เมื่อ TikTok กำลังกลายเป็นช่องทางการหางาน ของชาว Gen Z อาจทำให้เว็บไซต์หางาน ถูกดิสรัปต์
7 เม.ย. 2023
เชื่อว่าถ้าใครได้มีโอกาสเล่น TikTok ในช่วงนี้ น่าจะเคยเห็นคลิปที่มีเนื้อหาแนว ๆ รีวิวชีวิตการทำงานของพนักงานในสายงานต่าง ๆ เช่น
- รีวิวการเป็นพนักงานคลินิกเสริมความงาม 1 วัน ทำอะไรบ้าง ?
- รีวิวชีวิตการทำงานในบริษัท Agency ว่าวัน ๆ ทำอะไรกัน ?
- รีวิวชีวิตการทำงานของ Auditor ในบริษัทตรวจสอบบัญชียักษ์ใหญ่ BIG4
ซึ่งท้ายคลิปก็มักจะมีการแนบสวัสดิการที่ดีมาก ๆ แถมบางคลิปยังมีช่องทางการสมัครงาน มาให้เสร็จสรรพ
จนดูเหมือนกับว่า คลิปดังกล่าว ถูกตั้งใจทำขึ้นมาเพื่อหาพนักงาน
มากกว่าจะแค่มารีวิวการทำงานเฉย ๆ
อย่างไรก็ตาม เชื่อหรือไม่ว่า จริง ๆ แล้ว คลิปประเภทนี้ ในบางครั้ง
ก็เป็นคลิปที่บริษัทตั้งใจทำขึ้นมา เพื่อใช้หาพนักงานจริง ๆ
และบางบริษัท ถึงกับมีการจ้างให้พนักงานทำคลิปให้เลยทีเดียว..
แล้วทำไม TikTok แอปพลิเคชันที่เอาไว้เสพความบันเทิงมาแต่ไหนแต่ไร
ถึงเริ่มกลายมาเป็นช่องทางในการทำเรื่องจริงจัง อย่างการหางานทำได้ ?
บทความนี้ MarketThink จะสรุปให้ฟัง
ปัจจุบันหลาย ๆ บริษัท กำลังมองหาและดึงดูดพนักงานในระดับเริ่มต้น ให้เข้ามาทำงานด้วย
ซึ่งพนักงานที่จะเข้ามาเป็นพนักงานในระดับเริ่มต้น ส่วนใหญ่ก็คงหนีไม่พ้นกลุ่มคน Gen Z หรือคนที่มีอายุประมาณ 20 ต้น ๆ เพราะมีเรตค่าจ้างที่ยังไม่สูงมาก, ทันโลก และเทคโนโลยี แถมมักมีไอเดียใหม่ ๆ อยู่เสมอ
โดยกลุ่มคน Gen Z นั้น มีสถิติที่น่าสนใจว่า เป็นคนที่ใช้เวลาเฉลี่ยอยู่บนโซเชียลมีเดีย มากถึง 3 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่ง TikTok คือสื่อโซเชียลมีเดียที่กลุ่มคน Gen Z ใช้เวลาด้วยมากที่สุดเป็นอันดับต้น ๆ
แถมในบางประเทศยังมีสถิติพบว่า ชาว Gen Z ใช้เวลาบน TikTok มากกว่า YouTube เสียอีก
ทำให้การประกาศหาพนักงานบน TikTok จะมีโอกาสเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ ได้มากกว่าช่องทางการรับสมัครงานแบบดั้งเดิม ตามไปด้วย
และรู้หรือไม่ว่า การใช้ TikTok เพื่อมองหาและดึงดูดพนักงาน จริง ๆ เกิดขึ้นมาสักพักใหญ่ ๆ แล้ว
แถมไม่ใช่เฉพาะที่ไทยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงที่สหรัฐอเมริกา และอีกหลายประเทศด้วย
โดยสาเหตุของเรื่องนี้ คุณ Kate Barney หัวหน้าฝ่ายทรัพยากรบุคคลของ TikTok Global Business Solutions ก็ได้ให้ความเห็นไว้อย่างน่าสนใจ
เมื่อเรานึกถึงการหางานทำ หลายคนคงนึกถึงการใช้แพลตฟอร์มอย่าง LinkedIn หรือตามเว็บไซต์หางาน
ซึ่งช่องทางสุดคลาสสิกเหล่านี้ มักจะมีขั้นตอนการสมัครงานคล้าย ๆ กัน คือ เริ่มต้นด้วยการส่งเรซูเม ที่มีประวัติการทำงาน, ประวัติการศึกษา แล้วรอให้บริษัทที่สนใจติดต่อกลับมา เพื่อนัดสัมภาษณ์ ซึ่งค่อนข้างเป็นขั้นตอนที่น่าเบื่อ..
