
นั่นก็เพราะว่า มาร์ก มีภาวะ “ตาบอดสี”
ต้องอธิบายก่อนว่า ตาบอดสี มีหลายประเภท เช่น
ตาบอดสีแดง-เขียว จะมีความยากลำบากในการแยกระหว่างสีแดงและสีเขียว
ตาบอดสีน้ำเงิน-เหลือง จะมีความยากลำบากในการแยกสีน้ำเงินกับสีเขียว และสีเหลืองกับสีแดง
สำหรับ มาร์ก มีภาวะตาบอดสีแบบสีแดง-เขียว
และสีที่ มาร์ก มองเห็นชัดที่สุดก็คือ “โทนสีน้ำเงิน”
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขาตัดสินใจเลือกใช้สีน้ำเงินในการสร้างแบรนด์ให้กับ Facebook
ทีนี้กลับมาที่เรื่องการใช้สีกับการปั้นแบรนด์
สำหรับ สีน้ำเงิน เป็นหนึ่งในโทนสีที่นิยมใช้ในการสร้างแบรนด์มากที่สุด
โดยเหตุผลก็มีหลายประการ เช่น สีน้ำเงิน แสดงถึงความเข้มแข็ง ความน่าเชื่อถือ ความมั่นคง และความปลอดภัย
เราจึงเห็นธุรกิจประเภท การสื่อสาร, คอมพิวเตอร์, เทคโนโลยี, การเงินการธนาคาร และนวัตกรรมต่าง ๆ นิยมใช้สีน้ำเงินในการสร้างแบรนด์
นอกจากนี้ ยังมีเหตุผลอื่น ๆ เช่น โทนสีน้ำเงิน สีฟ้า เป็นสีที่ชื่นชอบทั้งผู้ชายและผู้หญิง รวมถึงเป็นสีที่เคยสะท้อนถึงความหรูหรามาก่อน (อ่านบทความเต็มเรื่อง ทำไม “สีฟ้า” จึงเป็นสีที่นิยมใช้ ในการสร้างแบรนด์มากที่สุด ได้ที่ https://www.marketthink.co/26551)
โดยทั้ง 2 เหตุผล อย่าง มาร์ก มีภาวะตาบอดสี ทำให้เขาเห็นสีน้ำเงินชัดเจนที่สุด
และสีน้ำเงิน เหมาะกับธุรกิจด้านการสื่อสาร และเทคโนโลยีที่สุด
ทำให้ Facebook เลือกใช้ “สีน้ำเงิน” เป็นอัตลักษณ์ประจำแบรนด์ มาจนถึงทุกวันนี้นั่นเอง..
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ เรื่องการเลือกใช้สีกับการสร้างแบรนด์
ถึงแม้ว่า สีน้ำเงิน จะเป็นสีที่หลาย ๆ แบรนด์เลือกใช้
แต่จริง ๆ แล้ว สีน้ำเงิน ก็มี “คู่สีที่ไม่ควรใช้คู่กัน” ในการสร้างแบรนด์ หรือใช้เป็นสีหลักในการทำโฆษณา ในบางครั้ง เช่น
- สีน้ำเงินเข้ม คู่กับ สีดำ
เพราะทั้ง 2 สี เป็นสีโทนมืด จะทำให้แบรนด์ดูไม่น่าสนใจ น่าหดหู่
- สีน้ำเงิน คู่กับ สีแดง
ไม่เหมาะกับการใช้ในภาพทำแคมเปญโฆษณาที่ใช้สีใดสีหนึ่งในสีพื้นหลัง และสีใดสีหนึ่งเป็นสีตัวอักษร เพราะทั้ง 2 สี มีความฉูดฉาด ที่เมื่ออยู่ร่วมกันแล้ว จะทำให้ดูแข็งกร้าวจนเกินไป
นอกจากคู่สีน้ำเงินแล้ว ก็ยังมีคู่สีอื่น ๆ ที่ควรหลีกเลี่ยง
ยกตัวอย่างเช่น
- สีนีออน คู่กับ สีนีออน เพราะเป็นคู่สีที่สว่างจนเกินไป
- สีเหลือง คู่กับ สีเขียว เพราะเป็นคู่สีที่ทำให้แบรนด์ดูถูก ไม่เป็นมืออาชีพ
- สีเขียว คู่กับ สีแดง เพราะเป็นคู่สีที่คนตาบอดสีมากที่สุด
ทั้งนี้ เมื่อเลือกสีที่เข้ากับแบรนด์ได้แล้ว สิ่งที่สำคัญก็คือ การทำให้ผู้บริโภคจดจำให้ได้ว่า สีนี้เป็นสีที่เป็นอัตลักษณ์ของแบรนด์
เช่น การใช้สีนั้น ๆ ในหลาย ๆ องค์ประกอบของแบรนด์หรือสินค้า และใช้อย่างต่อเนื่อง
สุดท้าย แบรนด์ของเราถึงจะถูกจดจำได้ด้วยสี เหมือนที่เรานึกถึงสีแดง ต้อง Coca-Cola
นึกถึงหลากสี ต้อง Google หรือถ้านึกถึงสีฟ้า ต้องนึกถึง Facebook นั่นเอง..
--------------------------
Sponsored by JCB
สัมผัสประสบการณ์ที่มากกว่ากับ บัตรเครดิต JCB
ที่มาพร้อมสิทธิพิเศษดีๆ มากมาย
ให้คุณได้เพลิดเพลินทั้ง ช้อป กิน เที่ยว
พร้อมกับการให้บริการสุดพิถีพิถันทุกรูปแบบ
ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ >> http://www.specialoffers.jcb/th/promotion/japan_contents_of_ASEAN/
ติดตามความพิเศษที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะคุณได้ที่
Facebook : www.facebook.com/JCBCardThailandTH
LINE Official Account : @JCBThailand (https://bit.ly/JCBTHLine)
#JCBThailand #JCBCard
#JCBOwnHappinessOwnStory
#อีกขั้นของความสุขในรูปแบบที่เป็นตัวคุณ
--------------------------
อ้างอิง: