เจฟฟ์ เบโซส ขายหุ้น Amazon อีก 90,000 ล้านบาท เพื่อลงทุนในบริษัทอวกาศ
5 พ.ย. 2020
เจฟฟ์ เบโซส์ ผู้ก่อตั้งบริษัทอีคอมเมิร์ซ Amazon และอภิมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลก
ได้ยื่นเอกสารต่อ ก.ล.ต. สหรัฐฯ ว่าในสัปดาห์นี้ เขาได้ทำการขายหุ้นในบริษัท Amazon ไปกว่า 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 93,100 ล้านบาท)
ได้ยื่นเอกสารต่อ ก.ล.ต. สหรัฐฯ ว่าในสัปดาห์นี้ เขาได้ทำการขายหุ้นในบริษัท Amazon ไปกว่า 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 93,100 ล้านบาท)
ซึ่งก่อนหน้าที่ เจฟฟ์ ก็ได้ดำเนินการขายหุ้นของ Amazon เป็นระยะๆ
เดือนกุมภาพันธ์ 2020 ขายหุ้นไป 4,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 127,200 ล้านบาท)
เดือนสิงหาคม 2020 ขายหุ้นไป 3,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 96,200 ล้านบาท)
เดือนกุมภาพันธ์ 2020 ขายหุ้นไป 4,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 127,200 ล้านบาท)
เดือนสิงหาคม 2020 ขายหุ้นไป 3,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 96,200 ล้านบาท)
ดังนั้นเฉพาะปี 2020
เจฟฟ์ ได้ขายหุ้นของ Amazon ไปแล้วทั้งหมด 10,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 316,500 ล้านบาท)
เจฟฟ์ ได้ขายหุ้นของ Amazon ไปแล้วทั้งหมด 10,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 316,500 ล้านบาท)
ในขณะที่ปี 2019
เขาได้ขายหุ้น Amazon ไป 2,800 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 86,900 ล้านบาท)
เขาได้ขายหุ้น Amazon ไป 2,800 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 86,900 ล้านบาท)
ส่วนเหตุผลที่ เจฟฟ์ ขายหุ้นในบริษัทของตัวเอง ซึ่งก่อตั้งมากับมือ
ก็เพื่อนำเงินมาลงทุนเพิ่มในบริษัท Blue Origin
บริษัทด้านการพัฒนาจรวดและให้บริการขนส่งอวกาศ ที่เขาก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 2000
ก็เพื่อนำเงินมาลงทุนเพิ่มในบริษัท Blue Origin
บริษัทด้านการพัฒนาจรวดและให้บริการขนส่งอวกาศ ที่เขาก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 2000
Blue Origin มีเป้าหมายหลักๆ คือ การสร้างถิ่นฐานบนดวงจันทร์ และสร้างสถานีอวกาศ ที่เป็นอาณานิคมโคจรรอบโลก
โดยก่อนหน้านี้ เจฟฟ์ เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า
เขาจะขายหุ้นในบริษัท Amazon ปีละ 1,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 31,000 ล้านบาท)
เพื่อนำไปลงทุนในบริษัท Blue Origin
เขาจะขายหุ้นในบริษัท Amazon ปีละ 1,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 31,000 ล้านบาท)
เพื่อนำไปลงทุนในบริษัท Blue Origin
ซึ่งการเร่งขายหุ้นในบริษัท Amazon ของ เจฟฟ์
ที่บ่อยและมีมูลค่ามากกว่า ปีก่อนๆ และที่เขาเคยให้สัมภาษณ์ไว้
ที่บ่อยและมีมูลค่ามากกว่า ปีก่อนๆ และที่เขาเคยให้สัมภาษณ์ไว้
สะท้อนให้เห็นว่า เขากำลังเห็นโอกาส และให้ความสำคัญกับธุรกิจอวกาศมากขึ้นเรื่อยๆ
นอกจากนี้ ราคาหุ้นของ Amazon ที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี
ก็อาจเป็นอีกเหตุผลหนึ่ง ที่เขาเลือกขายหุ้นออกมาบางส่วน เพื่อทำกำไรและเก็บเงินสดไว้
โดยตั้งแต่ต้นปี ราคาหุ้นของ Amazon ได้ปรับตัวขึ้นแล้วกว่า 71%
ก็อาจเป็นอีกเหตุผลหนึ่ง ที่เขาเลือกขายหุ้นออกมาบางส่วน เพื่อทำกำไรและเก็บเงินสดไว้
โดยตั้งแต่ต้นปี ราคาหุ้นของ Amazon ได้ปรับตัวขึ้นแล้วกว่า 71%
อย่างไรก็ดี ถึงจะขายหุ้นไปแล้วบางส่วน แต่ปัจจุบัน เจฟฟ์ ยังคงถือหุ้นในบริษัท Amazon มากกว่า 53 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่าราว 170,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 5,274,800 ล้านบาท)..
นอกจากนี้ ในเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
เจฟฟ์ ยังได้จัดตั้งกองทุนโลก (Earth Fund) ที่มีเป้าหมายเพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
ซึ่งจะมอบทุนให้กับ นักวิทยาศาสตร์, นักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อม และองค์กรอื่นๆ
เจฟฟ์ ยังได้จัดตั้งกองทุนโลก (Earth Fund) ที่มีเป้าหมายเพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
ซึ่งจะมอบทุนให้กับ นักวิทยาศาสตร์, นักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อม และองค์กรอื่นๆ
โดยเขาจะบริจาคเงินเข้ากองทุนนี้เป็นมูลค่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 310,300 ล้านบาท)
ทั้งนี้ เจฟฟ์ ยังไม่ได้ประกาศรายชื่อคนหรือองค์กร ที่จะได้รับเงินบริจาคอย่างเป็นทางการ
แต่คาดว่า เขาจะมอบเงินราว 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3,100 ล้านบาท)
แต่คาดว่า เขาจะมอบเงินราว 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3,100 ล้านบาท)
ให้กับ the Nature Conservancy, the Environmental Defense Fund และ the Natural Resources Defense Council and the World Wildlife Fund