ผิดกับ TikTok ที่เป็นแพลตฟอร์มวิดีโอสั้น และใช้งานง่าย จนไม่ว่าใครก็สามารถตัดต่อวิดีโอได้
ทำให้หลายคน โดยเฉพาะกลุ่มคน Gen Z มีทางเลือกในการพรีเซนต์ตัวเอง ได้มากกว่าแค่การยื่นกระดาษ 1 แผ่น..
เช่นเดียวกับฝั่งบริษัท ก็สามารถโชว์สวัสดิการต่าง ๆ รวมถึงบรรยากาศการทำงาน ผ่านภาพ เสียง และวิดีโอได้ เพื่อดึงดูดพนักงาน ซึ่งทำได้น่าสนใจและชัดเจน กว่าการประกาศผ่านเว็บไซต์
พูดง่าย ๆ คือ บริษัทก็ Win เพราะได้พนักงาน ที่เข้าใจในรายละเอียดงานเบื้องต้นจากคลิป TikTok
ส่วนพนักงานก็ Win เพราะได้เห็นวัฒนธรรมองค์กร และขั้นตอนการทำงานจากคลิป TikTok ของบริษัท
พอเป็นแบบนี้ จึงไม่แปลกที่บริษัทและแบรนด์ใหญ่ ๆ ในสหรัฐอเมริกา จะเริ่มหันมาใช้ TikTok เป็นสื่อกลางในการหาพนักงานกันมากขึ้น ในช่วงหลัง ๆ อย่างเช่น
- HBO แพลตฟอร์มสตรีมมิงชื่อดัง ก็ได้มีการใช้ Hashtag #HBOMassummerintern
มาประกาศรับสมัครเด็กฝึกงาน ผ่าน TikTok และได้ผู้เข้าร่วมมากกว่า 300 คนในที่สุด
- Hasbro บริษัทของเล่นรายใหญ่ เจ้าของแบรนด์ Nerf ครั้งหนึ่งก็เคยรับสมัครตำแหน่ง CTO (Chief TikTok Officer)
โดยผู้สมัครส่วนใหญ่ ก็ไม่ได้ยื่นเรซูเมแบบปกติ แต่พากันทำคลิปลง TikTok
แล้วใส่ Hashtag #NerfApplication ในการสมัครงาน
นอกจากนี้ การที่แบรนด์มาเปิดรับสมัครพนักงานผ่าน TikTok ยังมีข้อดีอีกหลายอย่าง
เริ่มตั้งแต่ ได้สร้างการรับรู้ในแบรนด์ (Brand Awareness) ที่จะได้มาจากยอดคนดู
ซึ่งแบรนด์ไหนที่ให้สวัสดิการดี ๆ และทำคลิปได้น่าสนใจ ก็มีโอกาสที่วิดีโอจะแมสขึ้นมาเป็นไวรัลได้ง่าย ๆ
จากอัลกอริทึมของ TikTok แถมยังช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้องค์กรได้อีกทางด้วย
สุดท้ายนี้ มีการคาดการณ์ว่า ภายในปี 2030 กลุ่มคน Gen Z จะกลายเป็นแรงงานที่ครองสัดส่วน 30% ของจำนวนแรงงานทั้งหมด
นั่นก็อาจหมายถึงว่า ถ้ากลุ่มคนเหล่านี้ เริ่มเรียนรู้และคุ้นชินกับการใช้ TikTok ในการหางานทำในวันนี้
ไม่แน่ว่าในอนาคต คนที่เดือดร้อน อาจเป็นเว็บไซต์และแพลตฟอร์มหางาน
ที่อาจปรับตัวไม่ทัน กับพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ ก็ได้..
อ้างอิง: