สร้างแบรนด์ให้เป็นที่จดจำ ด้วยการตลาดผ่านเสียงเพลง “Music Marketing”
29 พ.ค. 2022
รู้หรือไม่ว่า เสียงเพลง เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญ ที่ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก และเป็นที่จดจำได้มากขึ้น
นอกเหนือจากชื่อแบรนด์ โลโกแบรนด์ และองค์ประกอบอื่น ๆ
นอกเหนือจากชื่อแบรนด์ โลโกแบรนด์ และองค์ประกอบอื่น ๆ
ไม่เชื่อก็ลองนึกดูว่า เมื่อเรานึกถึงแบรนด์เหล่านี้ เช่น แลคตาซอย, ปูไทย และ MK
เรานึกถึงอะไรกันบ้าง ?
เรานึกถึงอะไรกันบ้าง ?
เชื่อว่าหลายคนต้องนึกถึงเพลงโฆษณาที่ชวนติดหู พร้อมร้องออกมาเป็นทำนองได้อย่างแน่นอน
ซึ่งการที่แบรนด์ต่าง ๆ ใช้เพลงเข้ามาส่งเสริมแบรนด์ หรือส่งเสริมแคมเปญทางการตลาด เพื่อสร้างการรับรู้และให้เป็นที่จดจำมากขึ้นนี้ เรียกว่า “Music Marketing”
โดยคำว่า Music Marketing ก็สามารถแปลตรงตัวได้คือ การทำการตลาดที่ใช้ดนตรีเข้ามาประกอบ
โดยคำว่า Music Marketing ก็สามารถแปลตรงตัวได้คือ การทำการตลาดที่ใช้ดนตรีเข้ามาประกอบ
ในยุคแรก ๆ Music Marketing ก็คือการแต่งเพลง เพื่อประกอบโฆษณาบนโทรทัศน์เป็นหลัก
เช่น เพลงประกอบโฆษณาของแลคตาซอย, ปูไทย และ MK ที่ได้พูดถึงไปแล้ว
เช่น เพลงประกอบโฆษณาของแลคตาซอย, ปูไทย และ MK ที่ได้พูดถึงไปแล้ว
ต่อมาเมื่อเทคโนโลยีเริ่มพัฒนามากขึ้น ก็เริ่มขยายจากทางโทรทัศน์ ไปยังแพลตฟอร์มอื่น ๆ เช่น บนแพลตฟอร์มวิดีโออย่าง YouTube
รวมถึงเริ่มมีการแต่งเพลงจริงจังมากขึ้น โดยนำนักร้องที่มีชื่อเสียงมาร้อง พร้อมสร้าง MV ประกอบ เพื่อให้เพลงเหล่านั้นได้รับความนิยม และกระจายไปถึงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น
รวมถึงเริ่มมีการแต่งเพลงจริงจังมากขึ้น โดยนำนักร้องที่มีชื่อเสียงมาร้อง พร้อมสร้าง MV ประกอบ เพื่อให้เพลงเหล่านั้นได้รับความนิยม และกระจายไปถึงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น
อย่าง MK ที่เมื่อปี 2019 ได้ปล่อยเพลง กินอะไร ในเวอร์ชันใหม่บน YouTube ที่มีแสตมป์ อภิวัชร์, URBOYTJ และลำไย ไหทองคำ มาร้องร่วมกัน
ขณะที่ในช่วงหลัง ๆ มานี้ ยังมีการใช้เสียงเพลงมาส่งเสริมแบรนด์ในอีกรูปแบบหนึ่ง
ก็คือ การเลือกเปิดเพลง หรือดนตรี ภายในร้านค้า ร้านกาแฟ เพื่อสร้างบรรยากาศให้ลูกค้าอยู่ในร้านได้นานขึ้น
ก็คือ การเลือกเปิดเพลง หรือดนตรี ภายในร้านค้า ร้านกาแฟ เพื่อสร้างบรรยากาศให้ลูกค้าอยู่ในร้านได้นานขึ้น
ยกตัวอย่างเช่น Starbucks เชนร้านกาแฟที่ขึ้นชื่อเรื่องการเปิดเพลงสบาย ๆ เหมาะกับการเข้ามาจิบกาแฟ รับประทานอาหารว่าง หรือแม้แต่เข้ามานั่งทำงานได้แบบเพลิน ๆ
จนถึงขนาดที่ว่ามีผู้ใช้งานบนโซเชียลมีเดีย ออกตามหาเพลย์ลิสต์แบบ Starbucks ซึ่งต่อมา Starbucks ก็ออกมาปล่อยเพลย์ลิสต์ ให้ทุกคนเข้าไปฟังได้ง่าย ๆ ผ่าน Spotify
จนถึงขนาดที่ว่ามีผู้ใช้งานบนโซเชียลมีเดีย ออกตามหาเพลย์ลิสต์แบบ Starbucks ซึ่งต่อมา Starbucks ก็ออกมาปล่อยเพลย์ลิสต์ ให้ทุกคนเข้าไปฟังได้ง่าย ๆ ผ่าน Spotify
หรือ Muji ร้านขายสินค้าสัญชาติญี่ปุ่น ที่มักจะเปิดเสียงดนตรีคลอเบา ๆ เพื่อให้ลูกค้าเพลิดเพลินไปกับการเลือกสินค้า
โดย Muji ได้ทำการรวบรวมเพลงเองกว่า 300 เพลง จากนักดนตรีท้องถิ่นใน 16 ประเทศทั่วโลก ซึ่งในตอนแรกได้วางขายในรูปแบบแผ่นซีดี แต่ต่อมาได้เปลี่ยนมาเปิดตัวเป็นเพลย์ลิสต์บนแพลตฟอร์มสตรีมมิง ทั้ง Spotify, Apple Music และ YouTube Music
รู้หรือไม่ว่า แบรนด์ไทยอย่าง Bearhouse ร้านชานมฝีมือคนไทย จากคุณซารต์-ปัทมพร ปรีชาวุฒิเดช และคุณกานต์-อรรถกร รัตนารมย์ ที่เป็นผู้ก่อตั้ง เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ก็ได้ลงทุนไปกว่า 1 แสนบาท เพื่อสร้างเพลย์ลิสต์เพลง สำหรับร้านชานมของตัวเองเช่นกัน
โดยมีกิมมิกที่สอดแทรกอยู่ในเพลงก็คือ ใส่เสียงน้ำแข็ง เสียงใบชา และเสียงไข่มุกที่กระทบกับน้ำลงในเพลงด้วย
แล้วการที่แบรนด์ต่าง ๆ ทุ่มเงินลงทุนสร้างเพลง เพื่อส่งเสริมแบรนด์ หรือส่งเสริมแคมเปญทางการตลาด มีข้อดีอะไรบ้าง ?
- ช่วยสร้างการรับรู้ของแบรนด์ หรือ Brand Awareness มากขึ้น
แน่นอนว่า องค์ประกอบเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็น ชื่อแบรนด์ โลโกแบรนด์ หรือสีของแบรนด์ ต่างมีส่วนในการสร้างการรับรู้ของแบรนด์ทั้งหมด เช่น ถ้าเราใช้ชื่อแบรนด์ที่เข้าใจง่าย หรือสร้างสรรค์ ก็มีโอกาสที่ลูกค้าจะจดจำได้ง่ายขึ้น
อย่างไรก็ดี มีงานวิจัยที่พบว่า “เสียงเพลง” เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญ ที่ช่วยให้ลูกค้ารับรู้และจดจำแบรนด์ได้ง่ายขึ้น
ซึ่งไม่เพียงแค่จดจำได้ว่า เป็นแบรนด์อะไร ขายสินค้าอะไร
แต่ถ้าหากเพลงเหล่านั้น บอกเล่าเรื่องราวของแบรนด์ หรือเรื่องราวของผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ
ลูกค้าก็จะสามารถจดจำไปจนถึงเรื่องราวเหล่านั้นได้ด้วย
แต่ถ้าหากเพลงเหล่านั้น บอกเล่าเรื่องราวของแบรนด์ หรือเรื่องราวของผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ
ลูกค้าก็จะสามารถจดจำไปจนถึงเรื่องราวเหล่านั้นได้ด้วย
นอกจากนี้ งานวิจัยยังพบว่า ลูกค้ามีแนวโน้มจะจดจำแบรนด์ ที่ใช้เสียงเพลงในการทำการตลาด ได้มากกว่าแบรนด์ที่ไม่ใช้เสียงเพลงด้วย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แบรนด์ที่ใช้เพลง หรือใช้นักร้อง ที่สอดคล้องไปกับภาพลักษณ์ของแบรนด์ จะยิ่งทำให้ลูกค้าจดจำได้มากขึ้นกว่าเดิม
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แบรนด์ที่ใช้เพลง หรือใช้นักร้อง ที่สอดคล้องไปกับภาพลักษณ์ของแบรนด์ จะยิ่งทำให้ลูกค้าจดจำได้มากขึ้นกว่าเดิม
- ทำให้ลูกค้าเกิดความจงรักภักดีต่อแบรนด์ หรือ Customer Loyalty
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือ Starbucks เมื่อร้านค้าสามารถสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าได้
ในกรณีนี้ ก็คือเพลงสบาย ๆ ที่ทำให้ลูกค้าเพลิดเพลินกับการนั่งในร้านค้า
จึงมีแนวโน้มว่า ลูกค้าจะกลับมาใช้บริการอีกซ้ำ ๆ เรื่อย ๆ นั่นเอง
ในกรณีนี้ ก็คือเพลงสบาย ๆ ที่ทำให้ลูกค้าเพลิดเพลินกับการนั่งในร้านค้า
จึงมีแนวโน้มว่า ลูกค้าจะกลับมาใช้บริการอีกซ้ำ ๆ เรื่อย ๆ นั่นเอง
หรืออย่างกรณีร้านชานมไข่มุก Bearhouse ที่ทุ่มเงินแสน สร้างเพลย์ลิสต์ของตัวเอง
นอกจากจะเหมือนกรณีของ Starbucks ที่ทำให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการซ้ำ ๆ แล้ว
นอกจากจะเหมือนกรณีของ Starbucks ที่ทำให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการซ้ำ ๆ แล้ว
อีกหนึ่งข้อดีก็คือ สามารถนำเพลงมาเปิดที่ร้านค้าได้ตลอด
รวมถึงยังนำไปพัฒนาต่อยอด ประกอบแคมเปญทางการตลาดอื่น ๆ โดยไม่ต้องกลัวปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ด้วย
รวมถึงยังนำไปพัฒนาต่อยอด ประกอบแคมเปญทางการตลาดอื่น ๆ โดยไม่ต้องกลัวปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ด้วย
- เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ
การนำนักร้อง มาเป็นส่วนหนึ่งในการทำ Music Marketing ก็คล้ายกับการที่แบรนด์ 2 แบรนด์มาจับมือ Collaboration กัน ซึ่งจะช่วยขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ ได้
ยกตัวอย่างเช่น เมื่อปีที่แล้วแบรนด์โออิชิ ต้องการขยายฐานกลุ่มลูกค้า ไปยังกลุ่มวัยรุ่นในภาคอีสาน
ทางแบรนด์จึงดึง เบิ้ล ปทุมราช นักร้องซึ่งเป็นขวัญใจแฟนเพลงลูกทุ่งอีสาน ที่มียอดวิวรวมกว่า 1,000 ล้านวิวบน YouTube มาเป็นพรีเซนเตอร์นั่นเอง
ทางแบรนด์จึงดึง เบิ้ล ปทุมราช นักร้องซึ่งเป็นขวัญใจแฟนเพลงลูกทุ่งอีสาน ที่มียอดวิวรวมกว่า 1,000 ล้านวิวบน YouTube มาเป็นพรีเซนเตอร์นั่นเอง
ทั้งหมดนี้ ก็เห็นได้ชัดว่า Music Marketing นั้นช่วยส่งเสริมการทำการตลาดได้เป็นอย่างดี
ทุกวันนี้ เราจึงเห็นว่า Music Marketing เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่แบรนด์ไทยนิยมใช้กันอย่างมาก
ทุกวันนี้ เราจึงเห็นว่า Music Marketing เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่แบรนด์ไทยนิยมใช้กันอย่างมาก
อย่างไรก็ดี ข้อสำคัญในการทำ Music Marketing ก็คือควรรู้ก่อนว่า แบรนด์ของตัวเองเป็นอย่างไร อยากสื่อสารแบรนด์ผ่านเพลงอย่างไร มีกลุ่มเป้าหมายเป็นใคร หรือต้องการให้เพลงเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใด
จึงจะสามารถทำการตลาดด้วย Music Marketing ได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง..
จึงจะสามารถทำการตลาดด้วย Music Marketing ได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง..
อ้างอิง:
-https://www.timeout.com/tokyo/news/you-can-now-stream-mujis-in-store-music-at-home-for-free-052521
-https://www.youtube.com/watch?v=ry3MnNBoUAY
-https://www.audiodraft.com/audio-branding/
-https://www.timeout.com/tokyo/news/you-can-now-stream-mujis-in-store-music-at-home-for-free-052521
-https://www.youtube.com/watch?v=ry3MnNBoUAY
-https://www.audiodraft.com/audio-branding/